Plain Living, High Doing...



โมงยามแห่งฤดูใบไม้ร่วง ๒










อารัมภบท




ภาคนี้ว่าด้วยเรื่องและภาพของคฤหาสน์ใน Ashville ค่ะ














เสี่ยงมาลา




ตอนฉันเห็นเทพธิดาปูนปั้นนี้ รู้สึกว่าสวยจังแต่นึกไม่ออกว่าจะถ่ายรูปนี้แบบไหนดี พอเห็นเมฆข้างหลังแล้วนึกถึงเลนส์ 10-22 ที่ทิ้งไว้บ้านจับใจ ปกติฉันไม่ชอบถ่ายรูปโดยใช้เลนส์ไวด์ เพราะไม่ชอบรูปบิด




ฉันอยากได้ฟ้าเยอะๆเห็น “รจนา” ฝรั่งเสี่ยงพวงมาลัยอยู่กลางหาว เดาเอาว่าที่ ระยะ 10mm น่าจะได้ภาพอย่างใจคิด ฉันถ่ายภาพนี้ที่ระยะ 18mm สุดความสามารถแล้วได้เท่านี้ค่ะ




“รจนา” ในรูปนี้อยู่ในสวนของ Biltmore Estate ค่ะ





















หน้าต่างบานหนึ่ง




ใครดูบล็อกของฉันบ่อยๆ คงเดาทางถูกว่ารูปแบบนี้เป็นแบบหนึ่งที่ฉันชอบถ่ายมาก

ไม่มีอะไรนอกจากหน้าต่างบานหนึ่ง ซึ่งชวนจินตนาการว่าชิวิตหลังหน้าต่างเป็นอย่างไร




หลังจากเดินชมภายในบ้านหลังใหญ่ที่สุดในอเมริกา (Biltmore Estate) แล้ว ก็ให้นึกสงสัยว่าหน้าต่างบานนี้เป็นของห้องไหน

สันนิษฐานเอาเองว่าเป็นห้องนอนของพนักงานคนใดคนหนึ่งในชั้นใต้ดิน



























เฝ้า




ค่ำเช้าฉันก็เฝ้า ของข้าวคอยระวัง ภูตพรายผีกระหัง ฉันยังนั่งคอยดู
เพื่อคนที่ฉันรัก ใจภักดิ์มีใจสู้ ปัดเป่าเขาไม่รู้ เพียงเขาอยู่เป็นสุขพอ


Gargoyle นี้อยู่ด้านหน้าของ Biltmore Estate ค่ะ หน้าที่ของ Gargoyle จริงๆก็เหมือนกับรางน้ำฝนบ้านเรา คือรับน้ำแล้วระบายให้ไกลจากตัวบ้าน ความเชื่ออีกอย่างคือ Gargoyle ทำหน้าที่เฝ้าบ้าน ปัดเป่าภัยอันตรายต่างๆที่จะมาเยือน ทำให้อยู่เป็นสุข



แถม Gargoyle ให้ดูสักเล็กน้อย ชุดนี้อยู่ที่ระเบียงห้องดนตรีค่ะ




































สนชุมนุม




เย็นๆฉันเดินเล่นอยู่ในสวนของ Biltmore Estate สนกลุ่มนี้สวยดีไม่น้อย ถ่ายอยู่หลายรูปกว่าจะได้ยอดสนชุมนุมในจังหวะที่พอเหมาะพอดีอย่างในรูปนี้




Biltmore Estate เป็นบ้านของ George Vanderbilt ซึ่งเป็นผู้ที่มีความสนใจทางด้านพฤกษศาสตร์และป่าไม้เป็นอย่างยิ่งค่ะ หลังจากที่ George Vanderbilt เสียชีวิตแล้ว ภรรยาของเขาได้ขายพื้นที่บ้านบริเวณ Mt. Pigah (ปัจจุบันรวมอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ Blue Ridge Mountain) ให้กับรัฐบาลเพื่อตั้งเป็นโรงเรียนป่าไม้แห่งแรกของอเมริกา สนนราคาที่ขายคิดว่าไม่ได้แพงมากแต่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของ George Vanderbilt มากกว่า สมัยที่เขายังมีชีวิตอยู่ ทางรัฐบาลมักส่งเจ้าหน้าที่มาเรียนวิชาป่าไม้กับเขาเป็นประจำ























ยามเย็นในสวน




ฉันเดินอยู่บนเนินมองลงมาเห็นสวนสวยในแสงเย็น บรรยากาศของจริงสวยจับใจ ทั้งแสงที่ส่องลงมาและบรรยากาศชวนนั่งรับแดดอ่อนที่เก้าอี้ตัวนั้น เห็นรูปแล้วนึกเสียดาย เก็บความสวยมาได้ไม่ถึงครึ่งของที่เห็น

























สวนข้างบ้าน




“บ้าน”ที่เห็นอยู่เป็นฉากหลังของภาพนี้ชื่อว่า Biltmore Estate ค่ะ อยู่ในเมืองชื่อ Asheville รัฐ North Carolina เป็นบ้านที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา ปัจจุบันไม่ได้เป็นบ้านแล้วแต่ทำเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ต้องเสียเงินเข้าไปชม รอบๆเป็นสวนดอกไม้ สวนป่า เรือนกระจกและหมู่บ้านไวน์





บ้านนี้บริเวณกว้างมาก ถ้าคิดจะเดินเล่นให้ทั่วคงต้องใช้เวลาหลายวัน บริเวณบ้านมองไปสุดลูกหูลูกตาเป็นป่าไม้ เพราะเจ้าของบ้านไม่ต้องการให้ทัศนียภาพรอบบ้านเปลี่ยนแปลง เลยซื้อที่ดินไว้ชนิดที่ว่ามองเห็นถึงไหนก็ซื้อถึงตรงนั้นนั่นล่ะค่ะ





บ้านใหญ่ สวนใหญ่ อีกนัยหนึ่งก็งานมากตามไปด้วย จะรักษาบ้านและสวนให้สวยคงสภาพดีอยู่เสมอไม่ใช่งานง่ายๆเลย งานรักษามักจะยากกว่างานสร้างนะคะ























Biltmore Estate




มาถึงรูปนี้ต้องเล่าประวัติบ้านและเจ้าของบ้านกันสักหน่อยค่ะ




บ้านหลังนี้นับเป็น”บ้าน”ที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา หมายถึงบ้านที่สร้างเป็นบ้าน ไม่ใช่เป็นสถานที่ราชการ มีชื่อว่า Biltmore Estate อยู่ในเมือง Asheville, North Carolinaเจ้าของชื่อว่า George W. Vanderbilt สร้างเสร็จเปิดใช้อย่างเป็นทางการในเทศกาลคริสตมาสปีคศ. 1895 ตอนนั้นเจ้าของบ้านยังโสดและมีอายุไม่มากนัก แค่ยี่สิบกลางๆเท่านั้น สามปีต่อมา George แต่งงานกับ Edith Stuyvesant ซึ่งพบรักกันบนเรือเดินสมุทร ทั้งสองแต่งงานกันที่่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มีลูกสาวเพียงคนเดียวชื่อว่า Cornelia ซึ่งภายหลังแต่งงานกับตระกูล Cecil ปัจจุบันบ้านหลังนี้จึงเป็นสมบัติของตระกูล Cecil




Biltmore Estate มีถึง 400 ห้อง มีคนรับใช้ทั้งหมดร่วม 40 คน นับว่าเป็นบ้านที่ทันสมัยมากๆในตอนนั้น นอกจากห้องสวยๆ ห้องสมุดน่าสบาย(มาก) ห้องดนตรี และห้องอะไรต่ออะไรอีกมากมายแล้ว ชั้นใต้ดินเป็นชั้นที่น่าทึ่งมากที่สุด มีครัวที่ทันสมัยมาก ทั้งครัวเย็น ครัวสำหรับเนื้อ ครัวเบเกอรี่ มีห้องเย็น ห้องซักผ้าที่มีเครื่องซักผ้า เครื่องตากผ้า ห้องรีดผ้า ลานโบว์ลิ่ง และสระว่ายน้ำ ส่วนที่อยู่ของคนรับใช้ก็น่าสนใจและสวยใช้ได้เลยทีเดียว




จากระเบียงห้องดนตรีมองไปเห็นวิวป่าไม้สุดลูกหูลูกตา ว่ากันว่าตอนซื้อที่ เจ้าของบ้านไม่อยากให้วิวที่มองจากทางระเบียงเปลี่ยนแปลง เลยมองไปไกลถึงที่ไหนก็ซื้อไกลถึงที่นั่น (กลับไปรอบสองหาไม่เห็นว่าเขียนไว้หนังสือหรือเอกสารไหนนะคะ คิดว่าตอนไปรอบแรกพนักงานที่พาชมบ้านเล่าให้ฟัง)

























Biltmore in the evening




เรื่องประทับใจที่สุดของฉันต่อบ้านหลังนี้คือ คราวหนึ่ง George เขียนอวยพรให้กับใครสักคนที่กำลังจะแต่งงาน (คือจริงๆเขาบอกไว้ในคำบรรยายแต่ฉันลืม) ว่าขอให้มีความสุขกับชีวิตแต่งงานเหมือนกับเขาและ Edith ที่ได้แต่งงานและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขในบ้านหลังนี้




ฉันเคยไปดูบ้านของเศรษฐีอีกคนในแคนาดาชื่อว่า Casa Roma ซึ่่งชีวิตจบเศร้ารันทด (ใครอยากรู้ว่าเป็นอย่างไรคงต้องไปดูที่บ้านนั้นค่ะ เพราะเรื่องราวของท่านเซอร์เจ้าของบ้านไม่ได้มีเขียนที่ไหน แต่อยู่ในวีดีโอที่ฉายให้นักท่องเที่ยวดูที่นั่น) บ้านยิ่งใหญ่ดูเหมือนความสุขจะยิ่งลดน้อยถอยลงผกผันกับขนาดบ้าน ผนวกกับบ้านอีกหลายๆหลังที่เคยไปดูมา ก็นับว่าสบายกายไม่ค่อยสบายใจเสียเป็นส่วนใหญ่ การที่ Biltmore เป็นบ้านแห่งความสุข (ฉันสรุปเอาเองจากที่ได้อ่านประวัติ) นับเป็นเรื่องที่หาได้ไม่ง่าย ฉันว่ามีเงินช่วยให้มีความสุขง่ายขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่ามีเงินถึงจะมีความสุข ถ้าใจพอนั่นต่างหากถึงจะมีความสุขที่แท้





ช่วงที่ George Vanderbilt มีชีวิตอยู่นั้น เป็นช่วงที่ตระกูล Vanderbilt กำลังเฟื่องฟูมากค่ะ คือสมัยปู่ตั้งตัวได้ สมัยพ่อหาได้เพิ่มขึ้นไปอีก สมัยของ George พี่ชายก็ทำธุรกิจเก่งเหมือนกัน หลังจากนั้นอีกสองสามรุ่นจึงค่อยเสื่อมไปตามธรรมดาโลก เรื่องราวตระกูลนี้ราวกับวิมานลอยในชีวิตจริงเทียวนะคะ





บ้านหลังนี้เป็นฉากในภาพยนตร์หลายเรื่อง เรื่องหนึ่งที่ฉันรู้คือ Richie Rich ค่ะ





เล่าถึงรูปนี้บ้าง เพราะเป็นรูป Biltmore ที่ฉ้นชอบมากรูปหนึ่งค่ะ จริงๆฉันอยากถ่ายมุมนี้ตอนเช้าแต่ไม่มีโอกาสเลย ต้องเดินห่างจากตัวบ้านมาไกลพอสมควรนะคะ กว่าจะไปถึงจุดที่ถ่ายได้ก็เย็นมากแล้ว ฉันยืนมองๆแล้วคิดว่าไม่ถ่ายแล้วล่ะ แสงแบบนี้ไม่สวย ฟ้าข้างหลังก็จืดมาก หันหลังจะกลับแล้วเลยเปลี่ยนใจ ถ่ายสักรูปแล้วกันเพราะไหนๆก็มาแล้ว แล้วคงไม่มีรอบสามแล้วล่ะนะ พอกลับบ้านมาดูพบว่าฉันชอบรูปนี้มากเป็นพิเศษเพราะสนามหญ้าสีเขียวจุดที่โดนแดด ผู้คนที่เดินสบายๆในรูป ทำให้รู้สึกว่าบ้านนี้เป็นบ้านจริงๆ เป็นบ้านที่คนที่(เคย)อยู่มีความสุขด้วย ไม่ใช่ปราสาทจืดๆหลังใหญ่ๆธรรมดา



























เดียวดายในสวน




ก้มหน้าก็เห็นหญ้า

ไม่เห็นฟ้าไม่เห็นต้นไม้

ไม่เห็นอะไรไม่เห็นใครๆ

ไม่เห็นแม้แต่เงาตัว




เดียวดายอยู่ในสวน

ส่วนที่เห็นคือความกลัว

นั่งเหงาในโลกส่วนตัว

ให้ทดท้อระทมใจ







นั่งมองรูปปั้นในสวนอิตาลี ไม่รู้ว่ารูปปั้นนึกอะไรอยู่



























บัวโรย




สิ่งใดๆล้วนมีความงาม

ตามแบบและเวลาของมัน

บัวโรยก็สวยแบบบัวโรย

ด้วยริ้วรอยของกาลเวลา





เหลือเวลานิดหน่อย

มองบัวโรยในสวนอิตาลีอยู่นาน

ว่าตกลงสวยหรือเปล่า

เห็นว่าสวย ว่าจะถ่ายสักรูป

แต่คนที่คอยเดินมาถึงพอดี

เลยต้องถ่ายมาแบบรีบรีบ

โชคดีว่าถูกใจคนถ่าย

ไม่อย่างนั้นคงเสียดาย



























Tiffany lamp





Louis Tiffany เป็นเจ้าของบริษัท interior

ทำบริษัททำกระจก stained glass แห่งแรก

ต่อมาทำบริษัท lighting สำหรับโรงภาพยนตร์

ชอบทำสวนและชอบดอกไม้

วันหนึ่ง Louis ประดิษฐ์โคมไฟ

ใช้เศษแก้ว stained glassตัดเป็นชิ้นๆ

จับมาเรียงปะติดปะต่อร้อยเป็นโคมไฟไฟ

ลายแมลงปอและดอกไม้




ในที่สุดโคมไฟแบบที่เห็นในรูป

เลยเป็นที่รู้จักในนามของ Tiffany Lamp




ตอนไปเที่ยวมีนิทรรศการ Tiffany Lamp Show

เลยโชคดีได้เห็นโคมไฟเก่าแก่อายุร่วมร้อยปี

สวยวิจิตรจริงๆค่ะ




เห็นโคมไฟแบบนี้ครั้งแรกที่จำได้

ที่ร้านไอศครีมสเวนเซ่น




ในรูปเป็นแบบที่วางขายในร้าน

เพราะในนิทรรศการเขาห้ามถ่ายภาพ

สนนราคาไม่แพงมากนัก

ถ้าใจรักคงซื้อหามาไว้ได้

เพราะเป็นหลักร้อยเหรียญค่ะ




ปล. Tiifany คนนี้เป็นลูกชายของ Tiffany อีกคนที่เป็นเจ้าของร้านเครื่องประดับค่ะ


































บล็อกหน้า In Blue Ridge
แล้วพบกันนะคะ







 

Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2555
26 comments
Last Update : 7 มกราคม 2561 5:52:26 น.
Counter : 2218 Pageviews.

 

สวัสดีค่ะคุณแป๋ว

ทั้งเรื่องและภาพ
คำบรรยายเรื่องเล่าและกลอน
น่าอ่านน่าฟังและเพลินใจจังค่ะ
ชอบ Gaygoyle เรียงกันดูน่ารัก
ไม่แพ้สนชุมนุมนะคะ
ส่วนนางแบบ..น่ารักเป็นการถาวร
..
ขอบคุณค่ะ

 

โดย: A IP: 119.46.151.21 23 กุมภาพันธ์ 2555 11:40:32 น.  

 

ภาพทุกภาพสวยมากๆ

ภาพหน้าต่างบานหนึ่งนั้น
เหมือนเป็นลายเซ็นของพี่แป๋วในงานถ่ายภาพเลยครับ

น้อยแต่มาก
ง่ายแต่งาม

ทุกครั้งที่มีคนถามว่า
ชอบช่างภาพคนไหน

ชื่อพี่แป๋วจะลอยเด่นมาเป็นคนแรกเสมอครับ


 

โดย: กะว่าก๋า 23 กุมภาพันธ์ 2555 13:08:33 น.  

 

แวะมาชมครับ โรแมนติค และเข้าใจชีวิตดีครับ

 

โดย: Lonely Gypsy IP: 61.7.231.130 23 กุมภาพันธ์ 2555 13:15:00 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณแป๋ว คลอดแล้วโมงยามภารสอง หน้านี้เก็บอะไรน่าสนใจเกี่ยวกับสถานที่มาเล่าให้กันฟังเพลินทีเดียวค่ะ
เห็นแล้วเดาว่าต้นแบบต้องมาจากสถาปัตยกรรมยุโรปยุคใดสมัยหนึ่งแน่ ๆ เพราะว่ามองเผิน ๆ แล้วคล้ายชาโต้หลายแห่ง
ทางนี้มาก ห้องหับเยอะแยะเกินกว่าคำว่าบ้านขนาดนี้เอาเข้าจริง ๆ เข้าของเขาคงไม่รู้จักบ้านตัวเองทุกซอกมุมนะคะ
โคมไฟเก๋ไก๋น่ารักเห็นแล้วทำให้นึกถึงร่มของมาดามหรือลูกสาวท่านลอร์ดสมัยยุคสวมกระโปรงสุ่มไก่

ตอนนี้รอภาคสามต่อไปค่ะ อิอิอิ

 

โดย: prunelle la belle femme 23 กุมภาพันธ์ 2555 16:30:37 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับพี่แป๋ว





 

โดย: กะว่าก๋า 24 กุมภาพันธ์ 2555 5:41:14 น.  

 

เพลินเหมือนเคย
^^

 

โดย: am^^ IP: 124.122.79.54 24 กุมภาพันธ์ 2555 10:28:22 น.  

 

ภาพเรียบง่ายแต่อบอุ่นทุกภาพเลยนะคะ

รจนาฝรั่งของพี่แป๋วหนูชอบนะ ...

 

โดย: ดวงลดา 24 กุมภาพันธ์ 2555 10:32:32 น.  

 


"รัก"หน้าต่างบานหนึ่ง

สวัสดีกันวันสุขค่ะพี่แป๋ว ^/\\^
เสาร์อาทิตย์เดินสายค่ะ
ไปรับคุณแม่กลับบ้านเชียงใหม่

 

โดย: ฮักน้ำปิง IP: 118.175.182.190 24 กุมภาพันธ์ 2555 11:03:00 น.  

 

ตามมาเดินเล่น เย็น ๆ .. ใจ

น้องแป๋ว อยากไปเก็บซากุระ กะพี่ที่ญี่ปุ่นมั้ยคะ...

 

โดย: poongie 24 กุมภาพันธ์ 2555 13:59:52 น.  

 

เพลินเลยค่ะคุณแป๋ว ^^

 

โดย: BeachBum IP: 122.109.229.2 24 กุมภาพันธ์ 2555 21:22:08 น.  

 

ภาพของคุณแป๋วเหมือนพูดได้เลยค่ะ แล้วภาษาที่สื่อออกมาก็แสนจะไพเราะ ถ้อยคำที่บรรยายก็ลึกซึ้งกินใจมาก ๆ

ภาพแรกเท่ห์มากค่ะ จับภาพเมฆกับรูปปั้นได้กำลังพอดีเลย ภาพยามเย็นในสวนก็สวยขาดใจ โทนของแสงและองค์ประกอบภาพนุ่มตาดีเหลือเกิน

ชอบคุณที่หาข้อมูลของบ้านมาให้อ่านด้วย รู้จักตระกูลVanderbiltครั้งแรกจากในหนังค่ะ เป็นครอบครัวที่รวยมากกกกก บ้านสวยจริง ๆ พออ่านข้อมูลแล้วตาโตเลย ที่ชอบมากก็ตรงที่บอกว่าเจ้าของบ้านอยู่กันอย่างมีความสุข นับว่าเป็นคนที่มีบุญนะคะ รวยทั้งทรัย์สินและความสุขด้วย

บล็อกนี้เป็นอารัมภบท แบบนี้ก็แสดงว่าจะได้ชมภาพงาม ๆ ของคฤหาสน์นี้อีก ปูเสื่อรออ่านบล็อกต่อไปตั้งแต่ตอนนี้เลยค่ะ

 

โดย: haiku 24 กุมภาพันธ์ 2555 23:01:04 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับพี่แป๋ว







 

โดย: กะว่าก๋า 25 กุมภาพันธ์ 2555 5:09:32 น.  

 

Photobucket
แวะมาทักทายค่ะคุณแป๋ว ชอบดูภาพถ่ายของคุณแป๋ว ดูสบายๆ แต่น่ามองมาก ^^

 

โดย: namfaseefoon 25 กุมภาพันธ์ 2555 22:00:44 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับพี่แป๋ว






 

โดย: กะว่าก๋า 26 กุมภาพันธ์ 2555 5:18:44 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับพี่แป๋ว






 

โดย: กะว่าก๋า 28 กุมภาพันธ์ 2555 5:40:55 น.  

 

กำลังอ่านเรื่องความร่ำรวยของ Vanderbilt เทียบกับตระกูล Rockefeller อยู่พอดีเลย มาเจอ blog คุณแป๋วทำให้พอจินตนาการความร่ำรวยของเขาในช่วงนั้นได้เลย

 

โดย: หมีหุหุ (หมีหุหุ ) 28 กุมภาพันธ์ 2555 11:54:44 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับพี่แป๋ว






 

โดย: กะว่าก๋า 29 กุมภาพันธ์ 2555 5:40:07 น.  

 

แพคแมนผมเคยเล่น
แต่ไม่ติดครับพี่แป๋ว
มาติดเกมวินนิ่ง เกมฟุตบอลอยูี่หลายปีในช่วงโสดครับ

 

โดย: กะว่าก๋า 29 กุมภาพันธ์ 2555 9:14:08 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับพี่แป๋ว






 

โดย: กะว่าก๋า 1 มีนาคม 2555 5:43:03 น.  

 

ชอบสำนวนครับ เป็นกลอน เป็นงานศิลปในการเล่าเรื่องไปเลย
มุมถ่ายสวยครับ เป็นลายเซ็นของตัวเองที่ยากจะมีคนอื่นเลียนแบบ

 

โดย: yyswim 1 มีนาคม 2555 11:50:09 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับพี่แป๋ว






 

โดย: กะว่าก๋า 2 มีนาคม 2555 5:35:33 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับพี่แป๋ว






 

โดย: กะว่าก๋า 3 มีนาคม 2555 5:37:38 น.  

 

ภาพถ่ายมีชีวิต...ชื่นชม ค่ะ

 

โดย: ป้าโหน่ง มลดี้ IP: 49.48.93.243 3 มีนาคม 2555 10:07:35 น.  

 

ปีนี้อยากเขียนสีน้ำมากครับพี่แป๋ว
แต่ได้แต่อยากครับ 555
ยังไม่มีเวลาจับพู่กันดีดีเลยครับ แหะๆๆ


 

โดย: กะว่าก๋า 3 มีนาคม 2555 10:43:10 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับพี่แป๋ว





 

โดย: กะว่าก๋า 5 มีนาคม 2555 5:43:26 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณ A

ดีใจที่คุณ A ชอบอ่าน
เพราะค่อยๆเขียนทีละรูปสองรูป เลยจะไม่ค่อยต่อเนื่องกันเท่าไหร่ค่ะ

คุณก๋า
อ่านคำชมของคุณก๋าแล้วขอบคุณมากๆค่ะ
เชื่อแล้วว่าชอบจริงๆ
เวลาถ่ายภาพมันมีขึ้นมีลงนะคะ
แล้วแต่ บางทีถ่ายแล้วตัวเองชอบหมดทุกรูปเลยก็มี
อยากจะลบทิ้งทั้งหมดก็มีเหมือนกันค่ะ

ภาพอย่างหน้าต่างบานหนึ่งนี่
มักถ่ายได้เวลาไปเที่ยวนะคะ
คงเป็นเพราะเป็นที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน

รูปชุดปักกิ่งของคุณก๋าสวยมาก
อยากไปเที่ยวเมืองจีนด้วยเลยค่ะ

สวัสดีค่ะคุณ Lonely Gypsy
ขอบคุณค่ะ โรแมนติคกับเข้าใจชีวิตนี่มันแอบแย้งกันนิดๆหรือเปล่าคะ


คุณพรุน
ภาคสามกำลังเขียนค่ะ พอข้ามปีแล้วหัวไม่ค่อยแล่นเลยนะคะ
นึกๆแล้วเขิน สามภาคนี่เขียนยาวสองไตรมาสเลย
ช่วงที่เขาสร้างบ้านแบบนี้กัน ได้มาจากทางยุโรปเยอะเลยค่ะ
แต่ทางโน้นเขาสวยตระการตากว่ามากนะคะ

โคมไฟนี่สวยมากค่ะ โดยเฉพาะอันที่เป็นต้นแบบ
ไม่น่าเชื่อว่าคนคิดเป็นผู้ชาย
ตระกูลนี้เขาช่างจินตนาการนะคะ มิน่าเล่าเพชรทิฟฟานี่เขาถึงขายดี

สวัสดีค่ะแอม
ดีใจที่แอมแวะมาเพลินๆที่บล็อกนี้นะคะ

หนูด้า
พี่ไปเจอรจนาถือพวงมาลัยแบบนี้อีกคนหนึ่งที่ Philadelphia Musuem of Arts ด้วยล่ะ
แต่คนนั้นเขาถือเฉยๆ ไม่ได้กำลังจะเสี่ยงแบบคนนี้จ้ะ

คุณเปิ้ล
หลายศุกร์เข้าไปแล้วเนอะ
คุณเปิ้ลคงมีความสุขกับคุณแม่มากๆเชียวค่ะ
ดีใจที่คุณเปิ้ลชอบหน้าต่างบานหนึ่ง
เดี๋ยวนี้เดินผ่านวัดธิเบต(แถวที่ทำงานมีวัดหนึ่ง)ทีไร
ต้องนึกถึงคุณเปิ้ลทุกทีค่ะ

พี่ปุ้งกี๋
หนูไปชมซากุระที่บล็อกพี่มาแล้วค่ะ
ว่าแต่ปีนี้พี่ไปญึ่ปุ่นอีกหรือคะ

คุณเก๋
พาคุณเก๋ไปเที่ยวผ่านตัวอักษรแบบเพลินๆค่ะ

คุณไฮกุ
พวก Vanderbilt เขามีบ้านหลายหลังนะคะ
ตระกูลเขาอยู่ทางนิวยอรค์ นิวอิงแลนด์ ส่วนใหญ่บ้านก็จะอยู่ทางโน้น
แต่ไม่รู้ว่าเขาเก็บรักษาไว้อย่างไรนะคะ

บล็อกหน้าชวนกลับเข้าป่าอีกแล้วค่ะ
ทีนี้คุณหมีถ่ายรูปบ้านนี้มาเยอะกว่า เดี๋ยวจะลองคัดเอามาฝากคุณไฮกุอีกรอบนะคะ
ส่วนรูปที่แป๋วถ่าย ต้องบอกว่าคราวนี้ได้มาเท่าที่เห็นนี่ล่ะค่ะ

สวัสดีค่ะคุณฝน
ดอกโมกสวยมากกกกก
ดีใจที่แวะมาทักทายกันค่ะ


สวัสดีค่ะคุณหมีหุหุ
ดีใจที่คุณแวะมา เพราะพอตามกลับไปเลยได้ดูภาพสวยมากๆของคุณค่ะ

สวัสดีค่ะพี่สิน yysmim
ขอบคุณพี่มากๆค่ะ
อ่านคำชมแล้วดีใจ มีแรงไปเขียนภาคสามเลยค่ะ

สวัสดีค่ะป้าโน่ง มลดี้
สั้นๆแต่ทำให้ปลื้มมากค่ะ ขอบคุณมากนะคะ

คุณก๋า
ไล่ดูรูปหนุ่มน้อย ยิ่งนานวันยิ่งเหมือนคุณพ่อนะคะ






 

โดย: SevenDaffodils IP: 68.50.164.97 5 มีนาคม 2555 10:12:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


SevenDaffodils
Location :
Maryland United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]









Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
26272829 
 
23 กุมภาพันธ์ 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add SevenDaffodils's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.