สิ่งแวดล้อมสี่ขาที่เห่าได้
คนส่วนมาก จะคิดว่าเราเลี้ยงแต่แมว เพราะเห็นจะพูดถึง เขียนถึง และมีแต่รูปแมว ที่จริง เรามีบรรดาหมา ๆ ที่แวดล้อมอยู่รอบตัวมาตั้งแต่เด็ก พอ ๆ กับแมวนะ
เพียงแต่ว่า ตอนโตเป็นผู้ใหญ่ และรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ สถานที่อยู่(ตอนนั้น) ไม่เอื้ออำนวยให้เลี้ยงหมาได้ เลยได้แต่เลี้ยงแมว
แถมอันที่จริง ก็เคยเอาน้องหมามาพยายามที่จะเลี้ยงอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนั้นสมาชิกแมวเรามีสองสามตัวแล้ว ทุกคนต่างไม่ยินดีกับสมาชิกใหม่สี่ขาตัวเล็ก ๆ ที่ส่งเสียงดังได้เท่าใด เลยมาล้อมรอบกรงที่ใส่นังลูกหมาพันธุ์ไทยแท้ หลังอาน ขนสีเทากำมะหยี่ที่มีคนให้มา แล้วข่มขู่กันเป็นการใหญ่
ทำให้ลูกหมาตัวน้อยถึงกับขาสั่น ฉี่ราดด้วยความตกใจกลัวบรรดาแมว (ยักษ์) ร้อนถึงเราต้องจับย้ายไปยกให้เพื่อนที่ยินดีอยากได้ไป
พอย้ายมาอยู่บ้านใหม่ ก็มาพร้อมกับบรรดาสมาชิกแมว ๆ ยังไม่คิดจะอยากเลี้ยงหมา เพราะบ้านเล็ก ที่เท่ากระแบะมือ
ถึงกระนั้น เราก็เลี้ยงหมาแถว ๆ ที่ทำงานเอาไว้หลายตัว ด้วยความบังเอิญโดยแท้
เรื่องมันเริ่มต้นแบบนี้
กลางวันวันหนึ่ง แดดร้อนเปรี้ยงเพราะเป็นเวลาใกล้เที่ยง เราเดินลงจากหน้าบันไดออฟฟิศเพื่อจะดูว่าจะมีใครมาขายอะไรบ้าง (ที่ทำงานเราอยุ่สุดซอย แร้นแค้นกันดารมาก เวลามีใครหลงมาให้จับกินจะดีใจสุด ๆ)
ก็เห็น..ลูกหมาตัวหนึ่ง ผอม และไม่มีขน..จะเรียกว่าไม่มีหนังก็พอได้ เพราะตัวเป็นขี้เรือนสังกะตัง หนังก็ยังมีแผลหยาดเยิ้ม เดินจ๋อง ๆ อยู่แถวประตูหน้า คาดว่ามันคงจะสับสนระหว่างความหิว และความงงกับสถานที่
คาดว่าน่าจะเป็นลูกหมาที่มาจากแม่หมาตรงแถว ๆ กลาง ๆ ซอย ที่มีที่ดินเปล่ารกร้าง ต้นไม้ขึ้นครึ้มและเป็นที่มีคนชอบเอากิ่งไม้ เศษใบไม้มาทิ้ง มีรั้วผุ ๆ ที่เป็นที่อาศัยของนังแม่หมาลูกดก ที่มีลูกปีละหลายครอก จนนมห้อยยานดูเยอะแยะไปหมด จนเราให้สมญาว่า"อีแสนเต้า" ..
เจ้าลูกหมาเดินมาหยุดแถว ๆ ที่เรายืนดูอยู่ ในวินาทีนั้น เราก็ตัดสินใจเรียก และล่อใจมันด้วยลูกชิ้นปิ้งเปล่า ๆ จากรถเข็นคันที่เพิ่งมาจอด
เจ้าลูกหมายอมกินลูกชิ้นโดยดี แถมไม่ขัดขืนเมื่อเราจับยกขึ้นมาดูหน้า ประมาณว่าคงไม่เคยมีใครจับตัวมาก่อน ..ก็มันน่าจับซะที่ไหน..
เผอิญว่า คอนนั้น เรามีกรงพับได้ที่เอาไว้ใส่แมวเวลาไปหาหมอ ทิ้งไว้แถว ๆ นั้นเพราะยังไม่ได้เอากลับบ้าน เลยจับเจ้าลูกหมานั่นใส่ไว้ พร้อมกับกระดาษหนังสือพิมพ์ปูรอง และน้ำกิน
มันไม่ร้องโวยวายเลยแหละ
อีกหนึ่งเดือนต่อจากนั้น เรามีกิจกรรมเหมือน ๆ กันทุกวันตอนช่วงเช้า ที่ก่อนเข้าทำงาน เริ่มต้นจากการจับเจ้าลูกหมาตัวนั้น อาบน้ำ ฟอกสบู่ยา เช็ดตัวให้แห้ง แล้วทายารักษาขี้เรื้อนกระปุกเหลือง ๆ ที่ฝากคนแถวนั้นไปซื้อมายกโหล
ทำแบบนี้ทุกวัน ท่ามกลางสายตาสยดสยองของเพื่อนร่วมงาน และเด็กคลังสินค้าอีกฝั่งหนึ่ง เพราะหลายคน ไม่กล้าแม้แต่จะจับตัวหมาที่เกือบจะไม่มีหนังตัวนี้
ครบห้าวัน ก็เว้นไปสองวัน แล้วเริ่มต้นใหม่
ครบหนึ่งเดือน เจ้าหมาน้อยตัวนั้น มีขนขื้นเต็มตัว เป็นสีน้ำตาลแดงเข้ม หน้าตาฉลาด รูปร่างมีเค้าว่าจะเป็นหมาตัวใหญ่ เพราะตีนโต
เราให้ชื่อว่า" เก้า(สิบ)เก้า" เพราะมันมาอยู่ในชีวิตเราในปี 1999 พอดี
หลายคนที่ไม่ค่อยสังเกตุเห็นความเป็นไป พอเจอเจ้าเก้าเก้าตอนที่ขนขึ้นเต็มตัว ไม่นึกว่ามันเป็นลูกหมาตัวเดียวกับที่เดินกระเซอะกระเซิงหนังหลุดอยู่เมื่อเดือนที่แล้ว
เก้าเก้าฉลาด สอนง่าย ให้นั่งลง ให้เช้คแฮนด์ และนั่งรอเวลาจะให้ขนมอย่างเรียบร้อย
กลางวันก็จะนอนหมอบอยู่แถว ๆ ม้าหินใกล้ป้อมรปภ. วิ่งเล่นอยู่แถว ๆ นั้น ตกเย็นก็กลับเข้ามาอยู่ในเขตรั้วของบริษัทอย่างเรียบร้อย ตอนเล็ก ๆ กลับเข้าไปนอนในกรงอีกต่างหาก พอโตเกินกรงก็นอนอยู่แถวนั้น
เราจับถ่ายพยาธิ ฉีดยาครบถ้วนกระบวนการ
กลายเป็นหมาประจำออฟฟิศไปอย่างเต็มภาคภูมิ
เราหารูปเก้าเก้าตอนยังวัยรุ่นไม่เจอแล้ว มันหล่อเหลา ขนสวยฟูสีน้ำตาลประกายแดงเป็นเงา
รูปข้างบนถ่ายตอนเก้าเก้าอายุเยอะแล้ว สุขภาพช่วงหลังๆ ไม่แข็งแรง เพราะถึงเราจะดูแลให้กินอาหารถูกต้องและฉีดวัคซินตามกำหนดยังไงก็ตาม ความที่เป็นหมาอิสระ พอเริ่มเป็นหนุ่มก็ออกเที่ยวแร่ดไปในซอย แวะไปเห่าเยาะเย้ยหมาตามบ้านอื่นที่ถูกขังในรั้วบ้านระไปตลอด พร้อม ๆ กับทำหน้าที่วิ่งไปอารักขาพนักงานสาว ๆ ที่เดินกลับบ้านตอนเย็นไปในตัว
เคยซ่าขนาดยื่นหน้าลอดรั้วบ้านคนอื่นเข้าไปเห่า แล้วดึงหน้าออกมาไม่ทัน เจอหมาที่แค้นรอจังหวะอยู่งับหน้าจนปากฉีกก็เคย
ต้องส่งไปหาหมอเย็บแผลกัน ยุ่งจริง ๆ และก็ไม่ได้เป็นครั้งเดียวที่หมอนี่มันหาเรื่องแบบนี้มาให้
แถมตอนกลางวัน ที่มีคนมาขายอาหารหน้าออฟฟิศ ก็ยังทำตัวเป็นหมาร้านอาหาร ไปขอกิน ด้วยความที่ฝึกมาเป็นหมามีมรรยาท จะนั่งรอทำหน้าตาน่าสงสาร จนมีคนให้กินทุกวัน ที่แย่ไปกว่านั้น ก็คือ บางคนชอบเทอาหารเหลือของตัวเองให้หมา โดยไม่คำนึงถึงว่ามันจะกินได้หรือไม่ได้ อาจจะคิดว่าดีกว่าทิ้งขยะ
ร้อนถึงฝ่ายพิทักษ์สุนัขประจำบริษัท (มีแผนกนี้ด้วยนะเออ) ต้องทำป้ายห้อยคอให้เจ้าเก้าเก้า มีข้อความตัวโต ๆ เขียนด้วยปากกากันน้ำว่า
" โปรดอย่าให้อาหารผมนะครับ เพราะผมจะป่วย "..
ผลจากการกินอาหารมั่วซั่ว และเที่ยวตะลอนไปตามสาวจนโดนยุงกัด ทำให้เป็นโรคและตาแฉะอย่างที่เห็นในรูปนี้
พอโตเป็นหนุ่ม เรายังไม่ทันส่งไปทำหมัน นายเก้าเก้าก็พาสะใภ้เข้าบ้านมา
เป็นหมาสาวสีดำ ตัวสันทัด ขนเป็นเงาวับ ไม่มีใครรู้ว่าเธอมาจากไหน แต่โตเต็มที่แล้ว และตามนายเก้าเก้าเข้ามาอยู่ในเขตรั้วของบริษัทอย่างดิบดี
กลางวันวิ่งเล่นเข้า ๆ ออก ๆ พอเย็น รปภ.เริ่มปิดประตูรั้ว เธอก็รีบวิ่งเข้ามาอยู่ด้านในทันที
รู้อยู่จริง ๆ
คนแถว ๆ นั้น แอบเม้าท์ว่า สงสัยเจ้าเก้ามันไปคุยโม้กับสาวนี่ ว่าที่บ้านมีอันจะกิน บ้านใหญ่แน่ ๆ ทำให้มีสาวตามมา ..นินทาจนกระทั่งหมานะนี่
นังดำแฟนเจ้าเก้า เลยมีสมญานามว่า คุณนายนิลไปด้วยประการฉะนี้
คุณนายนิลมีลูกกับเจ้าเก้าเก้า เป็นลูกโทน หน้าเหมือนเก้าเก้า แต่สีเหมือนแม่ ขนยาวตัวฟู นิสัยเป็นแบบลูกคนเดียวที่พ่อแม่ตามใจจนเสียหมา
ชื่อเจ็ดแต้ม เพราะสีดำแต่มีด่างสีขาวประปรายครบเจ็ดที่พอดี
ภาพไม่ชัด ตัวที่โฟกัสโดนคือนายเจ็ดแต้ม เห็นบั้นท้ายคุณนายนิลอยู่ข้าง ๆ
เก้าเก้าและนิลถูกจับไปทำหมันเรียบร้อย
เหมือน ๆ กับสมาชิกหมาแถว ๆ นั้น ที่ถ้าเข้ามาสมัครกินอาหารบ้านนี้ (เรามีอาหารเม็ดฝากรปภ.เอาไว้กับชามอาหารเผื่อใครแวะมา)
คุ้น ๆ กันก็จะถูกจับส่งไปฉีดยา ทำหมัน
ลดประชากรจรจัดในซอยไปได้พอดู
เก้าเก้าอยู่กับเราจนถึงอายุได้สิบสองสิบสามขวบ ถ้าไม่เป็นเพราะกินเที่ยวไปเป็นที่เป็นทาง คงจะมีอายุยืนกว่านี้
การดูแลสมาชิกสี่ขาด้วยการให้อาหารที่ถูกต้อง การให้วัคซีนป้องกันโรคต่าง ๆ เป็นเรื่องสำคัญ พอ ๆ กับการเก็บเขาไว้ให้อยู่ในขอบเขต
ค่ายาในการให้วัคซีน ค่าอาหารที่ดีสำหรับเลี้ยง ยังไม่แพงเท่ากันการที่จะต้องมารักษากันทีหลัง
ช่วงปีสุดท้าย เก้าเก้าสุขภาพไม่ดี ด้วยโรคหลายอย่าง แต่ก็ยังทำหน้าที่เฝ้าบริษัท ออกมายืนรอรับเวลาจอดรถ และเดินตามไปส่งขึ้นรถทุกวัน เขาคงถือว่าเป็นหน้าที่ ที่จะต้องคอยดูแลพนักงานในบริษัท บางทีฝั่งสำนักงานปิดแล้วในตอนเย็น แต่มีพนักงานสาว ๆ ที่กลับจากทริปเข้ามา และต้องเดินไปเข้าห้องน้ำที่ฝั่งคลังสินค้า ซึ่งอยู่ด้านหลังและไกลออกไป เก้าเก้าจะทำหน้าทีเป็นองครักษ์เดินตามไปส่งถึงหน้าห้องน้ำ นั่งรอและเดินกลับมาส่งถึงรถเหมือนเดิม
เก้าเก้าไปหาหมอครั้งสุดท้าย อยู่กับหมอสองสามวัน แล้วคนที่บริษัท ก็ได้แต่ไปรับเก้าเก้ากลับมาฝังที่ข้าง ๆ บริษัท ใต้ต้นไม้ร่มครึ้ม ที่เก้าจะได้นอนหลับอย่างสงบสุข อยู่ในบริเวณบ้านที่เขาคุ้นเคยมาแต่เล็กจนโต
คิดว่าเก้าเก้าคงจะไปดี และไปอยู่ในที่ดี ๆ สมกับที่ถึงจะเกิดเป็นแค่หมาขี้เรื้อนกำพร้า แต่เมื่อได้มีโอกาสในชีวิต ก็ทำตัวเป็นที่รัก และทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แถมยังได้มีครอบครัวน่ารัก เป็นพ่อ เป็นสามี ครบถ้วนกระบวนความ
ขอบคุณทุก ๆ ท่านที่แวะมาอ่านเรื่องนี้ด้วยกันนะคะ