A guy who wants to cook a HOT ITEM called Macaron..
เมื่อมีคนคันมือ อยากทำมาคารอง
เคยเล่าให้เพื่อน ๆ น้อง ๆ ฟังเอาไว้ เกี่ยวกับคนข้างตัวที่บ้าน (คนนั้นน่ะแหละ) ที่แต่ไหนแต่ไร ก็ไม่เคยคิดอยากทำอาหาร ทั้ง ๆ ที่มีการคุยโม้ทับถมกันในบ้านเป็นระยะ ถึงเมนูโน้น เมนูนี้ที่ว่าทำเป็น ทำได้อร่อย บางที เด็กในบ้านที่เป็นคนกลาง มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับการเข้าข้างคนใดคนหนึ่ง ดูจะลำบากใจ ก็มีคำชมแบบ บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น ประมาณว่า..ปาป๊าทำไก่รมควัน(ของซีพี)อบอร่อยที่สุดเลย ...แกะห่อ โรยเกลือ ทุบกระเทียมใส่ แล้วจับเข้าเตาอบให้เกรียม ๆ ..ยากจริง ๆ
เขาไม่ค่อยได้แสดงฝีมือทำอะไรให้กิน นัยว่า มีความคับแค้นใจฝังลึก จากการถูกทำร้ายจิตใจอย่างรุนแรง โดยสีมือคนข้างตัวของเขา (ก็คือเราอ่ะแหละ)
เรื่องมันมีประมาณดังนี้
กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว..มีฝาละมีแสนดีคนหนึ่ง เห็นภรรยานอนซมด้วยอาการปวดหัว เกิดความกังวล และอยากทำอาหารให้กิน เพราะคนนอนปวดหัวลุกไม่ขึ้น ทำอาหารไม่ได้
หลังจากทบทวนความทรงจำเกี่ยวกับการทำอาหาร เท่าที่จำได้ในวัยเด็ก ฝาละมีคนนั้นเข้าครัว ทำแกงจืดผักกาดขาวอย่างสุดฝีมือ เสร็จแล้วตักใส่ชาม นำไปเสิร์ฟภรรยาที่นอนปิดตาอยู่บนโซฟา (สมัยนั้น เราอยู่คอนโดแบบสองห้องนอน ข้างนอกเป็นห้องนั่งเล่น)
หลังจากอิ่มอกอิ่มใจ ที่ได้ทำอาหารไปดูแลคนในครอบครัว คุณผู้ชายแสนดีก็เข้าไปนอนเล่นเอนหลัง อยู่บนเตียงในห้อง ซึ่งมองเห็นห้องนั่งเล่น ถ้าเปิดประตูห้องนอนทิ้งไว้ แต่คุณผู้ชายยังไม่ได้หลับ เพียงแต่นอนเล่น ๆ เฉย ๆ
ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นภายในห้องนั่งเล่น จึงอยู่ในสายตาตลอดเวลา..
คุณภรรยาที่นอนป่วย ลุกขึ้น ตักแกงจืดในชามที่มีคนจัดหามาประเคนถึงโต๊ะข้างตัวใส่ปากชิม วางช้อนลง ยกชามแกงจืดนั้น โผเผเดินไปทางครัว (มองเห็นว่าเดินไปไหนจากห้องนอน) แล้วได้ยินเสียงฝาถังขยะเปิด ตามด้วยเสียงเทอาหารลงถัง....
..... ......... ...............
โหดร้ายที่สุด ทำร้ายจิตใจ และความมั่นใจในการทำอาหารอย่างรุนแรงที่สุด เท่าที่จะมีใครทำได้เลย
...ก็เรานึกว่าเขาหลับไปแล้วนี่นา..คิดว่าไม่เห็นอ่า.....
นึกรสชาดตามเราซะก่อน แกงจืดใส่ผักกาดขาวชามนั้น ประกอบด้วย 1 ผักกาดขาวหั่นชิ้น 2 หมูสับปั้นก้อน 3 น้ำซุป (ก็แหงละ ) 4 ผักกวางตุ้งหั่นท่อน.. 5 ตะไคร้หั่นเป็นท่อน ทุบบุบ ๆ จำนวนนึง 6. ต้นหอม ผักชี 7. วุ้นเส้น..มั้ง แล้วก็อะไรอีกสองสามอย่าง จำไม่ได้หมด รู้แต่ว่าพิลึกพิลั่น เดาทางไม่ถูกว่าจะไปทางไหน ทั้งที่เราไม่ใช่คนกินยาก ไม่มากเรื่องเรื่องการกินนะ ขอยืนยัน..
ตั้งแต่นั้นมา ฝาละมีคนนั้นเลยกลายเป็นคนมีปม ขาดความมั่นใจในการทำอาหารไปอีกเกือบสิบปี..
จนกระทั่ง.. หลังจากที่เห็นเรามุ่งทำขนมแสนสวย เอาแต่ใจอย่างมาคารอง มาคารง หรือมากาฮอง ที่แล้วแต่ใครจะชินสำเนียงแบบไหน มันก็คือ Macaron ขนมชิ้นเล็ก ๆ ที่เป็นญาติกับเมอแรงค์ Meringue เนื่องจากโครงสร้างใช้ส่วนผสมของเมอแรงค์ หรือการตีไข่ขาวให้ขึ้นฟูรวมกับน้ำตาลทรายป่น ผสมกับอัลมอนด์มีล หรืออัลมอนด์บด หรืออาจจะเป็นเมล็ดถั่วอื่น ๆ ก็ได้ ประกบเป็นคู่ สอดไส้ตรงกลางได้หลายอย่าง แล้วแต่จินตนาการของคนทำ
เขาผู้นั้น ก็ประกาศตัวว่า ผมนี่แหละ จะหัดทำมาคารอง เผื่อจะได้ทำขาย !!!! OMG ! เราบอกว่า ถ้าอยากทำก็จะสอนให้ ถือเป็นการแก้ตัวสำหรับการทำลายความมั่นใจในการทำอาหารของผู้ชายคนหนึ่งลงโดยสิ้นเชิงในอดีต ..
วันแรกที่เริ่มการหัดทำ มีเสียงเด็กในบ้าน (ผู้ซึ่งให้การสนับสนุนปาป๊าอย่างแข็งขัน ในการทำอาหาร) แว่ว ๆ มาตอนเห็นคุณปาป๊าเริ่มการชั่ง ตวง และเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ ตามคำสั่งของโค้ชว่า ..ป๊า ทำไมไม่เริ่มจากการทำช้อคโกแลตชิพคุ้กกี้ก่อนล่า.. เด็กคนนี้เคยหัดทำคุ้กกี้ตัวนี้มาแล้วด้วยนะ
เราใช้สูตรมาคารองจากบ้านคุณครูปอนด์ ที่จับมือสอนคนให้ทำมาคารองเป็นมาหลายคนแล้ว ทางไปบ้านคุณปอนด์ทางนี้ค่ะ
ขอขอบคุณคุณปอนด์ "น้าปังปอนด์" เอาไว้อีกครั้ง ณ ที่นี้ค่ะ
เริ่มเข้ากระบวนการผลิต ปั่นอัลมอนด์มีลกับไอซิ่ง เอาออกเกลี่ยในถาด อบไล่ความชื้น ฯลฯ
คนทำดูมีความกระตือรือล้น อยากตีไข่ขาวให้เป็นเมอแรงก์มาก ๆ ก็มันดูน่าสนุกอ่ะนะ ไข่ขาวพักเอาไว้แล้วตั้งแต่ชาติก่อน แบ่งมาชั่ง 60 กรัม ใส่กาละมังสะอาด น้ำตาลป่น 40 กรัม เตรียมพร้อมไว้ในห่อกระดาษ เราให้ตีไข่ไปก่อนจนได้ฟองหยาบแล้วค่อย ๆ เทน้ำตาลป่นลงไปด้วยอีกมือหนึ่ง
สามารถ ๆๆ
หลังจากอัลมอนด์ที่อบ ไม่มีความชื้น นำออกมาร่อน ครั้งแรกใช้ตะแกรงตาถี่ เหลืออัลมอนด์ที่ไม่ยอมลอดลงรูตะแกรงอีกเพียบ ไม่ว่าจะสอนให้กดยังไง ก็ไม่ยอมไป
ลงท้ายด้วยการเปลี่ยนตะแกรงให้ตาห่างค่ะ แก้ปัญหาได้แจ่มมาก ไม่มีอะไรเหลือในตะแกรงเลย ลงไปหมด
คนหัดทำหมายมั่นปั้นมือ จะทำมาคารองสีฟ้าค่ะ เราเลยจัดไป ใส่สีเอาเองนะคะ ได้เป็นสีฟ้าแจ่มขนาดนี้
เตรียมอุปกรณ์ค่ะ
เตรียมอุปกรณ์ที่จะใช้บีบแบทเทอร์ ถุงพลาสคิค หัวบีบกลม ๆ ใส่แก้วสูง ๆ เอาไว้ อย่าลืมคลิปปากถุงตรงที่ต่อกับหัวบีบไว้ก่อนนะคะ เดี๋ยวจะตั้งตัวไม่ทันเวลายกถุงขึ้นบีบ
มาคารองที่(คิดว่า) โฟลได้ที่แล้ว ให้กะเอาเองค่ะ จากคำบอกเล่าของโค้ชว่าจะต้องเป็นลักษณะไหน แล้วให้ประมาณเอาเอง
กวาด ๆ ใส่ถุงเตรียมบีบ
สีฟ้าแจ่มแจ๋วมาก ๆ ณ แถว ๆ นั้น โค้ชนั่งรอลุ้นอยู่ ยังไม่ลุกขึ้นเตรียมทำไส้อะไรเลย เพราะคิดว่าอาจไม่ต้องเสียเวลาทำไส้หรอก อิอิ
หน้าตาคนทำ ดีใจมาก จะได้เวลาบีบมาคารองแล้ว หลังจากตักแบทเทอร์ใส่ถุงบีบ มือเลอะเทอะมาก ต้องวิ่งไปตั้งหลัก ล้างมือให้สะอาด .. แล้วเช็ดกับชายเสื้อ...ค่ะ
แป่ว..รอบแรก มาคารองโฟลด์ยังไม่ได้ที่ ดูแล้วเป็นภูเขาไฟเล็ก ๆ แถมยังเบี้ยวไปมา ขนาดไม่เท่ากันซักวง เนื่องจากคนทำยังกะไม่ถูก บังคับน้ำหนักมือไม่ได้ ต้องช้อนขึ้นไปโฟลด์ใหม่เป็นบางชิ้น เลอะเทอะสุด ๆ
หลังจากได้วงที่พอใจคนทำแล้ว ให้กระแทกถาดไล่ฟองอากาศออก ตามด้วยเทคนิคสร้างสรรค์ใหม่ ใช้ไม้จิ้มฟันไล่เจาะรูฟองอากาศที่ดื้อดึง ไม่ยอมหายเองโดยดี
ดูหน้าตาตั้งใจจิ้มฟองอากาศมาก ๆ
หลังจากจิ้มเอาฟองอากาศออกจนพอใจแล้ว ก็เป็นเวลาของการสร้างสรรค์ต่อ มือใหม่คิดว่า น่าจะเอาดอกเกลือมาโรยหน้า เพราะมาคารองมันหวาน เอ้า..โรยอะไรก็ทำไปค่ะ เชิญญญญ..
อันนี้เราส่งเมล็ดป๊อบปี้ให้โรยเล่น เผื่ออันที่โรยเกลือเจ๊ง จะได้พอมีอันที่เป็นปรกติบ้าง
อืม..ดู ๆ ไปก็ท่าทางจะมีอนาคตไม่เลวนะนี่ เราดูจากฟอร์มของแบทเทอร์แล้ว คิดว่าคืนนี้อาจต้องมีการลุกขึ้นทำไส้หรือเปล่านะ
ในที่สุด หลังจากพักผิวไปเกือบชั่วโมงครึ่ง (ในอากาศเปิดแอร์) ก็ได้เวลาเตรียมส่งตัวนางงามเข้าเตา ปรกติเราจะใช้อุณหภูมิ 160 องศาซี กับเตาอบของเรา ที่ไม่มีพัดลม
Moment of Truth.. เย้ๆๆๆ มีขา และไม่แตกด้วยแหละ น่าหมั่นไส้เป็นที่สุด ทำไมไม่เจ๊งฮะ .. เราทำเจ๊งไปสองสามรอบนะ กว่าจะได้แบบนี้น่ะ ฮึ..
จากนั้น เราก็ปล่อยมือใหม่อบไป ตามที่สอน โค้ชก็ไปลั้ลลา ดูทีวี กินขนม เล่นเกมเลี้ยงสัตว์ประหลาด TreeWorld ไป จนเดินมาดูล็อตที่ให้อบเอง
ว้าย ๆๆๆ ไฟในเตาอบมันแรงเกินค่ะ ทำมั๊ยไม่คอยดู ..ก็..ตั้งอุณหภูมิไว้แล้วนี่..
เตาอบเจ้าเก่าของเรา พักนี้ชักจะรวน ๆ พอมีการเปิดประตูเตาสักครั้ง สองครั้ง หลังจากนั้น คุณท่านจะเร่งอุณหภูมิของตัวเอง เป็นการชดเชยความร้อน และไม่ยอมลงง่าย ๆ ต้องคอยดูก่อนจะส่งอะไรเข้าไปอบต่อด้วย
มาคารองสีฟ้าแจ๋ว กลายเป็นสีเขียวหม่น สวมกระโปรงขลิบลูกไม้สีน้ำตาลไปซะแล่ว..
คนทำ ซึ่งขึ้นไปอาบน้ำใส่ชุดนอน(เยิน ๆ ) ลงมาดู กำลังยืนชื่นชมผลงานตัวเองอยู่ ทำแบทช์เดียว ได้มาคารองสองสีมาพร้อมกัน
ในที่สุด เราก็ต้องลุกขึ้นทำไส้เอาไว้ให้ใส่จนได้ คนทำตื่นเต้น ต้องการทำให้จบหลักสูตรในวันนี้ค่ะ โค้ชง่วงนอนแล้วนา.. ไส้มาคารองวันนี้ เป็นเฟรนช์บัตเตอร์ครีม จากสูตรของคุณปอนด์ในบล็อกที่ทำลิ้งค์ไว้ให้ข้างบน แต่เราลดน้ำตาล และเติมราสพ์เบอรี่กวนแบบใส่น้ำตาลน้อยเดียว กวนให้ข้น ๆ ลงผสมกับบัตเตอร์ครีมเมื่อตอนที่ราสพ์เบอรี่กวนเย็นสนิทแล้ว
มือใหม่ กำลังเก็บภาพผลงานตัวเองอย่างภาคภูมิใจ
ให้หัดบีบไส้ใส่ในฝาด้วย
โปรดมองข้ามเล็บดำเล็กน้อยของผู้ทำด้วยนะคะ แฮ่ะ ใส่ไส้ ปิดฝาประกบคู่ให้เรียบร้อย
มาคารองรุ่นกระโปรงขลิบระบายสีน้ำตาล
เซ็ทนี้เป็นเซ็ทแรก ที่โค้ชยังคอยคุมไฟให้
ประกบคู่เรียบร้อย เตรียมเก็บเข้าตู้เย็น
แต่ไม่ก่อนที่จะโดนจับถ่ายรูปต่าง ๆ นานา
เซ็ทข้างล่าง เป็นการทำรอบสอง แบบโค้ชไม่บอกอะไรแล้ว แต่คอยดูอยู่ห่าง ๆ คอยทำไส้ให้อย่างเดียวค่ะ ชุดนี้ คนทำไม่ใส่สีอะไรเลย แต่ควบคุมไฟไม่ดี กลายเป็นมาคารองสีครีมไปเลย ฮ่า ๆๆๆ แถมยังลืมเอาไข่ขาวออกมาพักให้ได้อุณหภูมิห้องก่อน โค้ชบอกให้เอาไปอบในอุณหภูมิต่ำ ๆ หลังจากอบอัลมอนด์ไล่ความชื้นแล้วสักห้านาที ได้น้องนางกระโปรงบานแฉ่ง
ไส้เป็นแพชชั่นฟรุตกับไวท์ช้อคฯ เปรี้ยวหวานสะใจมาก
มีเซ็ทสีเหลืองด้วย เซ็ทนี้ทำเองแบบ 100% โค้ชหลับไปแล้วก่อนที่จะสำเร็จ
สรุปว่า ถึงแม้จะเป็นขนมที่ถือว่าทำยาก แต่ถ้าคนอยากทำจริง ๆ แล้ว ก็ไม่มีอะไรยากเท่าที่คิด
อีกอย่าง อาจจะเป็นเพราะคนทำลองทำ ไม่เคยมีประสบการณ์ทำขนม ไม่เคยอ่านรายละเอียดจากการทดลองทำของคนอื่น ที่อาจจะเสียไปหลายรอบก่อนที่จะได้เรื่อง
เลยไม่มีความหวาดวิตกล่วงหน้ามากมาย เป็นไปได้เหมือนกันนะ
เหมือนเราเคยไปลงเรือออกทะเล กับกลุ่มญาติสาว ๆ ของเพื่อนที่พาลูก ๆ ไปด้วยสองสามคน จะออกไปดำน้ำที่ภูเก็ต เรือลำใหญ่พอควร อากาศดี คลื่นลมไม่แรง
เด็ก ๆ ที่ลงเรือด้วย หน้าซีดหน้าเซียวตั้งแต่ยังไม่ออกเรือ ไม่เคยลงเรือ ทำไมถึงคิดว่าจะเมาเรือหนอ พอหันไปเห็นสรรพสิ่งที่บรรดาคุณแม่เตรียมมา มีทั้งบ๊วยเค็ม ของดอง ยาดม ยาลม ยาหม่อง ฯลฯ รวมทั้งการที่คุณแม่ป้ายยาหม่อง แปะฮวยอิ๊วก่อนลงเรือกันให้ชุลมุน
เลยเข้าใจ ว่าแค่เห็นของพวกนี้ เด็ก ๆ คงคิดล่วงหน้าเอาไว้ ว่าที่ที่กำลังจะไปนี้ มันคงต้องทำให้วิงเวียน เมา คลื่นไส้ และไม่สบายแน่นอน
ตัวเราเอง ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเมาเรือ เลยไม่มีอาการอะไรทั้งสิ้น หรือเราแค่อาจจะโชคดีเองก็ได้ ไม่เกี่ยวกับการคาดการณ์ล่วงหน้าอะไรทั้งนั้น
แต่ก็ทำให้สบายอกสบายใจ นั่งเอกเขนกอยู่หัวเรือ อ่านหนังสือฉบับกระเป๋าที่หอบติดตัวไปด้วยอย่างหน้าตาเฉย..
ขึ้นต้นเป็นเรื่องหนุ่มคนหนึ่ง ที่อยากลุกขึ้นทำมาคารอง จบลงเป็นเรื่องเมาเรือได้ยังไงเนี่ย
ขอให้มีความสุข กับการไม่สร้างขอบเขตให้ตัวเองในสิ่งที่ต้องการทำ และมีความสุขกับการทดลองสิ่งใหม่ ๆ ในชีวิต เพราะมันเป็นสิ่งที่สนุกสนาน ถ้าไม่ปิดกั้นตัวเอง และไม่คาดหวังอะไรมาก
ขอบคุณทุก ๆ ท่านที่แวะมาใช้เวลาด้วยกัน ณ ที่นี้เสมอ ๆ ค่ะ
Create Date : 18 พฤศจิกายน 2555 |
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2555 23:41:35 น. |
|
80 comments
|
Counter : 3142 Pageviews. |
|
|