หินสามวาฬ จ.บึงกาฬ
เช้านี้รีบตื่นกินอาหารเช้าที่บ้านพัก แพ็คเสื้อผ้าสำหรับ 1 วันไปด้วย เพื่อไปค้างที่จ.บึงกาฬ จากนครพนม ผ่านอุดรธานี จึงแวะเข้าวัด ที่เคยมาก่อนหน้านี้แล้ว2ครั้ง มีประสบการณ์ต่างๆกัน ครั้งนี้ก็อีกแบบหนึ่ง แต่ไม่ขอเล่านะคะ เป็นความรู้สึกส่วนตัวค่ะ ต้องถอดรองเท้าเดิน จากปากทางเข้าไป ฝากรองเท้าไว้ที่ด้านนอก หรืออาจใส่ถุงเอาใส่กระเป๋าหิ้วเข้าไป ก็ตามแต่สะดวกค่ะ เดินเข้าไปที่ศาลปู่ศาลย่า พื้นที่ถูกจัดระเบียบขึ้นแยะ มีการกั้นเขตรากไม้ใหญ่ ไม่ให้คนเดินเข้าไปเหยียบย่ำ และโรยแป้ง ขูดถูเหมือนแต่ก่อนอีก
ปากทางก่อนเข้า มีบายศรีขนาดเล็กใหญ่เอาไว้ให้ซื้อหา
ทางเดินเข้าทึบคลึ้มด้วยต้นชะโนดใหญ่น้อย ทำให้ร่มรื่น และเย็นสบาย
ศาลเจ้าปู่ศรีสุทโธมีอยู่2ศาลเคียงกัน ให้ผู้เสื่อมใสศรัทธามากราบไหว้บนบาน และแก้บน ตามแต่ละแนววิถีบุคคลไป เราได้แต่กราบสักการะ ไม่บนอะไรทั้งสิ้น
ด้านในมีต้นมะเดื่อใหญ่ที่โอบล้อมต้นชะโนดไว้ และแผ่รากไหลไปตามพื้น งดงาม เมื่อมาตั้งแต่ครั้งแรก 6-7มาแล้ว พบเห็ฯว่ามีคนจำนวนมากมาโรยแป้งบนรากไม้ แล้วถูๆดูเลขที่แต่ละคนมองเห็นต่างกันไป แต่ละคนก็เก็บงำตัวเลขเอาไปเสี่ยงโชคกันที่ด้านนอก เพราะมีแผงล็อตเตอรี่ขายอยู่เป็นจำนวนมาก ยังคิดว่า น่าจะมีค่าแผงราคาสูงมากทีเดียว เพราะรายได้ดี เพื่อนที่ไปด้วยกันทั้ง3ครั้ง ต่างก็ถูกล็อตเตอรี่ ถูกหวย กันเป็นแถวๆ แต่แม่ตะลีไม่เล่นหวยไม่เล่นเบอร์ ไม่เสี่ยงดวงกับล็อตเตอรี่ทั้งสิ้น จึงมิได้มีประสบการณ์แบบนี้เลยตลอดมา
มีบ่อน้ำลึกมากตามที่เขาเล่าไว้ ผู้คนก็มานำน้ำนี้เก็บใส่ขวดใส่ภาชนะเอากลับติดตัวไป ถือเป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ตามความเชื่อส่วนตน
ได้เวลาเดินทางต่อ ไปถึงจ.บึงกาฬ ค่ำพอดี เข้าที่พักที่ โรงแรมอาฮง ติดริมโขง อากาศเย็นสบายมากๆ เราพักกันชั้นบน ที่พักสะอาดดี มองจากด้านบนลงมาที่แม่น้ำโขง สวยงาม
ตื่นแต่เช้ามืดอากาศดีมากๆ กินอาหารเช้าที่ กาแฟขนมนมเนยที่มีบริการและที่เตรียมมาเสร็จเรียบร้อย ลงไปเดินเล่นที่โขดหิน ริมน้ำแต่ไม่มีภาพ เพราะไม่ได้พกกล้องไปด้วยกลัวตกน้ำหาย มารอใส่บาตรพระ จากวัดอาฮงศิลาวาสนี่เอง
หลังใส่บาตรมาเป็นตากล้องให้เพื่อนและพี่ๆ สนุกเลยเพราะให้พี่ทำอะไร พี่ก็ทำตามบอก ตากล้องก็สนุกไปซิ
แล้วเดินเล่นในวัด บริเวณริมโขง ที่เชื่อกันว่าเป็นจุดที่ลึกที่สุดถึง200เมตร มีน้ำวน จึงเรียกว่าสะดือน้ำโขง
ฝั่งตรงข้ามเป็นเมืองปากซันของลาว
บริเวณวัดทีสวนหิน ลานต้นไม้ร่มรื่นสวยงามดี
ออกจากวัดอาฮงศิลาวาสจุดหมายต่อไปของเราคือ หินสามวาฬมาถึงต้องจอดรถไว้แล้วโดยสารรถ2แถว ที่มีบริการขนส่ง คนละกี่บาทก็จำไม่ได้ค่ะ ทางที่เข้าไปมันขรุขระลำบาก แคบ ผ่านป่าไผ่ ดงไม้ เข้าไป
รถ2แถวหยุดพักเป็นจุดๆ ให้ดูโน่นนี่นั่น
กระโดกกระเดกโยกเยกไปสักพักใหญ่ๆก็ลง เดินเท้าเข้าไปอีกหน่อย ก็ถึง หินสามวาฬ 3ตัวพ่อแม่ลูก ที่อยู่ในเทือกภูสิงห์ เป็นสิ่งที่ธรรมชาติให้มา อย่างน่าแปลกใจจริงๆ มองมุมแบบนี้เหมือนวาฬกำลังดำผุดดำว่ายอยู่มนท้องทะเลจริงๆ
(ขอบคุณเจ้าของภาพมุมสูง2ภาพนี้จากเน็ตด้วยค่ะ)
เดินออกไป ทางหัววาฬ ลมแรงสุดๆ ต้องไม่ใส่หมวกหรือถือสัมภาระอะไรรุงรังดีที่สุดค่ะ ที่สำคัญต้องมีสติทุกย่างก้าว เพราะอาจเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันได้ทุกเมื่อ ซึ่งเกิดขึ้นกับแม่ตะลีมาแล้ว ขณะที่ออกไปถ่ายภาพเดี่ยวที่ปลายผากันอยู่ ลมก็พัดเอาหมวกใบโปรด ปลิวจากหัว ค่อยๆปลิวเลาะๆๆๆๆไปตามพื้น แล้วไปค้างอยู่ที่ช่องหน้าผา ที่ใครก็ไม่สามารถเอามาได้ ครั้งแรกแม่ตะลีจะกระโดดตามตะครุบ แต่พี่ตะโกนห้าม ว่าอย่านะ ปล่อยไป จึงได้สติ มองหมวกสายตาละห้อย เมื่อหมดหวัง ก็ยกมือไหว้ อธิษฐานในใจว่า ขอให้ได้หมวกกลับคืนเถิด แล้วก็ไม่ได้สนใจอีก ถ่ายรูปอยู่ที่ก้อนหินตัวพ่ออยู่นาน พอขาเดินกลับจากวาฬพ่อ จะไปวาฬแม่ มีลมกระชากพัดหวนขึ้นมาอย่างแรง พัดหมวกใบโปรดของเรา ขึ้นมากลิ้งตามหลังเรา เราร้องกรี๊ดๆ จนคนขับรถ2แถว วิ่งไปตะครุบไว้ให้ได้ มีตัวเราเท่านั้นที่รู้สึกได้ถึงความลี้ลับนี้ เพื่อนๆพี่ๆอุทานด้วยความประหลาดใจว่าเป็นไปได้อย่างไร ช่วงนี้แหละค่ะ ที่นั่งถ่ายรูป ต้องเอามือจับหมวกตลอดเวลา ทีนี้ตอนจะลุกขึ้น เผลอปล่อยมือเอามือหยิบขวดน้ำและอีกมือยันพื้น หมวกเลยปลิวว่อนไป
อีกภาพที่พี่ไปถ่ายจากวาฬแม่ จะเห็นว่าเรายกมือพนมขึ้นไหว้ ขอให้ได้หมวกคืน มาสังเกตภาพทีหลังจึงเห็น คนอื่นก็ไม่มีใครกล้าใส่หมวกแล้วเอาหนีบ ถือคล้องเชือกไว้หมด
ได่้หมวกกลับคืน แบบน่าพิศวง ไปถ่ายตรงมุมอื่นต่อไป
ได้เวลาสนุกสนานให้พี่และเพื่อนโพสท์ท่าสนุกๆอีกแล้ว ไม่มีใครขัดข้องกันเล๊ย แม่ตะลีก็สนุกอีก เวลากลับมาดูภาพ
ขากลับแวะทางผ่านที่วัดพุทธนิมิตริมโขงมีนกยูงเดินอยู่หลายตัวแวะกินข้าวเที่ยง ร้านที่เจอข้างทาง บริเวณร้านมีบ้านพัก ปลูกต้นไม้สวยๆ เช่นโป๊ยเซียนไร้หนาม ขอกิ่งมา2-3กิ่ง กับลูกอะไรคล้ายๆพิกุล เอามาเพาะ แต่เพาะไม่ขึ้น
แล้วก็เดินทางกลับที่พักที่นครพนม จบไปอีกวันกับความลี้ลับที่เป็นเรื่องเกิดกับใครก็ของคนนั้น
แนะนำท่องเที่ยวไม่ได้เลย แค่เอามาเก็บไว้ดู และเล่าเรื่องที่พอเล่าได้แบ่งปันกันค่ะ ภาพคนแยะกว่าวิวและสถานที่
สวัสดี
Create Date : 29 กรกฎาคม 2563 |
Last Update : 29 กรกฎาคม 2563 14:17:12 น. |
|
15 comments
|
Counter : 1207 Pageviews. |
|
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณnonnoiGiwGiw, คุณtuk-tuk@korat, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณmcayenne94, คุณอุ้มสี, คุณสองแผ่นดิน, คุณSweet_pills, คุณhaiku, คุณKavanich96, คุณกะว่าก๋า, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณMax Bulliboo, คุณที่เห็นและเป็นมา, คุณหอมกร, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณเริงฤดีนะ |
โดย: mcayenne94 วันที่: 29 กรกฎาคม 2563 เวลา:18:39:53 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 29 กรกฎาคม 2563 เวลา:22:47:51 น. |
|
|
|
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 29 กรกฎาคม 2563 เวลา:23:30:09 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 29 กรกฎาคม 2563 เวลา:23:44:38 น. |
|
|
|
โดย: Kavanich96 วันที่: 30 กรกฎาคม 2563 เวลา:2:42:03 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 กรกฎาคม 2563 เวลา:7:12:12 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 กรกฎาคม 2563 เวลา:14:17:08 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 กรกฎาคม 2563 เวลา:7:07:43 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 31 กรกฎาคม 2563 เวลา:10:55:48 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 2 สิงหาคม 2563 เวลา:7:52:28 น. |
|
|
|
| |