Bloggang.com : weblog for you and your gang
"ความรู้" คู่ "ความงาม"
Group Blog
<<
พฤษภาคม 2557
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
25 พฤษภาคม 2557
[Health Tips] Natural Home Remedy for Soar Throat
All Blogs
[Health] "น้ำยาบ้วนปาก" ตัวเสริมที่ขาดไม่ได้เพื่อความมั่นใจในทุกบทสนทนา
[Beauty Tips] Beautify Your Skin From Inside Out
[Health Tips] Natural Home Remedy for Soar Throat
[Health] เพิ่มเติมอีกหน่อย กับ Astaxantin สารซุปเปอร์แอนติออกซิแดนท์สารพัดประโยชน์
[Health] Astaxanthin สารสีแดงเพื่อคงผิวสวยอ่อนเยาว์
[Health] Nestlé 2-Week Plan to Good Health - Week 2
[Health] Nestlé 2-Week Plan to Good Health - Week 1
[Health] Nestlé 2-Week Plan to Good Health
[Health] 'Probiotics' สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กแต่ประโยชน์มหาศาล
[Health & Beauty] "อย่านอนดึก" คุณสนใจและเข้าใจคำห่วงใยนี้มากแค่ไหน?
[Health] "เห็ดสกัดเข้มข้น" ทางเลือกใหม่่ในการเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย?
[Tips] 'วิปโฟม' ง่าย ๆ ด้วยสองมือเรา
ใช้ Anti-Aging เร็วไป ผิวจะเหี่ยวไวจริงหรือ?
"4 Step for Beautiful Hair" by Pantene
"คิดผิด คิดใหม่" สถิติตัวเลขอันน่าตกใจ ที่คุณต้องรู้เอาไว้เกี่ยวกับ "มะเร็งปากมดลูก"
คุณมั่นใจหรือว่าเข้าใจเรื่อง Hydration ดีพอ?
คิดผิด คิดใหม่ กับ "มะเร็งปาดมดลูก" โรคร้ายที่คร่าชีวิตหญิงไทยกว่าวันละ 14 คน
Vitamin C Supplement - Do They Work?
Buzz Care : "Glutathione" "กลูต้าไธโอน" ~ ขาวเสี่ยงตาย!!!
Buzz Care : ดูแลผิวสวยในช่วงหน้าหนาว
ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล (เพราะเราไม่จำเป็นต้องรีบปิดไฟนอน)
เคล็ดไม่ลับกับการขัดผิว
"ความเครียด" ภัยร้ายของคนเมือง
มาสค์หน้าสูตร "ตามใจฉัน" ด้วยสำลีแผ่นใหญ่ของ MUJI
ดูแลสุขภาพแบบ "องค์รวม" เพื่อผิวสวยสดใส
"สับแหลก 20 ความเชื่อสุดฮิตเกี่ยวกับความงาม จริงชัวร์หรือมั่วนิ่ม?" Part : 1
"สับแหลก 20 ความเชื่อสุดฮิตเกี่ยวกับความงาม จริงชัวร์หรือมั่วนิ่ม?" Part : 2
โลกนี้ไม่มีครีมวิเศษ
"คุณมีผิวแพ้ง่ายจริงหรือ?"
"หน้าตึงแต่กระเป๋าแฟบ ของแพงมันดีกว่างั้นหรือ?" สับแหลกเบื้องหลังคำโฆษณาสินค้า Anti-Aging
"ขาวใสแบบไม่ไร้สมอง" สับแหลกเบื้องหลังผลิตภัณฑ์ Whitening
Dermatologist Tested นั้นท่านได้แต่ใดมา ???
Eye cream จำเป็นจริง ๆ หรือ?
เคล็ด(ไม่ลับ) ในการเลือกซื้อเครื่องสำอาง สไตล์ PuPe
"เรื่องไร้สาระที่มักได้ยิน BA ตามเคาเตอร์พูดกรอกหูบ่อย ๆ"
[Health Tips] Natural Home Remedy for Soar Throat
ใครมักมีปัญหาเจ็บคอ คออักเสบ ร้อนใน ระคายคอบ่อย ๆ บ้างยกมือขึ้น!!! ส่วนตัวปูเป้ขอยกสองมือสูง ๆ เพราะเป็นอาการประจำตัวมาตั้งแต่เด็กเลยทีเดียว เพราะว่าชอบกินขนม กินของทอด ดื่มน้ำน้อย นอนดึก และยังนอนในห้องแอร์มาตลอด วิธีแก้ปัญหาที่ทำมาตั้งแต่เด็กก็คงหนีไม่พ้นใช้ยาพ่น ยาอม กินยาฆ่าเชื้อ (ที่เราเรียกกันติดปากแบบผิด ๆ ว่ายาแก้อักเสบ) แต่ปูเป้พยายามลดสิ่งที่กล่าวมานี้ลงมาได้นานหลายปีแล้ว...
จุดเริ่มต้นของความพยายามใช้ทางเลือกเริ่มตอนที่อายุ 24 ปีหลังจากที่เริ่มเรียนคอร์สทำขนมอย่างจริงจังที่ต้องฝึกโหดในห้องครัวของโรงแรม เดินเข้าออกห้องเย็นเป็นว่าเล่น ภายในสัปดาห์แรกของการเริ่มเรียน ปัญหาคออักเสบ เจ็บคอก็พุ่งเข้าหาทันที จึงซื้อยาฆ่าเชื้อมาทานเอง (ที่ตอนนั้นยังเรียกผิดว่ายาแก้อักเสบ)
ผ่านมา 1 สัปดาห์ก็ยังไม่หาย ไปหาคุณหมอที่ห้องพยาบาลของโรงแรมก็ได้ความรู้ว่า การเจ็บคอไม่ได้หมายความเกิดจากแบคทีเรียเสมอไป กินยาฆ่าเชื้อไปก็ไม่มีประโยชน์ ยาพวกนี้กินพร่ำเพื่อจะทำให้เกิดผลเสีย และทำให้เชื้อแบคทีเรียดื้อยาเปล่า ๆ จึงให้ลองเปลี่ยนยาที่ใช้
หลังจากเจ็บคอมาเกือบเดือน สุดท้ายคุณหมอแนะนำว่าไม่ต้องทานยาแล้ว เพราะน่าจะเป็นเพราะไวรัสมากกว่า ให้พักผ่อนให้เพียงพอ กลั้วคอด้วยน้ำอุ่นผสมเกลือเช้า ก่อนนอน หลังอาหาร กินวิตามินซีวันละ 2,000 มิลลิกรัม ยาอมแก้เจ็บคอที่ปกติใช้ก็เปลี่ยนมาเป็นยาอมสมุนไพรตามที่คุณป้าในครัวแนะนำ (เพราะแกบอกว่าแกก็เป็นบ่อย) สรุปว่าอาการเจ็บคอที่เป็นมานานเดือนนึงกลับหายไปใน 1 สัปดาห์
นี่คือบทเรียนแรกที่ทำให้รู้ว่า เจ็บคอ คออักเสบ อย่ากินยาฆ่าเชื้อเองพร่ำเพรื่อ เพราะว่าเจ็บคอมาจากหลายสาเหตุ กินยาหรือรักษาไม่ตรงสาเหตุก็ไม่หายและมีผลเสียอื่นๆ อีก
ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว หลังกลับจากภูเก็ต ก็มีไข้ เจ็บคอจนเหมือนคอจะขาดเพราะทอนซิลอักเสบ เป็นอยู่เกือบ 2 เดือน เปลี่ยนยาหลายตัวมากแต่ไม่ดีขึ้นจนต้องใช้ยาที่แรง (และแพง) หมอบอกว่าเชื้อสมัยนี้ดื้อยามากขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะคนเรียกยาปฏิชีวนะว่า ยาแก้อักเสบ พอเจ็บคอ ก็กินยาฆ่าเชื้อ ยายาปฏิชีวนะ กันพร่ำเพรื่อ กินไม่ครบ เชื้อมันก็ยิ่งดื้อ
ก็ย้อนกลับไปมองสิ่งที่ตัวเองทำมาตั้งแต่เด็ก เจ็บคอก็กินยา กินไม่ครบโดสก็มีเพราะคิดว่าหายแล้ว บางทีอมยาฆ่าเชื้อแก้เจ็บคอเล่น ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนส่งผลให้เราเจอกับเชื้อที่ยากต่อการจัดการมากขึ้น ต้องใช้ยาแพงขึ้น เจ็บป่วยนานขึ้น รักษายาขึ้น ดังนั้นเราต้องปฏิวัติตัวเองเสียใหม่ ป้องกันปัญหาที่จะเกิด หาทางเลือกที่ช่วยบรรเทาอาการ
จากประสบการณ์ส่วนตัว พฤติกรรมการกินมีผลมากแต่การเกิดปัญหาในช่องปากและลำคอ เนื่องจากเป็นคนชอบทานขนม ทานของหวาน ของทอด ดื่มน้ำน้อย วิธีแก้ก็ต้องไปแก้ที่ต้นเหตุนั่นแหล่ะ คือเรายังคงกินของหวาน กินขนม กินของทอดอยู่ ให้อดหรือเลิกน่ะไม่มีทางทำได้ แต่เราต้องรู้จักควบคุมปริมาณและความถี่ให้ได้ (ซึ่งเป็นผลดีต่อการควบคุมน้ำหนักและรูปร่างด้วย)
การดื่มน้ำก็สำคัญ ถ้าวันไหนอยู่บ้านไม่ออกไปไหน น้ำขวด 1.5 ลิตรตั้งไว้วันละ 1 ขวด แบ่งจิบไปเรื่อย ๆ ในระหว่างวัน
บางคนอาจจะบอกว่า 1.5 ลิตร น้อยไปไหม? เราว่าไม่น้อยไป เพราะว่าเรานับน้ำในอาหารและผลไม้ที่เรากินเข้าไปด้วยนะ
นอกจากนี้ก็ห้ามขี้เกียจนอนไม่แปรงฟัน บ้วนปาก มันเป็นสิ่งที่ธรรมดามาก แต่เชื่อว่ามันต้องมีวันที่เราขี้เกียจจนอยากล้มตัวลงนอนไปเลยกันบ้างแหล่ะ โดยส่วนตัวจะรู้สึกว่าวันไหนที่เผลอหลับโดยไม่แปรงฟัน จะรู้สึกระคายคอในตอนที่ตื่นนอนมากกว่า
ความชื้นในอากาศก็เป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามโดยเฉพาะคนที่นอนในห้องแอร์ ส่วนตัวปูเป้ลงทุนกับเครื่องฟอกอากาศที่มีระบบเพิ่มความชื้นไว้ด้วย และเห็นผลอย่างชัดเจนมาก จากที่ปกติเวลาตื่นมาคอจะแห้ง ระคายคอ เสียงไม่ค่อยมี แต่ตั้งแต่ใช้มาอาการเหล่านี้ก็หายไปเลย ถังน้ำ 1.5 ลิตรที่ใส่ลงไปในเครื่องตอนก่อนนอน ตื่นมาแทบจะแห้งถังในระยะเวลา 8 ชั่วโมง นั่นคือปริมาณน้ำที่ใช้ไปในการทำให้อาการในห้องแอร์นั้นมีความชื้นพอ ดังนั้นการวางน้ำ 1 แก้วไว้บนหัวเตียงน่ะไม่มีประโยชน์หรอก ถ้าจะวางคงต้องตั้งกะละมังไว้แทน ให้มีพื้นที่พื้นผิวกว้างๆ การระเหยน้ำจะได้มากพอ ส่วนใครที่คิดว่าเครื่องฟอกอากาศที่มีระบบเพิ่มความชื้นนั้นแพงไป ลองหา Humidifier อย่างเดียวมาใช้ก็ได้
แต่ถึงแม้เราจะพยายามป้องกันแล้ว ทว่าปัญหาก็ยังเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าจะงานหนัก เครียดจัด เดินทางไปต่างประเทศติด ๆ กัน ร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ อาการเจ็บคอ ระคายคอ คออักเสบก็จะแวะมาทักทายเราได้
ตัวช่วยที่เรียบง่ายและราคาถูกที่สุด และส่วนตัวรู้สึกว่ามันได้ผลดีสุดกว่าน้ำยาบ้วนปากราคาแพง ๆ ก็คือการกลัวคอด้วยน้ำเกลือ ซึ่งทำได้ง่าย ๆ ด้วยการเอาน้ำ 1 ขวด (500 มิลลิลิตร) มาผสมกับเกลือ 1 ช้อนชา เขย่าให้ละลาย แล้วกลั้วปากและคอ 1 นาที หลังการแปรงฟัน เช้า - เย็น และหลังทานอาหาร หรือเมื่อรู้สึกระคายคอ
การ จิบน้ำขิงอุ่น ๆ ก็ช่วยให้คล่องคอ และสาร Gingerol ในขิงก็ช่วยฆ่าเชื้อโรคในช่องปากได้ ถ้าไม่สะดวกต้มน้ำขิงเอง ลองหาน้ำขิงสำเร็จรูปสูตรหวานน้อยก็แก้ขัดได้ ตอนเด็ก ๆ เวลากินบัวลอยน้ำขิง เรากินแต่บัวลอยทิ้งน้ำขิง หารู้ไม่ว่าทิ้งของดีมาตลอดเลยนะนั่น... ทุกวันนี้ที่บ้านจะมีน้ำขิงผงติดบ้านไว้ตลอด ถ้ารู้สึกว่าอาการชักจะไม่ดีก็งดดื่มน้ำเย็นแล้วมาจิบน้ำขิงอุ่น ๆ แทน
(Source :
Antibacterial activity of [10]-gingerol and [12]-gingerol isolated from ginger rhizome against periodontal bacteria.
)
ยาพ่นก็เป็นอีกตัวนึงที่พึ่งเริ่มใช้มาได้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ตัวแรกที่ลองคือ คามิโลซาน คือมันได้ผลดีนะแต่เราไม่แฮปปี้กับรสของมันเท่าไหร่ ล่าสุดได้มาลอง Propoliz Mouth Spray ที่หาซื้อได้ตาม Watsons กับ Boots และร้านขายยาทั่วไปนี่แหล่ะ ตัวนี้ใช้สารสกัดจาก Brazilian Green Propolis 1% เป็นสารออกฤิทธิ์หลัก ซึ่งโดยส่วนตัวรู้สึกชอบมากกว่า เพราะว่ารสออกหวานนิด ๆ จากน้ำผึ้ง มีกลิ่นและรสหอมเย็นของมินต์ ช่วยให้ชุ่มคอ แล้วก็ช่วยลดอาการเจ็บคอ และการติดเชื้อในช่องปากด้วย ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจ เรียกว่าพกติดกระเป๋าประจำเลย
Propolis เป็นสิ่งที่ปูเป้เองไม่คุ้นเคยก็เลยลองหาข้อมูลดูหน่อยและคิดว่ามันก็น่าสนใจดีนะ จริงๆ แล้ว Propolis เป็นเรซินของพืชที่ถูกผึ้งเก็บมาเพื่อใช้แปะในส่วนฐานของรังผึ้ง มีสีที่แตกต่างกันไปตามชนิดของพืชที่ผึ้งไปเก็บมา มีลักษณะเหนียวในอุณภูมิปกติ และแข็งเปราะเมื่อเจอความเย็น ซึ่งมีประโยชน์ในการเป็นโครงสร้างลดการสั่นสะเทือนของรังผึ้ง
Propolis ยังมีคุณสมบัติในการต้านจุลชีพตามธรรมชาติจึงช่วยปกป้องอนาจักรของผึ้งจากการรุกรานของแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา (นอกจากนี้ยังถูกใช้หุ้มซากของผู้บุกรุกที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าที่ผึ้งจะลากออกไปทิ้งได้ ให้เป็นมัมมี่เพื่อที่จะไม่เป็นภัยต่อรังของผึ้ง)
คนก็เลยเอา Propolis มาใช้ประโยชน์ในการต้านจุลชีพและการติดเชื้อมาตั้งแต่โบราณ และในยุคสมัยใหม่นี้ก็มีความพยายามในการศึกษาความเป็นไปได้ในการนำ Propolis ในการรักษาและช่วยบรรเทาอาหารที่เกิดจากการติดเชื้อต่าง ๆ และพบว่าได้ผลดีในการเสริมลดการอักเสบ การระคายเคืองในช่องปาก และช่วยให้แผลในช่องปากหายได้ไวขึ้นด้วย
แต่ข้อจำกัดของ Propolis อยู่ที่องค์ประกอบทางเคมีและสรรพคุณในการรักษาของมันนั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละแหล่งที่มา เนื่องจากในแต่ละพื้นที่ก็มีชนิดของพืชที่ต่างกันในการที่ผึ้งจะไปเก็บเรซินมานั่นเอง ดังนั้น Propolis จึงมีสีที่หลากหลาย และคุณสมบัติที่อาจแตกต่างกันไปได้
ข้อควรระวังก็คือเรื่องของอาการแพ้ ผู้ที่แพ้ผลิตภัณฑ์จากผึ้ง ไม่ว่าจะเป็นน้ำผึ้ง นมผึ้ง นั้นก็มีควาเสี่ยงที่จะแพ้ Propolis ด้วยเหมือนกันจ้า
(Sources :
Propolis: is there a potential for the development of new drugs?
,
Brazilian green propolis: anti-inflammatory property by an immunomodulatory activity. .
,
Evaluation of the analgesic and anti-inflammatory effects of a Brazilian green propolis.
,
Propolis: A New Alternative for Root Canal Disinfection.
,
Propolis: Alternative Medicine for the Treatment of Oral Microbial Diseases
)
แม้เราจะพยายามดีที่สุดแล้วในการป้องกัน และดูแลตัวเอง แต่ความเจ็บป่วยเป็นสิ่งที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ถ้าเริ่มที่จะเป็นหนักขึ้น ก็ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยอาการ รับคำแนะนำและปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
ก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และเตือนให้คนที่ซื้อยาฆ่าเชื้อ ยาปฏิชีวนะทานเอง ให้หันมาระวังและใช้ยากันอย่างถูกวิธี และเห็นความสำคัญของการดูแลตัวเอง และประโยชน์จากสิ่งใกล้ตัวและจากธรรมชาติที่จะช่วยป้องกันและบรรเทาปัญหาเจ็บคอ คออักเสบให้ ให้มากวนใจเราน้อยลงด้วยนะ
Create Date : 25 พฤษภาคม 2557
2 comments
Last Update : 2 มิถุนายน 2557 22:42:31 น.
Counter : 10373 Pageviews.
Share
Tweet
Propolis แบบเม็ดก็มีค่ะ ถ้าไม่แพ้ กินประจำไม่มีหวัด ไม่มีเจ็บคอค่ะ
โดย: TukCR IP: 182.255.13.63 25 กรกฎาคม 2557 14:13:07 น.
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆค่ะ
โดย: อัยยา IP: 192.99.14.34 19 กันยายน 2557 20:54:51 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
PuPe_so_Sweet
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1829 คน [
?
]
Advertisement
หากมีคำถามหรือต้องการคำปรึกษา
สามารถทิ้งคำถามไว้ได้ที่หน้า Wall ของ Facebook ครับ
Web Counter
Counter Start on 29 September 2008
Search by Google
ค้นหาข้อมูลและรีวิวผลิตภัณฑ์ที่ต้องการภายในBlog ของปูเป้ได้ไม่ยากด้วย Google Search Box ด้านล่างนี้เลยขอรับ
Custom Search
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add PuPe_so_Sweet's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.