| | |
| ถ้าจะโหวตให้ปอป้า...สาขา Dharma Blog...นะคะ ขอบคุณ...ค่ะ
| |
| | |
ไม่อ้างว้าง...ถ้าใจว่าง
โดย วีณา โดมพนานดร
ณ. จุดที่ยืนอยู่ ทุกมุมในเมือง หันซ้าย มองขวา ล้วนเจอแต่ผู้คน ลองมองลึกไปถึงในใจแต่ละดวง จะพบเศษเสี้ยวของความเหงา ความกังวล ความฟุ้งซ่าน ลอยฟุ้งอยู่เต็มไปหมด เหงาทั้งที่จะแย่งลมกันหายใจอยู่แล้ว
เหงาจัง-เซ็งจัง จึงเป็นอารมณ์อินเทรนด์ของคนเมืองที่ไม่เคยตกไปจากยุคสมัยเสมอมา จะเมื่อโน้นหรือเมื่อนี้ ยังรักษาระดับได้ไม่เปลี่ยนแปลง กิจกรรมหรือสถานที่ที่มีไว้เพื่อให้บำบัดความรู้สึกที่ว่า จึงมีมากมายเป็นเงาตามตัว
อย่าปล่อยให้ว่าง ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เป็นคำแนะนำสำหรับคนที่โหยหาทางออก ไม่ให้ตัวว่าง-แต่ใจต้องว่าง...เหงา อ้างว้างจึงคลาย
ใจต้องว่างจากตัวก่อการของอารมณ์เหล่านี้ ค้นหาตามรอยเจ็บที่เร้นลึกอยู่ภายใน จะพบตัวก่อการที่ว่า ซึ่งหากใช้วิธีบำบัดแบบชั่วคราว หาความเพลิดเพลินสนุกสนานถมทับความเปล่าเปลี่ยวนั้นไว้ ก็จะระงับอาการได้ชั่วครั้งชั่วคราว
จะหาวิธีจัดการแบบขั้นเด็ดขาด ปราบตัวก่อการให้อยู่หมัด เอาให้อยู่มือ ต้องใช้วิชาทางใจจัดการ ซึ่ง ว.วชิรเมธี ชี้ทางให้
ชีวิตก็มีความเหงา ความกังวล ความฟุ้งซ่าน เป็นอารมณ์ ซึ่งเกิดขึ้นจากการหวนระลึกถึงอดีต คาดหวังถึงอนาคต คนที่เหงาก็เพราะว่าคิดถึงใครสักคน หรือถวิลหาอะไรสักอย่าง
จะหลีกหนีได้ต้องเจริญสติให้อยู่กับปัจจุบันขณะ ซึ่งอดีตก็จะเข้าไม่ถึง อนาคตก็จะไม่ระลึก แล้วความทุกข์เพราะอดีต เพราะอนาคต ก็จะเกิดขึ้นไม่ได้
จิตจะไม่ออกไปไหน ตัวอยู่ที่ไหน ใจอยู่ที่นั่น ไม่ซ้าย ไม่ขวา ไม่ไปหน้า ไม่ไปหลัง จิตจะไม่รับอารมณ์จากข้างนอกด้วย ไม่รับอารมณ์จากคนที่เคยดีต่อเราแต่จากไปแล้ว ไม่คาดหวังว่าจะได้รับความรักจากใครในอนาคต
สติจะทำให้เราอยู่เหนืออดีต อยู่เหนืออนาคต นาทีนั้น ตัวตนก็ยังไม่มีนะ มีแต่ตัวรู้ล้วน ๆ ปัญหาที่เกิดจากการกระทบกระทั่ง ที่เกิดจากการมีตัวตนที่ต้องการการสนองตอบ จะสลายไปโดยอัตโนมัติ
ใจที่เคยยุ่งเหยิงและเต็มไปด้วยสิ่งค้างคาจากอดีต ภาพจำลองของอนาคต อันเป็นเชื้อไฟชั้นดีของความเหงา ความฟุ้งซ่าน-จะว่างลง
อ้างว้าง-เหงา-เปล่าเปลี่ยว อยู่คนเดียวไม่ได้ รู้สึกอย่างนี้เมื่อไร ให้นึกถึงคำของท่านพระพรหมคุณาภรณ์บอกไว้
ในเรื่องนี้ คนส่วนใหญ่แทนที่จะไปแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ คือ ทำอย่างไรจะให้อยู่คนเดียวได้โดยไม่อ้างว้าง ว้าเหว่ กลับกลายเป็นว่า เปลี่ยนความเหงาเปล่าเปลี่ยวในการอยู่คนเดียว ไปเป็นความเหงาเปล่าเปลี่ยวทั้งที่อยู่ท่ามกลางหมู่คน
เมื่อต้องอยู่คนเดียว ต้องเลือกให้ถูกว่าจะเป็นคนเดียวแบบไหน
การอยู่คนเดียว อาจก่อให้เกิดโรคจิตก็ได้ หรืออาจจะเป็นการแก้โรคจิตก็ได้ อยู่ที่ว่าจะมีสภาพจิตใจและปัญญาอย่างไร จะ being alone หรือ being lonely สองคำนี้ให้ความหมายแตกต่างกัน
คำแรกนี่อาจจะเป็นสิ่งที่ดีถ้าปฏิบัติให้ถูกต้อง ก็คือได้ความสุข แล้วก็จะไม่มีอาการแบบคำหลัง ซึ่งอาจเป็นปัญหาทางจิตใจ ในการทำให้คนหายรู้สึกอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว มีสิ่งที่เรียกว่าเป็นความจริงผกผันเกิดขึ้น คือ ในทางพุทธศาสนาบอกว่า การทึ่บุคคลจะหาย (จากความรู้สึก) ว่างเปล่าได้ก็ต่อเมื่อเข้าถึงความว่าง
รู้จักคำว่า ความว่าง มานาน ถ้านึกตามยังไม่เห็น รู้สึกตามยังไม่เป็น ฟังคำอธิบายไปพลาง ๆ ก่อน แล้วค่อยฝึกฝนหาช่องทางในภายหลัง
มีความว่างที่เห็นแจ้งด้วยปัญญา กับความว่างเปล่าทางอารมณ์ หรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่า การรู้จักความว่าง กับการรู้สึกว่างเปล่า ถ้าเป็นการรู้จักความว่าง ก็เป็นเรื่องของปัญญา แต่ถ้าเป็นการรู้สึกว่างเปล่า ก็เป็นเรื่องทางด้านอารมณ์ อีกคู่หนึ่ง คือความว่างอย่างเวิ้งว้าง ไม่รู้ทิศทาง น่ากลัว กับความว่างที่โปร่งโล่ง ทำให้เกิดความคล่องตัว สำหรับบางคนที่จิตใจยังไม่ได้พัฒนานั้น จะมีความว่างประเภทเวิ้งว้าง สับสน น่ากลัว แต่สำหรับบางคนที่พัฒนาจิตจนเกิดปัญญาดีแล้ว ก็จะมีความว่างชนิดที่โปร่ง โล่ง เบิกบาน ผ่องใส
รู้สึกว่างเปล่า-อาการที่ได้มาโดยไม่ต้องฝึกฝน อยู่ ๆ ก็มาได้ ถ้าโหยหาใครหรือสิ่งใด ๆ อยู่ ได้มาแล้วไม่ไปง่าย ๆ ผลักไสก็ไม่ถอย ไล่ก็ไม่รับรู้ จัดเป็นความว่างเปล่าทางอารมณ์
หากเติม สติ ลงไปในความว่างเปล่านั้น จากความรู้สึกจะกลายเป็นการรู้จักความว่างในทันที จากใจที่ลอยเคว้งคว้างก็จะถูกดึงกลับมาอยู่ในที่ตั้ง คืนสู่ความนิ่งสงบ พร้อมรับความเบิกบานมาแทนที่
ในเวลาที่ไม่ต้องการตัวช่วย ความว่างอาจฟังดูน่ากลัว แต่ถ้าได้ใครได้เคยลิ้มลองดูบ้างแล้ว จะรู้ว่า ใจว่างเป็นหลุมหลบภัยชั้นดี ที่จะช่วยให้รอดพ้นจากอันตรายทางความรู้สึก ภายในใจที่ว่างเต็มไปด้วยความสุข !!!
ขอบคุณ ภาพประกอบเรื่อง จากเพื่อนเลิฟค่ายกระทิงแดง
เพลง ปีศาจวสันต์
ควรเปล่งวาจาให้ไพเราะที่มีประโยชน์
มีความสุขกับการพูดแต่สิ่งที่ดี มีประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น ตลอดไป...นะคะ