เนื่องจากมีเพื่อนหลายคนถามว่า ถ้าต้องการโหวตให้ปอป้าจะโหวตสาขาไหนคำตอบก็คือ ขอเป็นสาขาบล๊อกธรรมะ...นะคะ ขอบพระคุณมาก..ค่ะราหู โดย หลวงเมืองเมื่อข้าพเจ้าเล็ก ๆ มีหนังสือชุดนิยายยุวชนเล่มละ ๕ สตางค์ เป็นนิทานต่าง ๆ เช่น เรื่องราชากับยาจก มีเรื่องหนึ่งเป็นโคลงปริศนา คือ มีเศียรมีหัตถ์แม้น.................ปุถุชนหางเป็นวาสุกรีดล....................เขตฟ้าถูกอาวุธตัดกลางตน.................ฤามอด ม้วยนอกายแบ่งเป็นสองท่อนกล้า..........เก่งแม้น กุมภัณฑ์ (มิใช่กุมภกรรณ)ท่อนหนึ่งสามารถป้อง................สุริยามิให้ส่องแสงมา.........................สักน้อยท่อนหนึ่งแสงโอภา.....................แพร้วเพริศแต่นานจักเคลื่อนคล้อย...............โผล่ให้ คนเห็น แปลว่า ท่อนบนคือ ราหู ท่อนล่างคือ ดาวหางเล่ากันว่า ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เทวดา ๔ องค์ คือ อาทิตย์ อังคาร พฤหัสบดี และเสาร์ คิดว่าควรสร้างดินและน้ำให้สัตว์โลกได้อาศัยใช้สอย จึงชวนราหู ราหูไม่สนใจ บอกว่า ผมไม่ได้อยู่บนดินในน้ำ คุณไปทำกันเองเถิด เทวดาทั้ง ๔ ไปช่วยกันสร้างดินและน้ำ แต่เกิดน้ำกายสิทธิ์ขึ้นมาอีกชนิดหนึ่ง คือ น้ำอมฤต เข้าใจว่าอาทิตย์กับพวกคงสมคบกันต้มสุราด้วยวันหนึ่ง เสาร์ถูกอาทิตย์ไล่ทำร้าย หนีไปหาราหู แบบถูกอันธพาลไล่ต่อยวิ่งหนีขึ้นโรงพัก อาทิตย์ไม่กล้าตามไป ราหูจึงตามจับอาทิตย์แต่ไม่ทัน เห็นบ่อน้ำอมฤตเลยแวะกินเสีย ๒ ก๊ง ฝ่ายอินทร์ผู้เฝ้าบ่อน้ำอมฤตเห็นเช่นนั้นก็โกรธ ใช้จักรแก้วขว้างราหูซึ่งร่ายกายบริบูรณ์นั้น ขาด ๒ ท่อน เช่นที่มีผู้เขียนและสร้างรูปราหูเป็นยักษ์ครึ่งตน อมอาทิตย์อยู่ ส่วนท่อนหางซึ่งเหมือนนาค ก็คือดาวหางคนส่วนมากคิดว่าราหูเป็นผู้ร้าย แต่ตำรวจสมัยหนึ่งคิดว่าพวกเขาคือราหู ถืออุดมการณ์ว่า ยามเอ๋ยยามนี้..คงมีแต่เราเฝ้าถนน ราหูทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน อาทิตย์มีคดีติดตัว คือผลิตน้ำอมฤต พบที่ไหนจับที่นั่น จึงเกิดสุริยคราส ส่วนจันทร์เป็นภริยาหลวงของอาทิตย์ คงเล่นไพ่ไม่ตีตั๋วก็ต้องจับ สัญลักษณ์ของราหู คือสีเลือดหมูดำแดง ตำรวจก็เคยใช้สีนี้ ไม่ทราบว่ายังใช้อยู่หรืเปล่า ตั้งแต่ครั้งนั้น เสาร์กับราหูจึงเป็นมิตรกัน มีหลักฐานดังนี้ อาทิตย์เป็นมิตรกับครู..จันทร์โฉมตรู พุธนงเยาว์..ศุกร์ปากหวาน อังคารรับเอา..ราหูกับเสาร์เป็นมิตรแก่กัน ราหูยังโคจรในราศีธนูถึงวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๔ จึงย้าย ท่านผู้อ่านที่ให้นักทำนายผูกดวง ถ้าดวงท่านมีลัคนา (ล) หรือตัวอักษรคล้าย ล อยู่ที่ราศีธนู หรือราศีตรงกับ ๔ นาฬิกา ซึ่งรักการสวดมนต์ ควรสวดพระปริตรที่ขึ้นต้นว่า วิปัสสิสสนะนะมัตถุ ถึง พุทธังวันทามะโคตะมันติ ไม่ยาวเลย แค่ ๑๑-๑๒ วรรคเท่านั้นเอง สวดง่ายด้วยขอคุณพระคุณเจ้าคุ้มครองท่านผู้ที่ลัคนาอยู่ราศีธนูทุกท่าน เทอญ....จบเรื่องของหลวงเมืองแล้ว ปอป้าก็เลยไปค้นบทสวดมนต์ที่ท่านว่ามาให้เพื่อน ๆ เผื่อใครสนใจอยากสวดจะได้ไม่ต้องยุ่งยากไปวิ่งหา บทสวดนี้ เป็นบทสวดแบบย่อของอาฏานาฏิยปริตร มีใจความดังนี้..ค่ะวิปัสสิสสะ นะมัตถุ จักขุมันตัสสะ สิรีมะโต สิขิสสะปิ นะมัตถุ สัพพะภูตานุกัมปิโนขอนอบน้อมพระวิปัสสีพุทธเจ้า ผู้ทรงพระจักษุ ทรงพระสิริ ขอนอบน้อมแด่พระสิขีพุทธเจ้า ผู้ทรงอนุเคราะห์สัตว์ทั้งปวงเวสสะภุสสะ นะมัตถุ นะหาตะกัสสะ ตะปัสสิโน นะมัตถุ กะกุสันธัสสะ มาระเสนัปปะมัททิโนขอนอบน้อมพระเวสสภูพุทธเจ้า ผู้ชำระกิเลสได้แล้ว มีตบะ ขอนอบน้อมพระกกุสันธพุทธเจ้า ผู้ทรงเอาชนะมารและกองทัพได้โกนาคะมะนัสสะ นะมัตถุ พราหมะณัสสะ วุสีมะโต กัสสะปัสสะ นะมัตถุ วิปปะมุตตัสสะ สัพพะธิขอนอบน้อมพระโกณาคมนพุทธเจ้า ผู้ลอยบาปอยู่แล้ว อยู่จบพรหมจรรย์ ขอนอบน้อมพระกัสสปพุทธเจ้า ผู้หลุดพ้นแล้วจากกิเลสทั้งปวงอังคีระสัสสะ นะมัตถุ สักยะปุตตัสสะ สิรีมะโต โย อิมัง ธัมมะมะเทเสสิ สัพพะทุกขาปะนูทะนังขอนอบน้อมพระศากยบุตรพุทธเจ้า ผู้ทรงพระฉัพพรรณรังสี ผู้ทรงสิริ ผู้ทรงแสดงธรรมขจัดทุกข์ทั้งปวงเย จาปิ นิพพุตา โลเก ยะถาภูตัง วิปัสสิสุง เต ชะนา อะปิสุณา มะหันตา วีตะสาระทาอนึ่ง พระอรหันต์เหล่าใดในโลก ดับกิเลสได้แล้ว รู้แจ้งตามความเป็นจริง พระอรหันต์เหล่านั้นปราศจากวาจามุ่งร้าย เป็นผู้ยิ่งใหญ่ ไม่สะทกสะท้านหิตัง เทวะมะนุสสานัง ยัง นะมัสสันติ โคตะมัง วิชชาจะระณะสัมปันนัง มะหันตัง วีตะสาระทัง วิชชาจะระณะสัมปันนัง พุทธัง วันทามะ โคตะมันติท่านเหล่านั้นย่อมนมัสการพระโคตรมะ ผู้ทรงเกื้อกูลเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้และความประพฤติ ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ไม่สะทกสะท้าน................................ส่วนเพื่อนคนไหนอยากได้บทสวดเต็ม ๆ ทั้งบทพร้อมคำแปล ก็ไปอ่าน ไปก๊อปฯ ได้ที่นี่เลย..ค่ะ แต่ว่าสวดมนต์อย่างเดียวไม่พอ ต้องปฏิบัติตัวเป็นคนดีด้วย..นะคะขอบคุณ ภาพประกอบเรื่องจากกูเกิ้ลเพลง แสนแสบ
เมื่อข้าพเจ้าเล็ก ๆ มีหนังสือชุดนิยายยุวชนเล่มละ ๕ สตางค์ เป็นนิทานต่าง ๆ เช่น เรื่องราชากับยาจก มีเรื่องหนึ่งเป็นโคลงปริศนา คือ มีเศียรมีหัตถ์แม้น.................ปุถุชนหางเป็นวาสุกรีดล....................เขตฟ้าถูกอาวุธตัดกลางตน.................ฤามอด ม้วยนอกายแบ่งเป็นสองท่อนกล้า..........เก่งแม้น กุมภัณฑ์ (มิใช่กุมภกรรณ)ท่อนหนึ่งสามารถป้อง................สุริยามิให้ส่องแสงมา.........................สักน้อยท่อนหนึ่งแสงโอภา.....................แพร้วเพริศแต่นานจักเคลื่อนคล้อย...............โผล่ให้ คนเห็น แปลว่า ท่อนบนคือ ราหู ท่อนล่างคือ ดาวหางเล่ากันว่า ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เทวดา ๔ องค์ คือ อาทิตย์ อังคาร พฤหัสบดี และเสาร์ คิดว่าควรสร้างดินและน้ำให้สัตว์โลกได้อาศัยใช้สอย จึงชวนราหู ราหูไม่สนใจ บอกว่า ผมไม่ได้อยู่บนดินในน้ำ คุณไปทำกันเองเถิด เทวดาทั้ง ๔ ไปช่วยกันสร้างดินและน้ำ แต่เกิดน้ำกายสิทธิ์ขึ้นมาอีกชนิดหนึ่ง คือ น้ำอมฤต เข้าใจว่าอาทิตย์กับพวกคงสมคบกันต้มสุราด้วยวันหนึ่ง เสาร์ถูกอาทิตย์ไล่ทำร้าย หนีไปหาราหู แบบถูกอันธพาลไล่ต่อยวิ่งหนีขึ้นโรงพัก อาทิตย์ไม่กล้าตามไป ราหูจึงตามจับอาทิตย์แต่ไม่ทัน เห็นบ่อน้ำอมฤตเลยแวะกินเสีย ๒ ก๊ง ฝ่ายอินทร์ผู้เฝ้าบ่อน้ำอมฤตเห็นเช่นนั้นก็โกรธ ใช้จักรแก้วขว้างราหูซึ่งร่ายกายบริบูรณ์นั้น ขาด ๒ ท่อน เช่นที่มีผู้เขียนและสร้างรูปราหูเป็นยักษ์ครึ่งตน อมอาทิตย์อยู่ ส่วนท่อนหางซึ่งเหมือนนาค ก็คือดาวหางคนส่วนมากคิดว่าราหูเป็นผู้ร้าย แต่ตำรวจสมัยหนึ่งคิดว่าพวกเขาคือราหู ถืออุดมการณ์ว่า ยามเอ๋ยยามนี้..คงมีแต่เราเฝ้าถนน ราหูทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน อาทิตย์มีคดีติดตัว คือผลิตน้ำอมฤต พบที่ไหนจับที่นั่น จึงเกิดสุริยคราส ส่วนจันทร์เป็นภริยาหลวงของอาทิตย์ คงเล่นไพ่ไม่ตีตั๋วก็ต้องจับ สัญลักษณ์ของราหู คือสีเลือดหมูดำแดง ตำรวจก็เคยใช้สีนี้ ไม่ทราบว่ายังใช้อยู่หรืเปล่า ตั้งแต่ครั้งนั้น เสาร์กับราหูจึงเป็นมิตรกัน มีหลักฐานดังนี้ อาทิตย์เป็นมิตรกับครู..จันทร์โฉมตรู พุธนงเยาว์..ศุกร์ปากหวาน อังคารรับเอา..ราหูกับเสาร์เป็นมิตรแก่กัน ราหูยังโคจรในราศีธนูถึงวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๔ จึงย้าย ท่านผู้อ่านที่ให้นักทำนายผูกดวง ถ้าดวงท่านมีลัคนา (ล) หรือตัวอักษรคล้าย ล อยู่ที่ราศีธนู หรือราศีตรงกับ ๔ นาฬิกา ซึ่งรักการสวดมนต์ ควรสวดพระปริตรที่ขึ้นต้นว่า วิปัสสิสสนะนะมัตถุ ถึง พุทธังวันทามะโคตะมันติ ไม่ยาวเลย แค่ ๑๑-๑๒ วรรคเท่านั้นเอง สวดง่ายด้วยขอคุณพระคุณเจ้าคุ้มครองท่านผู้ที่ลัคนาอยู่ราศีธนูทุกท่าน เทอญ....
จบเรื่องของหลวงเมืองแล้ว ปอป้าก็เลยไปค้นบทสวดมนต์ที่ท่านว่ามาให้เพื่อน ๆ เผื่อใครสนใจอยากสวดจะได้ไม่ต้องยุ่งยากไปวิ่งหา บทสวดนี้ เป็นบทสวดแบบย่อของอาฏานาฏิยปริตร มีใจความดังนี้..ค่ะวิปัสสิสสะ นะมัตถุ จักขุมันตัสสะ สิรีมะโต สิขิสสะปิ นะมัตถุ สัพพะภูตานุกัมปิโนขอนอบน้อมพระวิปัสสีพุทธเจ้า ผู้ทรงพระจักษุ ทรงพระสิริ ขอนอบน้อมแด่พระสิขีพุทธเจ้า ผู้ทรงอนุเคราะห์สัตว์ทั้งปวงเวสสะภุสสะ นะมัตถุ นะหาตะกัสสะ ตะปัสสิโน นะมัตถุ กะกุสันธัสสะ มาระเสนัปปะมัททิโนขอนอบน้อมพระเวสสภูพุทธเจ้า ผู้ชำระกิเลสได้แล้ว มีตบะ ขอนอบน้อมพระกกุสันธพุทธเจ้า ผู้ทรงเอาชนะมารและกองทัพได้โกนาคะมะนัสสะ นะมัตถุ พราหมะณัสสะ วุสีมะโต กัสสะปัสสะ นะมัตถุ วิปปะมุตตัสสะ สัพพะธิขอนอบน้อมพระโกณาคมนพุทธเจ้า ผู้ลอยบาปอยู่แล้ว อยู่จบพรหมจรรย์ ขอนอบน้อมพระกัสสปพุทธเจ้า ผู้หลุดพ้นแล้วจากกิเลสทั้งปวงอังคีระสัสสะ นะมัตถุ สักยะปุตตัสสะ สิรีมะโต โย อิมัง ธัมมะมะเทเสสิ สัพพะทุกขาปะนูทะนังขอนอบน้อมพระศากยบุตรพุทธเจ้า ผู้ทรงพระฉัพพรรณรังสี ผู้ทรงสิริ ผู้ทรงแสดงธรรมขจัดทุกข์ทั้งปวงเย จาปิ นิพพุตา โลเก ยะถาภูตัง วิปัสสิสุง เต ชะนา อะปิสุณา มะหันตา วีตะสาระทาอนึ่ง พระอรหันต์เหล่าใดในโลก ดับกิเลสได้แล้ว รู้แจ้งตามความเป็นจริง พระอรหันต์เหล่านั้นปราศจากวาจามุ่งร้าย เป็นผู้ยิ่งใหญ่ ไม่สะทกสะท้านหิตัง เทวะมะนุสสานัง ยัง นะมัสสันติ โคตะมัง วิชชาจะระณะสัมปันนัง มะหันตัง วีตะสาระทัง วิชชาจะระณะสัมปันนัง พุทธัง วันทามะ โคตะมันติท่านเหล่านั้นย่อมนมัสการพระโคตรมะ ผู้ทรงเกื้อกูลเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้และความประพฤติ ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ไม่สะทกสะท้าน................................ส่วนเพื่อนคนไหนอยากได้บทสวดเต็ม ๆ ทั้งบทพร้อมคำแปล ก็ไปอ่าน ไปก๊อปฯ ได้ที่นี่เลย..ค่ะ แต่ว่าสวดมนต์อย่างเดียวไม่พอ ต้องปฏิบัติตัวเป็นคนดีด้วย..นะคะ
บุญของผู้ให้ ย่อมเจริญ
มีความสุขที่ได้เป็นผู้เจริญ ตลอดไป..นะคะ