เรารู้ธรรมะ เราเอาธรรมะมาจากไหน?
เรารู้ธรรมะ เราเอาธรรมะมาจากไหน?
บางคนอาจจะตอบว่า รู้ธรรมะเอามาจากพระไตรปิฎก หรือจากหนังสือเล่มใดเล่มหนึ่ง
ถ้าเอาธรรมะมาจากหนังสือเล่มหนึ่ง แล้วหนังสือเล่มนี้ใครแต่ง? สมมติว่าสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) แต่ง แล้วหลวงพ่อประยุทธ์ท่านแต่งแล้วท่านไปเอาธรรมะหรือหนังสือนี้มาจากไหน? นี่แหละเราก็เรียงลำดับขึ้นไปเรื่อยๆ ก็ไปเอามาจากพระพุทธเจ้า ไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าอยู่ดีๆ แล้วเราจะบอกว่าเราเป็นเองอย่างนี้ไม่ได้
แสดงว่า "พระธรรม" ก็คือเป็นธรรมะของ "ธรรม" เพราะธรรมะเป็นเสี้ยวหนึ่งของธรรม บางคนพูดว่า "พุทธธรรม" คำนี้ยิ่งอ่อนไปมาก ต้องพูดว่า "ธรรม" เพราะว่าพระธรรมอยู่ใน"ธรรม"
พระสงฆ์ คือ "ผู้ปฏิบัติธรรม" "ผู้บำเพ็ญ" ถ้าจะให้ความหมายที่กว้างกว่านี้ก็คือ หมายความว่า แม้ว่าบุคคลคนนั้นไม่ได้โกนหัว ไม่ได้นุ่งห่มผ้ากาสาวพัตร์ หรือผ้าเหลือง แต่เห็นประโยชน์ของธรรมะ และปฏิบัติธรรมะ ทนุบำรุงธรรมะ นี่ก็ได้ชื่อว่าเป็นพระสงฆ์ คือได้ทำหน้าที่ตรงนั้น ผู้ปฏิบัติหน้าที่ตรงนั้น ไม่ว่าจะมีรูปแบบยังไงถ้าได้ปฏิบัติธรรมะก็ได้ชื่อว่าเป็นพระสงฆ์ แม้กระทั่งว่า สัตว์ตัวหนึ่งก็เป็นพระสงฆ์ได้ ถ้าสัตว์ตัวนั้นได้ทำหน้าที่ดูแลพระพุทธ พระธรรม และปฏิบัติธรรมะ
พระสงฆ์ แปลว่า ผู้ที่อุทิศกายและใจ เพื่อปฏิบัติธรรมะ รู้ซึ้งประจักษ์ในธรรมนัั้นแล้ว และนำธรรมะมาเผยแผ่ สอนแก่ผู้อื่น และแม้แต่หมาหนึ่งตัว แมวหนึ่งตัว ไก่หนึ่งตัวก็เป็นพระสงฆ์ได้หากว่าเขาได้ทำหน้าที่ดูแลพระพุทธ ดูแลพระธรรม ปฏิบัติตามธรรม ปฏิบัติธรรม
แม้แต่โจรที่ถูกคุมขังอยู่ในคุก หากว่ามีจิตปฏิบัติธรรม ๕ นาที ก็ได้เป็นพุทธะ ๕ นาที ก็ถือว่าเป็นพระสงฆ์ เป็นผู้บำเพ็ญ ปฏิบัติธรรม ๕ นาที
ฉะนั้น ถ้าเราเข้าใจความหมายตรงนี้ แล้วเราไปถวายผ้าห่มพระธาตุเจดีย์ อานิสงส์จะสูงมาก เราจะเห็นเลยว่ามีประโยชน์มากๆ ถ้ามาแยกแยะหรือให้แยบยลมากกว่านี้ ก็จะได้อานิสงส์ ประโยชน์มาก