การปรุงแต่งของจิต
การปรุงแต่งของจิต

    ๑. จิตไม่มีชื่อ

    ๒. จิตรับความโลภ = จิตโลภ

    ๓. จิตสั่งให้ขโมย

    จิตเราไปรับอะไรมา แล้วจิตของเราก็ปรุงแต่งตามที่ไปรับมานั้น (จิตรับตัวเจตสิก) จิตก็จะเป็นชื่อนั้น เช่น จิตโลภ จิตโกรธ จิตหลง 

    จิตใหม่ๆ ไม่มีชื่อ สมมติว่า ความโลภเข้ามาในจิต ก็จะกลายเป็นจิตโลภ 

    ตบะจะสำคัญมาก ทำให้ความโลภที่เข้าในจิตลดน้อยลง ไม่โลภจนเกินควร ไม่โดนครอบงำ เวลาเจตสิกจะไปบวกกับอะไร รวมกับอะไร ขอให้เรามีสติสัมปชัญญะอยู่ในนั้น พอเรามีสติสัมปชัญญะอยู่ในนั้นแล้ว พอเราจะไปบวกกับสิ่งใด สิ่งนั้นก็จะไม่เป็นเจ้านายเรา

    ฉะนั้น ความโลภที่เข้ามาสู่ในจิตของเรา ก็จะเป็นลูกน้องของสัมปชัญญะ สัมปชัญญะก็จะดูแลให้พอดี

    จิตของเรามีเจ้านายหรือประธาน คือ สัมปชัญญะ พอใครจะเข้ามาอยู่ในจิตของเราก็จะมาเป็นลูกน้องของสัมปชัญญะ

    สมมติว่า ความโลภเข้ามาสู่จิตของเรา ก็จะมาเป็นลูกน้องของสัมปชัญญะในการพิจารณาสิ่งต่างๆ นี่แหละจิตของเราก็จะมีคุณภาพ

    จิตที่มีคุณภาพ คือ จิตที่มีสัมปชัญญะ

    แต่ถ้าหากความสติสัมปชัญญะของเราอ่อน เมื่อความโลภเข้ามาสู่จิตของเรา ความโลภก็จะเข้ามาเป็นประธาน จิตเราก็เป็นเป็นจิตโลภ เพราะตัวสัมปชัญญะในการพิจารณาสิ่งดีสิ่งถูกลดน้อยลง จิตโลภก็จะสั่งการให้เราไปขโมย ลักของเขา ละโมบมากขึ้น เป็นต้น

    ฉะนั้น จิตของเราต้องมีตบะ "ตบะ" คือ กำลังพลังความมั่นคง ไม่หวั่นไหวกับสิ่งยั่วยุ เป็นอิทธิ เป็นจิตมีพลัง 

    พอตบะของเราบวกกับสัมปชัญญะ ทำให้สัมปชัญญะมีกำลัง บวกกับอะไรก็จะมีพลัง ตบะบวกกับอิทธิบาท ๔ (ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา) ก็ทำให้ อิทธิบาท ๔ มีกำลัง ตบะอยู่ในสัมปชัญญะ ทำให้สัมปชัญญะมีกำลัง เรียกว่า มีความศักดิ์สิทธิ์ คือ มีสิทธิ์ที่จะกระทำในการทำให้สำเร็จได้ จึงเข้ามากำกับตัวกิเลสตัณหา 

    ก่อนที่จะรู้ จะต้องมีสติ แต่ตัวทำงานคือสัมปชัญญะ สติจะเป็นตัวเชื่อมต่อสัมปชัญญะ 

    บางครั้งเราพิจารณาแล้วทำ แต่ทำแล้วผิดพลาด แต่การผิดพลาดนี้จะกลายเป็นตบะของเราที่จะส่งเสริมไม่ให้ผิดพลาดในครั้งต่อไป เพราะว่าเป็นค่าต่อครั้ง

    สมมติว่า เรายกน้ำหนัก ยกครั้งแรกหลุดมือเรา เราก็จะยกแท่งเหล็กเรื่อยๆ อัตราการยกน้ำหนักได้ก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เดี๋ยวเราก็ยกได้โดยอัตโนมัติ

    ขอให้เรารู้จักนำสติสัมปชัญญะการพิจารณากรรมต่างๆ มาใช้ ก็จะรู้จักพิจารณาสิ่งต่างๆ ได้ แต่ถ้าเราไม่ฝึกในการพิจารณา เราก็จะพิจารณาสิ่งเหล่านั้นไม่ได้ นี่เป็นวิถีของธรรม


^_^  ..._/_...  ^_^ 
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา

อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต



Create Date : 28 กรกฎาคม 2562
Last Update : 28 กรกฎาคม 2562 23:59:27 น.
Counter : 309 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พรหมสิทธิ์
Location :
เชียงราย  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต

ศึกษาเรียนรู้ธรรมะโดยธรรม นำมาปฏิบัติ และเผยแผ่ธรรมะนั้น ให้คนรู้จักบริหารกรรม แก้กรรม พัฒนากรรม ให้เกิดสันติสุข
New Comments
Group Blog
กรกฏาคม 2562

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
30
31
 
 
All Blog