|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
10 อัลบั้มเพลงแห่งปี 2009
by merveillesxx
หมายเหตุ: ข้อความส่วนใหญ่ตัดตอนมาจากคอลัมน์ i-music ที่เขียนลงนิตยสาร I-STREET ตลอดปี 2009
 10. Royksopp : Junior
อัลบั้มชุดที่สามของคู่ดูโอแนวอิเล็กทรอนิกจากนอร์เวย์ Royksopp โด่งดังเป็นพลุแตกจากผลงานชุดแรกอย่าง Melody A.M. (2001) ที่ถือเป็นอัลบั้มสำคัญของดนตรีแนวอิเล็กทรอแอมเบียนต์ ส่วนงานชุดที่สอง The Understanding (2005) ก็เป็นการสร้างเสียงสังเคราะห์ที่จริงจังมากขึ้น
ว่ากันว่า Junior เป็นเหมือนส่วนผสมของงานสองชุดแรก โดยเพลงนำอย่าง Happy Up Here ไปในทางกุ๊กกิ๊กน่ารักแบบยุคแรก ส่วนซิงเกิ้ลที่สองอย่าง The Girl and the Robot (ที่ได้สาวชาวสวีเดนสุดเก๋อย่าง Robyn มาร้องให้) ก็แดนซ์กันชนิดระเบิดฟลอร์
ความเก๋ไก๋ยังอยู่ที่ Royksopp จะทำอัลบั้มชุด Senior ตามออกมาคู่กับงานชุดนี้ โดยพวกเขาบอกว่า เพลงใน Junior นั้นเหมือนกับฤดูใบไม้ผลิ ส่วน Senior ที่จะออกไปทางสุขุมนุ่มลึกนั้นเปรียบเหมือนฤดูใบไม้ร่วง
 9. Sonic Youth: The Eternal
การกลับมาอีกครั้งของวงอัลเทอร์เนทีฟร็อคในตำนานจากนิวยอร์ค นี่คือวงดนตรีที่ยิ่งใหญ่ถึงขนาดได้ชื่อว่าเป็นผู้ “ปรับเปลี่ยนนิยามของเพลงร็อคแบบกีต้าร์”
ในยุคแรก Sonic Youth มักเน้นการทดลองทางเสียงในดนตรีแบบ Noise Rock แต่มาภายหลังพวกเขาเริ่มผ่อนคลาย ตัวเพลงจึงเข้าถึงได้ง่ายขึ้น แต่ความเจ๋งอยู่ตรงที่ในท่วงทำนองที่เหมือนจะเรียบง่ายนั้น ก็มักจะมีความซับซ้อนซ่อนอยู่อย่างแนบเนียน โดยที่ไม่ต้องเน้นการ ‘โชว์ของ’ แต่อย่างใด
สำหรับใครที่คิดว่าอัลบั้มชุดก่อน Rather Ripped (2006) ออกจะเบาไปเสียหน่อย ก็น่าจะพอใจความหนักหน่วงที่มากขึ้นของ The Eternal จากส่วนผสมอันลงตัวของตัวจากกำแพงเสียงกีต้าร์อันอื้ออึง สลับไปกับเสียงหล่อๆ ของเธิร์สตัน มัวร์ กับเสียงแผดกร้าวของสาวพลังสูงอย่าง คิม กอร์ดอน
 8. Utada: This is the One
อัลบั้มภาษาอังกฤษชุดที่สองของ อูทาดะ ฮิคารุ หลังจากที่เคยโกอินเตอร์ไปแล้วกับอัลบั้ม Exodus (2004) ซึ่งที่จริงมันเป็นอัลบั้มที่ดีทีเดียว แต่แนวเพลงที่หลากหลายทำให้ภาพรวมสะเปะสะปะไปเสียหน่อย
อูทาดะเปิดตัวด้วยเพลง Come Back to Me ที่มีกลิ่นของอาร์แอนด์บีจ๋า จนเราเผลอนึกว่ากำลังฟังเพลงของมารายห์ แครี่ย์ แต่โชคดีที่เพลงที่เหลือเป็นเพลงป็อปง่ายๆ เดินทำนองด้วยเปียโนและเสียงสังเคราะห์พอประมาณ แทร็คเด็ดที่พลาดไม่ได้คือ Merry Christmas Mr. Lawrence - FYI และ Apple and Cinnamon
มีข้อสังเกตว่าเนื้อเพลงในอัลบั้มค่อนข้างมีความเป็นอเมริกันอย่างมาก หลายเพลงพูดถึงเรื่องความรักอย่างเปิดเผย จนแฟนๆ ชาวเจป็อปอาจจะเหวอไปบ้าง แต่นี่เป็นเรื่องน่าชื่นชมที่เธอรู้ดีว่าสิ่งไหนที่เธอไม่สามารถทำได้เมื่ออยู่ในญี่ปุ่น และเธอก็ไม่พลาดโอกาสที่จะลองทำมัน บางทีนี่อาจเป็นตัวตนที่แท้จริงของเธอก็ได้
 7. Sweet Vacation: Pop Save the World!!
วงเจป็อปลูกผสมที่มีนักร้องนำเป็นสาวไทยอย่าง น้องเม-ศิตาภา อรรถบุรานนท์ ที่จริงเคยเขียนถึงซิงเกิ้ลของวงนี้ไปตั้งแต่ฉบับที่ 5 นู่น แต่ก็ต้องขอเขียนถึงอีกครั้ง เพราะตอนนี้เขาออกอัลบั้มเต็มออกมาแล้ว แถมยังขึ้นอันดับ 28 ของโอริกอนชาร์ตเสียด้วย (เห็นไหม คนไทยทำได้!)
pop save the world!! เป็นเดบิวต์อัลบั้มของ Sweet Vacation ที่ออกกับค่ายดังอย่าง Victor Entertainment รูปแบบเพลงก็เป็นเจป็อปสดใสน่ารักในแบบอิเล็กทรอนิกป็อปผสมเทคโนพอประมาณ แต่ในอัลบั้มเต็มนี้จะมีแทร็คที่มีจังหวะหนักแน่นจริงจังมากขึ้น
นอกจากทำนองที่ฟังสนุกแล้ว น้ำเสียงหวานใสของน้องเมก็ยังเป็นเสน่ห์สำคัญของ Sweet Vacation เช่นเคย อ้อ ในเพลง Escape!! เธอยังแอบร้องภาษาไทยด้วยนะ ส่วนจะร้องว่าอะไร ก็ต้องลองฟังกันเองนะจ๊ะ
 6. Gene Kasidit: Affairs
เราเฝ้าคอยผลงานเดี่ยวของ จีน กษิดิศ หรือ จีน อดีตวง Futon มานานแสนนาน เพราะด้วยเครดิตที่สั่งสมไว้จากวงอิเล็กทรอนิกส์ที่เปลี่ยนโฉมดนตรีหน้าเมืองไทย ทำให้เราเชื่อว่างานของจีนคือสิ่งที่ควรค่ากับการรอคอย
แน่นอนว่า Affairs เป็นผลงานอิเล็กทรอนิกส์ร็อคที่เต็มไปด้วยซาวด์ตื่นเต้น เลิศล้ำ อย่าง Life Goes On เำำำำพลงเปิดตัวที่ดึงดูดแฟนเพลงได้อยู่หมัด พร้อมยังยืนยันฝีมือการแต่งเพลงอันคมคายของเจ้าตัว อย่างท่อนที่ว่า "จะอำลาแสงดาว ที่เฝ้าคอยปลอบขวัญ จะอำลาแสงจันทร์ ตะวันนั้นสิ้นดับแล้ว"
เพลงน่าสนใจมีอีกมากมาย ทั้งเพลงเปิดอัลบั้มจังหวะระทึกอย่าง Love, is that all? เพลงเศร้าหลอกหลอนอย่าง 'อ้อมกอดนั้น' ไปจนถึงเพลงที่พูดถึงความอัดอั้นจากสถานการณ์การเมืองอย่าง I can't take it anymore ส่วนข้อขัดใจเล็กน้อยของอัลบั้มอยู่ตรงที่หลายเพลงมันมีกลิ่นซาวด์ของ Cyndi Seui ผู้รับตำแหน่งโปรดิวเซอร์ของงานชุดนี้มากไปหน่อย
 5. Lady Gaga: The Fame Monster
ปีที่แล้วอัลบั้ม The Fame ของเธอติดท็อปเท็น ปีนี้ก็ต้องยอมให้เธอติดอันดับอีกครั้ง The Fame Monster คืออัลบั้มพิเศษที่เธอออกใหม่แล้วแถมเพลง 8 เพลง เรื่องน่าอัศจรรย์ก็คือ ไอ้ 8 เพลงที่ว่านี้สามารถตัดเป็น EP หรืออัลบั้มชุดสองได้อย่างสบายๆ!
เริ่มด้วยจากดังถล่มทลายอย่าง Bad Romance ที่มิวสิกวิดีโออลังการอย่างไร้ความบันยะบันยัง ส่วนตัวเพลงก็เลิศอลังเช่นกัน ตั้งแต่เนื้อหาโดนใจอย่างท่อน "You and me could write a bad romance" หรือการแต่งเพลงแสดงความเคารพ Hitchcock ไปในตัวด้วยท่อนเด็ดดวงอย่าง "I want your PSYCHO, your VERTIGO stick. Want you in my REAR WINDOW, baby you're sick"
Monster เป็นอีกเพลงโดนใจกับเนื้อที่ร้องซ้ำๆ "He ate my heart." หรือ Telephone เพลงมันสุดมันที่ได้ Beyonce มาแจม เอาเป็นว่าอัลบั้มชุดนี้ฟังสนุกเหวี่ยงเปรี้ยวซ่องแตก และอนาคตของยัยกาก้านั้นไปได้อีกไกล...ชัวร์!
 4. Animal Collective: Merriweather Post Pavilion
วงอวองการ์ดจากบัลติมอร์ ที่ยากจะจำกัดความเหลือเกินว่าดนตรีของพวกเขาเรียกว่าแนวอะไร หลังจากอัลบั้มชุดเยี่ยม Strawberry Jam (2007) พวกเขาก็กลับมากับงานชุดชื่อประหลาด ที่หลายสำนักวางไว้ว่าจะเป็นอัลบั้มแห่งปี 2009
ความน่าสนใจของอัลบั้มนี้คือเพลงที่ใช้ซาวด์ดนตรีอย่างมากมายมหาศาล และบิดหักโครงสร้างของทำนองทุกชนิด มันจึงไม่ใช่เพลงที่ติดหู หรือเหมาะกับการฟังขณะขับรถนัก แม้นักวิจารณ์จะบอกว่านี่คืออัลบั้มที่ป็อปที่สุดของพวกเขาก็ตาม อย่างไรก็ดี นี่ถือว่าเป็นผลงานที่ท้าทายคนฟังมากที่สุดชุดหนึ่ง
แต่ก็น่าเสียดายเหลือเกินที่อัลบั้มชุดนี้ไม่มีแผ่นลิขสิทธิ์ในไทย เนื่องจากว่ารูปลักษณ์ของมันดูขายยากเหลือเกิน ดังนั้นใครอยากฟังก็คงต้องดั้นด้นกันหน่อย แต่เชื่อเถอะว่าคุ้ม!
 3. Annie: Don't Stop
สาวนอร์วิเจียนคนนี้เคยโด่งดังเป็นพลุแตกจากอัลบั้มชุดแรกที่ชื่อ Anniemal (2004) ที่เพลง Heartbeat ถูกเปิดกระหน่ำในบ้านเรามาแล้ว แต่ทว่าเธอประสบชะตากรรมไม่ค่อยดีใน Don’t Stop อัลบั้มชุดสอง เพราะมันถูกเลื่อนแล้วเลื่อนอีกประมาณแปดล้านรอบได้ แต่ในที่สุดเมื่ออัลบั้มออกมาจริงๆ มันก็เป็นการรอคอยที่คุ้มค่า
เพลงของ Annie ยังเป็นอิเล็กทรอป็อปฟังสนุกเหมือนเคย และดูเหมือนงานชุดนี้จะมีลูกล่อลูกชนหรือจริตจก้านมากขึ้น แค่เพลงเปิดตัวอย่าง Hey Annie ก็ชะงักคนฟังได้อยู่หมัดแล้วด้วยซาวด์ตื๊ดๆ ผสมกับจังหวะแบบเพลงเชียร์ลีดเดอร์!
แต่ข้อติงเล็กน้อยคือ อัลบั้มชุดนี้มีเพลงป็อปที่ดูซ้ำซากและเชยมากไปหน่อย (ราวกับมาจากเพลงของศิลปินไอดอลวัยกระเตาะ) อย่างไรก็ดี Don’t Stop ก็มีเพลงเจ๋งอยู่มากโข อย่างเพลงสุดเปรี้ยวฉี่แทบแตกอย่าง I Don’t Like your Band หรือ Songs Remind Me of You จนถึงเพลงหวานๆ อย่าง Bad Times
 2. The Temper Trap: Conditions
มาอีกแล้ววงดนตรีดีๆ จากประเทศออสเตรเลีย The Temper Trap คือสี่หนุ่มแนวอัลเทอร์เนทีฟร็อคจากเมลเบิร์น (เมืองที่มีวงดีๆ อย่าง Jet, Cut Copy และ The Avalanches) พวกเขาโด่งดังจากเพลง Sweet Disposition ที่ประกอบหนังสุดฮิตเรื่อง (500) Days of Summer และนี่คืออัลบั้มชุดแรกของพวกเขา
จุดเด่นทางดนตรีของวงนี้คือ เสียงร้องแหลมสูงของนักร้องนำ ที่เสียงเอื้อนของเขาเป็นราวกับเครื่องดนตรีอีกชิ้นหนึ่ง บวกกับเสียงกีต้าร์สุดแนวที่เป็นการผสมกันระหว่างแบบเสียงบรรยากาศอื้ออึ้ง และกีต้าร์ริทึ่มจังหวะเท่ๆ แต่ข้อสำคัญคือมันไม่ได้ยากต่อการเข้าถึงแต่อย่างใด
แน่นอนเพลงไม่ควรพลาดคือเพลงเอกอย่าง Sweet Disposition ส่วนเพลงอื่นๆ อย่าง Love Rest, Lost หรือ Down River ก็โอเคเลยทีเดียว นับได้ว่าเป็นอัลบั้มที่น่าฟังทุกเพลง และหลายคนพร้อมจะรักมันอย่างไม่มีเงื่อนไข
1. Maps: Turning The Mind
Maps คือชื่อทางดนตรีของหนุ่มเก่งจากอังกฤษนาม เจมส์ แช็ปแมน เขาคนนี้เคยออกอัลบั้มชุดเยี่ยม We Can Create (2007) ซึ่งได้เข้าชิงรางวัล Mercury Music Prize และปีนี้เขาก็กลับมาพร้อม Turning the Mind งานที่น่าจะติดท็อปเท็นของหลายสำนักอย่างแน่นอน
เป็นการยากที่จะจำกัดแนวเพลงของ Maps เพราะมันเต็มไปด้วยส่วนผสมของดนตรีแบบอิเล็กทรอนิก้า, ชูเกสเซอร์ (หมายถึงดนตรีที่เน้นกำแพงเสียงอันอื้ออึง) และอินดี้ร็อค แต่ข้อสำคัญก็คือ เพลงของ Maps นั้นไม่สามารถฟังแยกเป็นเพลงๆ แต่ต้องฟังเป็นองค์รวมทั้งอัลบั้ม เพื่อได้พบกับประสบการณ์ทางเสียงอันสวยงาม
Turning the Mind เป็นการผสมผสานสรรพเสียงต่างๆ อย่างซับซ้อน ปราณีตบรรจง แต่ก็เข้าถึงได้ง่าย ไม่เกินเลยนักที่เราจะบอกว่านี่เป็นตัวแทนของดนตรีแห่งทศวรรษหน้าที่กำลังจะมาถึง
MER MUSIC AWARDS 2009
Album of the Year: Maps - Turning The Mind
Single of the Year: Utada Hikaru - Merry Christmas Mr. Lawrence - FYI
Music Video of the Year: Lady Gaga - Bad Romance
Concert/Party of the Year: POP !CON PARTY @ P35
Discovery of the Year: PJ Harvey - Stories from the City, Stories from the Sea (2000)
Guilty Pleasure of the Year: Girls' Generation - Genie / Brown Eyed Girls - Abracadabra
Drag Me to Hell of the Year: Neko Jump - ห้ามนอนคนเดียว
Create Date : 10 มกราคม 2553 |
Last Update : 10 มกราคม 2553 3:50:12 น. |
|
14 comments
|
Counter : 3289 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: ดอง IP: 58.9.169.163 วันที่: 10 มกราคม 2553 เวลา:9:26:26 น. |
|
|
|
โดย: zoxmok IP: 60.241.245.152 วันที่: 10 มกราคม 2553 เวลา:9:43:22 น. |
|
|
|
โดย: Panlert Bent IP: 115.87.31.109 วันที่: 10 มกราคม 2553 เวลา:16:40:39 น. |
|
|
|
โดย: แฟนผมฯ IP: 112.142.208.88 วันที่: 10 มกราคม 2553 เวลา:21:51:05 น. |
|
|
|
โดย: NiGht pRincE IP: 58.64.68.127 วันที่: 11 มกราคม 2553 เวลา:2:27:33 น. |
|
|
|
โดย: topguknot IP: 158.108.157.2 วันที่: 12 มกราคม 2553 เวลา:16:39:17 น. |
|
|
|
โดย: Moonlight Mile IP: 125.24.57.253 วันที่: 15 มกราคม 2553 เวลา:21:29:26 น. |
|
|
|
โดย: กี่เพ้า วันที่: 20 มกราคม 2553 เวลา:14:15:17 น. |
|
|
|
โดย: McMurphy IP: 125.24.44.43 วันที่: 23 มกราคม 2553 เวลา:14:07:31 น. |
|
|
|
โดย: oaht วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:5:04:12 น. |
|
|
|
|
|
|
|