ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 : ผลกระทบต่อหลากธุรกิจ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
...
จากประกาศสถานการณ์แพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่2009 ของกระทรวงสาธารณสุขในวันที่ 29 กรกฎาคม 2552 ปรากฎว่ายอดผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 8,877 คน หรือเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 2,101 คน ส่วนยอดผู้เสียชีวิตสะสม 65 ราย เพิ่มขึ้น 21 ราย จากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 นับว่าเป็นปัจจัยที่น่ากังวลต่อไป
การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ยังได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจหลายประเภทด้วย มีทั้งธุรกิจที่ได้รับผลดี และธุรกิจที่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 อันเป็นการซ้ำเติมให้ธุรกิจหลายประเภทที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาก่อนหน้านี้ ยิ่งเผชิญกับภาวะยากลำบากเพิ่มขึ้น
หลากธุรกิจ...ได้รับผลกระทบในเชิงลบ ขณะเดียวกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ก็ได้ส่งผลกระทบต่อหลากหลายธุรกิจในเชิงลบ อันเนื่องมาจากกระแสความวิตกกังวลของประชาชนเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว สรุปได้ดังนี้
ธุรกิจ ผลกระทบ เหตุผล
ท่องเที่ยว คาดการณ์ในช่วงไตรมาสสามปี 52 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 2.7 ล้านคน ลดลงร้อยละ 19 คาดการณ์ทั้งปี52 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงเหลือเพียง 12-13 ล้านคน เมื่อเทียบกับปี51 แล้วหดตัวร้อยละ 17.2-13.8
-เดิมเผชิญกับปัจจัยลบจากวิกฤตเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวลดลง และสถานการณ์ความวุ่นวายภายในประเทศที่กระทบต่อภาพลักษณ์ด้านความสงบและปลอดภัย
-สถานการณ์แพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 นับเป็นปัจจับซ้ำเติมส่งผลให้นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยชะลอหรือยกเลิกการเดินทางท่องเที่ยว
ธุรกิจค้าปลีก คาดว่ายอดจำหน่ายของธุรกิจค้าปลีกในช่วงไตรมาสามปี52 จะต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยเติบโตไม่เกินร้อย ละ 1
-ธุรกิจค้าปลีกนอกจากต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อ ทำให้ผู้บริโภคเพิ่มความระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย
-การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ มีส่วนซ้ำเติม ทำให้ยอดขายค้าปลีกในช่วงไตรมาสสามหดตัวมากยิ่งขึ้น จากที่เป็นช่วงโลว์ซีซั่นอยู่แล้ว โดยผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยการลดความถี่และการใช้เวลาในการเลือกซื้อสินค้าในร้านค้าปลีก
ร้านบริการอินเทอร์เน็ตและร้านเกมส์ คาดการณ์ว่าจำนวนผู้เข้าใช้บริการในปี52 ลดลงประมาณร้อยละ 5 หรือคาดว่ารายได้ของบรรดาธุรกิจร้านบริการอินเตอร์เน็ตและร้านเกมส์ลดลง 1,950 ล้านบาท
-รัฐบาลขอความร่วมมือให้งดบริการชั่วคราวเป็นเวลา 15 วัน(13-28 กรกฎาคม) ทำให้สูญเสียรายได้วันละ 4.5 ล้านบาท ผู้ประกอบธุรกิจขาดเงินทุนหมุนเวียนประมาณวันละ 600-1,000 ล้านบาท
-การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่2009 อาจส่งผลกระทบไม่มาก โดยคาดว่าจำนวนผู้ใช้ลดลงประมาณร้อยละ 5 ส่งผลให้รายได้รวมทั้งปี 2552 ลดลงอยู่ที่ประมาณ 1,950 ล้านบาท
สถานบันเทิง คาดการณ์รายได้ลดลง บางพื้นที่สถานบันเทิงร้อยละ 30 ปิดปรับปรุงกิจการ -ธุรกิจสถานบันเทิงได้รับผลกระทบอยู่แล้วจากวิกฤตเศรษฐกิจ ที่ส่งผลให้ผู้บริโภคลดค่าใช้จ่ายในการบันเทิงและสันทนาการ และช่วงไตรมาสสามเป็นช่วงโลว์ซีซั่น เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝน
-การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวสถานบันเทิงลดลงไปอีก
โรงภาพยนตร์ ครึ่งแรกปี 52 ขยายตัวร้อยละ 5 คาดการณ์เดือนก.ค.จำนวนผู้ใช้บริการลดลงร้อยละ 10-15 คาดการณ์ว่าทั้งปี52 รายได้ยังจะขยายเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 3-5 ซึ่งเติบโตน้อยกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้เมื่อตอนต้นปี
-ในช่วงครึ่งแรกปี52 ธุรกิจฟื้นตัวจากภาวะตกต่ำในช่วงไตรมาสสุดท้ายปี51 และมีหนังฟอร์มยักษ์เข้าฉายหลายเรื่อง แต่มีภาพยนตร์เพียงร้อยละ 20 เท่านั้นที่ทำรายได้ตามเป้า อัตราการขยายตัว
-ธุรกิจโรงภาพยนตร์ได้รับผลกระทบอย่างมากในช่วงเดือนก.ค. เนื่องจากกระแสวิตกของผู้ใช้บริการ กอปรกับเป็นช่วงที่ยังไม่มีภาพยนตร์เรื่องใหม่ๆ หรือภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับธุรกิจ
-ในช่วงปลายปีเป็นช่วงฤดูการทำเงินของธุรกิจโรงภาพยนตร์ เนื่องจากจะเป็นช่วงที่มีภาพยนตร์ต่างประเทศ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่เข้ามาฉายในประเทศ ทำให้คาดว่ารายได้ของธุรกิจยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่อัตราการขยายตัวก็ต่ำกว่าที่คาดไว้ในช่วงต้นปี โดยสถานการณ์แพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จะยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องกังวล
โรงเรียนกวดวิชา คาดว่าทั้งปี52 ยังคงขยายตัวได้ร้อยละ 9.4 ปัจจุบันยังไม่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ถ้าไม่มีการปิดระยะยาว แต่ถ้าต้องมีการสอนชดเชย อาจจะมีปัญหาด้านการจัดการด้านสถานที่และครูผู้สอนที่จะไม่ให้ซ้ำซ้อนกับคอร์ส ปกติ
-คำสั่งปิดโรงเรียนกวดวิชาเป็นเวลา 15 วัน(13-28 ก.ค. 2552) แม้ว่าจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อรายได้ของโรงเรียนกวดวิชา เนื่องจากมีการเรียกเก็บค่าเล่าเรียนไปแล้ว ในขณะที่ส่งผลกระทบต่อเด็กนักเรียน ที่กังวลว่าจะเรียนไม่ทันมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม บรรดาโรงเรียนกวดวิชาอาจจะต้องมีการสอนชดเชย ซึ่งทำให้ต้องมีการจัดเตรียมทั้งสถานที่และครูผู้สอน ซึ่งอาจจะมีปัญหากับการปรับตารางเวลาการเรียนสำหรับคอร์สเรียนเดิมที่กำหนดไว้แล้ว เช่น สถานที่ไม่เพียงพอ ครูผู้สอนไม่สามารถสอนชดเชยได้ เป็นต้น
-ถ้าหากยังคงต้องมีการปิดต่อเนื่อง ธุรกิจโรงเรียนกวดวิชาจะได้รับผลกระทบ เนื่องจากในช่วงเดือนส.ค.-ก.ย.จะเป็นช่วงเปิดคอร์สเรียนใหม่
สินค้าเกี่ยวกับสุขภาพ-บริการด่วน...ส้มหล่นรับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
สำหรับบรรดาธุรกิจที่ได้รับผลดีจากการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 พบว่าส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่เกี่ยวกับสุขภาพ และการบริการด่วน เพราะผู้คนจำนวนไม่น้อยหันมาใส่ใจต่อการดูแลสุขภาพของตนเองกันมากขึ้น และพยายามหลีกเลี่ยงที่จะเดินทางไปดำเนินกิจกรรมต่างๆนอกบ้านหากไม่จำเป็น โดยคาดว่ากระแสการตื่นตัวจากการแพร่ระบาดของโรคนี้ น่าจะเป็นปัจจัยบวกสำหรับธุรกิจดังต่อไปนี้
ธุรกิจ ผลกระทบ เหตุผล
หน้ากากอนามัย คาดเดือนก.ค.ยอดจำหน่าย 250-500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปกติ 20-30 เท่าตัว และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงไตรมาสสามของปี 52 คาดทั้งปี52 ยอดจำหน่ายไม่ต่ำกว่า1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7-10 จากที่เติบโตเฉลี่ยร้อยละ 1-2 -การแพร่ระบาดของไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่2009 ส่งผลให้ความต้องการหน้ากากอนามัยเพิ่มขึ้น 20-30 เท่าจากช่วงปกติ
-โรงงานเพิ่มกำลังการผลิตจาก 20 ล้านชิ้นต่อเดือน และเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 50 ล้านชิ้นต่อเดือน
-มีการปรับขึ้นราคา และเกิดปัญหาขาดแคลนในบางพื้นที่
-กรมการค้าภายในวิเคราะห์ราคาจำหน่ายปลีกที่เป็นธรรมเบื้องต้นไว้ที่ 2 บาทต่อชิ้น มีการออกตรวจสต็อกเพื่อป้องกันการกักตุน และขอให้ผู้ผลิตเพิ่มกำลังการผลิต และงดการส่งออก โดยในปีที่ผ่านมามีการส่งออกประมาณ 10 ล้านชิ้นต่อเดือน หรือประมาณร้อยละ 20 ของกำลังการผลิตทั้งหมด
เจลล้างมือ ยอดจำหน่ายพุ่งสูงขึ้น ช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.เพิ่มขึ้น 5 เท่าตัว และตั้งแต่เดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 10 เท่าตัว คาดทั้งปี52 ยอดจำหน่ายไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท
-การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่2009 นับเป็นการเปิดตลาดให้ผู้บริโภคหันมาสนใจสินค้าเจลล้างมือมากยิ่งขึ้น โดยพลิกจากนิชมาร์เก็ตที่จำกัดวงเฉพาะผู้ที่ใส่ใจในสุขอนามัย เน้นความสะอาดและใช้สะดวก มาเป็นตลาดสำหรับคนทั่วไป เมื่อผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาสนใจการล้างมือมากขึ้น
-ปัจจุบันผู้ประกอบการขยายกำลังการผลิตไม่ทันกับความต้องการของตลาด
-กรมการค้าภายในวิเคราะห์ราคาจำหน่ายปลีกที่เป็นธรรมเบื้องต้นไว้ที่ 30-50 บาท/ขวด มีการออกตรวจสต็อกเพื่อป้องกันการกักตุน
เวชภัณฑ์สำหรับใช้ในที่สาธารณะหรือที่ส่วนรวม ยอดจำหน่ายมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้งน้ำยาฆ่าเชื้อ สเปรย์ฆ่าเชื้อและดับกลิ่น รวมถึงแอลกอฮอล์ คาดการณ์ยอดจำหน่ายทั้งปี52 กว่า 1,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.0 จากภาวะปกติที่เคยโตเฉลี่ยเพียงร้อยละ 1-2 -ความต้องการเพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีการใช้เฉพาะในโรงพยาบาลเป็นส่วนใหญ่ (โรงพยาบาลผสมน้ำยาฆ่าเชื้อใช้เอง) ตลาดพลิกจากที่เคยเป็นนิชมาร์เก็ต จำหน่ายจำกัดวงเฉพาะกลุ่มลูกค้า ขยายเป็นตลาดที่จับกลุ่มลูกค้าในวงกว้างขึ้น ทั้งในระดับครัวเรือน และองค์กรธุรกิจ เนื่องจากบรรดาสถานที่ชุมชน ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการเป็นแหล่งแพร่ระบาด เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ ศูนย์แสดงสินค้า สถานที่จัดคอนเสิร์ต โรงละคร ศูนย์ประชุมสัมมนา เป็นต้น หันมาสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคมากขึ้น โดยการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดจุดที่มีการสัมผัสของลูกค้าบ่อยๆ เช่น ปุ่มลิฟท์ ราวบันไดเลื่อน ก๊อกน้ำ ลูกบิดประตู ห้องน้ำ รถเข็นในห้างสรรพสินค้า เป็นต้น
-การทำความสะอาดด้วยยาฆ่าเชื้อโรค รวมถึงการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ ภายในอาคารสำนักงาน ร้านอินเตอร์เน็ตและร้านเกมส์ รวมถึงโรงเรียน
อาหารเสริมสุขภาพ ยอดจำหน่ายทั้งปีพลิกจากที่คาดว่าจะหดตัวมาเป็นทรงตัวเมื่อเทียบกับปี51 คาดยอดจำหน่ายปี52 มูลค่า 18,000 ล้านบาท
-ความนิยมผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพจากสมุนไพรเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสมุนไพรต้านเชื้อไวรัส เช่น ฟ้าทะลายโจร ขิง เป็นต้น และกลุ่มวิตามินและแร่ธาตุเพื่อบำรุงสุขภาพ อันเป็นผลมาจากการรักษาสุขภาพเชิงป้องกัน
ยารักษาโรค คาดยอดจำหน่ายปี52 เท่ากับ9.9 หมื่นล้านบาท อัตราการขยายตัวร้อยละ 7-10 เพิ่มขึ้นจากที่คาดว่าจะขยายตัวเพียงร้อยละ 5
-การแพร่ระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ กระตุ้นให้ตลาดยารักษาโรคคึกคัก อัตราการชยายตัวของตลาดยารักษาโรคเติบโตมากกว่าที่คาดไว้ตอนต้นปี
-การขยายตัวของตลาดยา ส่งผลให้ต้องมีการนำเข้ายาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะยาต้นแบบ และวัคซีน
ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน ในแต่ละเดือนรายได้จากตรวจประเมินไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพิ่มขึ้น 1-1.5 พันล้านบาท คาดว่าในปี52 รายได้โรงพยาบาลทั้งระบบสูงกว่า 1 แสนล้านบาท
-การปรับพฤติกรรมของผู้ป่วยที่เป็นหวัด จากที่เคยซื้อยากินเอง บางส่วนหันไปพบแพทย์ตามคลินิกหรือโรงพยาบาล
-ประชาชนบางส่วนฉีดวัคซีนตามฤดูกาลค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 600-700 บาท/เข็ม
-ค่าใช้จ่ายตรวจโรคหวัดโรงพยาบาลเอกชน 1,000-1,500 บาท ส่วนค่าตรวจเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ประมาณ 3,500 บาทต่อราย ประเมินว่ามีเข้ารับการตรวจประเมินไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพิ่มขึ้น 50-100 รายต่อโรงพยาบาลต่อวัน
-ส่งผลกระทบให้คนที่เจ็บป่วยไม่มากหลีกเลี่ยงการมาตรวจรักษาที่โรงพยาบาล และส่งผลกระทบต่อจำนวนคนไข้ชาวต่างชาติหลีกเลี่ยงการเข้ามารับการรักษาในไทย
ธุรกิจเดลิเวอรี่อาหาร คาดยอดจำหน่ายปี 52 ประมาณ 5,150 บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.0 จากปี51 โดยเป็นยอดจำหน่ายเดลิเวอรี่สินค้าอาหารฟาสต์ฟู้ดส์ 3,000 ล้านบาท
-การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ส่งผลให้คนหลีกเลี่ยงการเดินทางออกนอกบ้าน เพิ่มโอกาสสร้างยอดจำหน่ายให้กับธุรกิจเดลิเวอรี่อาหาร
-กระตุ้นยอดจำหน่ายสินค้าอาหารผ่านธุรกิจเดลิเวอรี่ หลังจากที่ข้อจำกัดสำคัญคือ ราคาอาหารโดยเฉลี่ยยังอยู่ในเกณฑ์สูง และมีการกำหนดราคาขั้นต่ำในการสั่งซื้อแต่ละครั้ง
เครื่องฟอกอากาศ คาดการณ์ยอดจำหน่ายในประเทศปี52 เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับปี51 โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง -การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่2009 ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อเครื่องฟอกอากาศได้ง่ายขึ้น
-คาดการณ์ว่ายอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ชดเชยรายได้ในช่วงครึ่งปีแรกที่ลดลง อันเป็นผลจากวิกฤตเศรษฐกิจ ที่ทำให้ผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายสินค้าที่ไม่จำเป็น
-ผู้ประกอบใช้โอกาสนี้สร้างยอดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กประเภทอื่นๆ พ่วง/แถมกับเครื่องฟอกอากาศ เช่น โทรทัศน์ เครื่องทำน้ำอุ่น เป็นต้น
การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่รุนแรงขึ้นในประเทศได้สร้างความเสี่ยงเพิ่มขึ้นต่อเศรษฐกิจไทย โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า การระบาดของโรคนี้ จะยังคงอยู่ต่อไปอีกยาวนาน อาจจะตลอดครึ่งหลังของปีนี้ หรือต่อเนื่องต่อไปในปีข้างหน้าด้วย แต่การวิเคราะห์ผลกระทบทางเศรษฐกิจอาจยากที่จะประเมินสถานการณ์และผลกระทบที่ไกลออกไปถึงปีหน้า เนื่องจากความเป็นไปได้ที่เชื้อโรคอาจจะมีการกลายพันธุ์ หรือมีวิวัฒนาการ ณ จุดนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 โดยเชื้อไวรัสนี้มีโอกาสที่จะระบาดต่อไปจนถึงไตรมาสสุดท้ายของปี หากมาตรการควบคุมการติดเชื้อยังไม่สามารถหยุดยั้งการระบาดของโรคให้ชะลอลงได้ อย่างไรก็ตาม การผลิตวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 มีความคืบหน้า ซึ่งหากสามารถกระจายวัคซีนให้แก่ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงได้ประมาณช่วงไตรมาสที่ 4 ก็จะลดโอกาสการติดเชื้อและเสียชีวิตได้มากขึ้น
จากการประเมินสถานการณ์ทั้งในด้านลบและด้านบวกจากการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจบริการหลายด้าน อาจสร้างความสูญเสียแก่เศรษฐกิจไทยในปี 2552 ไม่ต่ำกว่า 60,000 ล้านบาท แต่จากเม็ดเงินสะพัดจากอานิสงส์ของการระบาดของโรคดังกล่าวอาจสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 9,000 ล้านบาท เนื่องจากกระแสการป้องกันโรคและการดูแลสุขภาพที่มาแรง จะมีส่วนทำให้ผู้บริโภคและภาคธุรกิจมีการใช้จ่ายในด้านนี้เพิ่มขึ้น ขณะที่ทางการก็จำเป็นต้องจัดสรรงบประมาณเพื่อรองรับการดำเนินมาตรการยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค โดยรวมสุทธิแล้ว ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงคาดว่า การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จะสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจในปี 2552 อย่างน้อย 51,000 ล้านบาท หรือมีผลให้อัตราการขยายตัวของจีดีพีลดลงอย่างน้อยร้อยละ 0.6 ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยมีความโน้มเอียงที่จะไปสู่การหดตัวที่อัตราร้อยละ 4.1 จากกรอบประมาณการเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงร้อยละ 3.5-5.0 โดยตัวแปรที่อาจจะมีส่วนช่วยบรรเทาผลกระทบของการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ดังกล่าว คือ การที่เศรษฐกิจโลกและการส่งออกอาจกลับมาดีขึ้น รวมทั้งการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและมาตรการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล
บทสรุป การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้ส่งผลกระทบต่อหลากหลายธุรกิจ ทั้งในแง่ของธุรกิจที่ได้รับผลกระทบเชิงลบ และธุรกิจที่ได้รับผลดี โดยธุรกิจที่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 นั้น เกิดมาจากความวิตกกังวลของประชาชนว่าการไปร่วมกิจกรรมดังกล่าวแล้วเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการที่จะติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดยเฉพาะโรงเรียนกวดวิชาที่รัฐบาลมีคำสั่งปิดชั่วคราวเป็นเวลา 15 วัน (13-28 ก.ค.2552) แม้ว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของธุรกิจกวดวิชาในทันที แต่ในระยะต่อไปบรรดาธุรกิจกวดวิชาที่ต้องจัดการสอนชดเชย อาจจะต้องประสบปัญหาในเรื่องการจัดเตรียมสถานที่และและครูผู้สอน ซึ่งอาจจะมีปัญหากับการปรับตารางเวลาการเรียนสำหรับคอร์สเรียนเดิมที่มีกำหนดไว้แล้ว ส่วนร้านบริการอินเตอร์เน็ตและร้านเกมส์ รัฐบาลขอความร่วมมือในการงดให้บริการชั่วคราว คาดว่าส่งผลให้จำนวนผู้ใช้บริการลดลงประมาณร้อยละ 5 สูญรายได้ประมาณวันละ 4.5 ล้านบาท นอกจากนี้ บางธุรกิจนั้นได้รับผลกระทบอยู่แล้วจากวิกฤตเศรษฐกิจ เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ขึ้นก็เท่ากับเป็นการซ้ำเติมให้สถานการณ์ของธุรกิจย่ำแย่ลงไปอีก โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจสถานบันเทิง และธุรกิจโรงภาพยนตร์
ส่วนธุรกิจที่ได้รับผลดีส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่เกี่ยวกับสุขภาพ และการบริการด่วน เนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพตนเองกันมากขึ้น โดยการบริโภคอาหารเสริมสุขภาพ ซึ่งเป็นการรักษาสุขภาพเชิงป้องกัน และหันมาซื้อหาอุปกรณ์ป้องกันตนเองเพื่อลดความเสี่ยงในการได้รับเชื้อไข้หวัด โดยเฉพาะหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ เครื่องฟอกอากาศ รวมทั้งใส่ใจในการไปตรวจร่างกายเมื่อรู้สึกไม่สบาย รวมถึงการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัด นอกจากนี้ ยังพยายามหลีกเลี่ยงการออกไปทำกิจกรรมต่างๆนอกบ้าน ส่วนบรรดาสถานประกอบการก็เพิ่มค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการเพิ่มการใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ และสเปร์ยฆ่าเชื้อในจุดต่างๆที่พนักงานต้องสัมผัสบ่อยๆ รวมทั้งการแจกหน้ากากอนามัย และเจลล้างมือให้กับพนักงานในอาคาร
การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 นับได้ว่าเป็นปัจจัยที่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย บรรดาผู้ประกอบการที่ปรับตัวได้เร็วก็จะสามารถพลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้ และสามารถประคองตัวให้อยู่รอดได้ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจเช่นปัจจุบัน โดยบรรดาผู้ประกอบการในหลากธุรกิจใช้กระแสของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในการทำการตลาด เช่น การประชาสัมพันธ์สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันไข้หวัด โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสุขอนามัยและสุขภาพ โดยจะเน้นคุณสมบัติในด้านสุขอนามัยของสินค้าของตน หรือการแจกจ่ายหน้ากากอนามัยหรือเจลล้างมือเป็นของพรีเมี่ยมในการประชาสัมพันธ์สินค้าให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น หรือเพื่อสร้างความประทับใจและดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าหรือใช้บริการมากยิ่งขึ้น ซึ่งในช่วงที่ผู้บริโภคมีความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้ มีสินค้าหลากหลายชนิดที่สามารถพลิกตลาดจากที่เคยมีตลาดอยู่ในวงจำกัดกลับไปเป็นสินค้าที่มีตลาดกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ น้ำยา/สเปร์ยฆ่าเชื้อ และเครื่องฟอกอากาศ ความต้องการสินค้าเหล่านี้เพิ่มขึ้นจนกระทั่งผู้ผลิตต้องเร่งขยายการผลิต นอกจากนี้ ผู้ประกอบการบางรายก็หันมาใช้โอกาสนี้ประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์องค์กรในด้านความรับผิดชอบต่อสังคม โดยเน้นถึงการทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อในจุดที่มีการสัมผัสของลูกค้าบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นปุ่มกดลิฟท์ ราวบันไดเลื่อน ห้องน้ำ ลูกบิดประตู ฯลฯ หรือการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อสถานที่ก่อนที่จะเปิดให้บริการกับลูกค้า หรือตั้งจุดบริการเจลล้างมือให้ลูกค้าสามารถกดใช้ได้ เมื่อเข้ามาติดต่อหรือใช้บริการ เป็นต้น
---------------------------------------
Create Date : 31 กรกฎาคม 2552 |
|
7 comments |
Last Update : 31 กรกฎาคม 2552 1:01:21 น. |
Counter : 2244 Pageviews. |
|
|
|
เดินตามมาดีๆน่ะเจ้าอ้วนกิกี้ อย่าอยู่ที่นี่นานเดี๋ยว
ติดไข้หวัดบ้านนี้อ่ะ