Group Blog All Blog
|
66-67>>>สะดุดรักคุณนักสืบ...ชาครียา>>>i sea u 2...เรื่องและภาพ มุนิน สะดุดรักคุณนักสืบ...ชาครียา... จู่ๆท่านนายพลและคุณหญิงก็ลุกขึ้นมาก่อตั้งมูลนิธิแสงระวีเพื่อระลึกถึงลูกสาวคนเล็กที่หายตัวไปตั้งแ่ต่เมื่อสามสิบกว่าปีก่อนในป่า...เพราะลูกสาวคนเล็กและลูกเขยตัดสินใจเข้าป่าเพื่ออุดมการณ์ทางการเมือง และกลายเป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของการเป็นคนเดือนตุลา... ภากร...หลายชายคนเดียวของท่านนายพล เป็นลูกชายของศศิวารพี่สาวของแสงระวี...ก็เพิ่งมีโอกาสได้รับรู้ว่าตัวเองมีน้าสาว เพราะในชีวิตสามสิบกว่าปีของเขา...เขาไม่เคยได้ยินใครในบ้านพูดถึงแสงระวีเลยสักคน นิกกี้...อาสาสมัครของมูลนิธิ มีบุึคลิกหลากหลาย...แถมยังเป็นนักอ่านตัวยง...นอกจากจะเป็นอาสาสมัครของมูลนิธิแล้ว เธอยังอาสาที่จะสืบเรื่องของแสงระวีให้กับภากรด้วย นาธาน...อาสาสมัครของมูลนิธิ เข้ามาพร้อมกับนิกกี้และดูเหมือนทั้งคู่จะมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกว่าเพื่อนกัน...จนภากรเองก็สงสัยและแอบไม่พอใจ...ชาติกำเนิดและการเข้ามาของนาธานที่ชวนสงสัยตั้งแ่ต่ต้นจนจบเรื่อง...(แอบสารภาพว่า...ทายถูกแค่ครึ่งเดียว) ทอแสง...หญิงวัยกลางคน เจ้าของขุมทรัพย์หนังสือเก่าและดีจำนวนมาก ที่ยื่นความประสงค์จะขอบริจาคให้กับมูลนิธิ แต่...มีข้อแม้ว่าจะต้องให้เลขาฯของมูลนิธิอย่างภากรมาพบและทำกิจกรรมร่วมกับเธอด้วยตัวเอง ภากรสงสัยว่า...ทำไมแค่เปิดมูลนิธิขึ้น แม่ของเขา...ก็โวยวายอาละวาดเป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนั้น...แถมยังดูเหมือนทุกคนจะมีึความลับที่พูดไม่ได้...ไม่ว่าจะพ่อ แม่ เลยให้นิกกี้ช่วยสืบเรื่องนี้ให้ ท่ามกลางความไม่พอใจของแม่ ที่จัดวางชีวิตให้กับภากรมาตลอด... นางเอก...บอกว่าพระเอกมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมและสังคมที่ถูกจัดวาง...ตื่นเช้าทำงาน มีเพื่อนก็เป็นเพื่อนที่แม่จัดหามาให้ และแม้แต่จะแต่งงานก็ยังจะต้องแต่งกับคนที่แม่จัดหาอีกด้วย...วรการ ญาิติผู้น้องเชื้อสายทางพ่อถูกจัดวางให้เป็นเพื่อนและคอยปกป้องดูและภากรกลายๆ ส่วนปาริฉัตรหญิงสาวก็ถูกจัดวางมาให้เป็นเพื่อนและแน่นอน...ภรรยาในอนาคตของภากรด้วย... เรื่องราวในนิยาย...พูดถึงคนยุคเก่าที่เข้าป่าตามหาอุดมการณ์ทางการเมืองหรือคนเดือนตุลา อย่างแสงระวีและพีร์...และหนังสือแด่หนุ่มสาว ของ กฤษณมูรติ...ซึ่งเป็นหนังสือที่สร้างแรงบันดาลใจและผลักดันให้แสงระวีเดินทางเข้าป่า...และเช เกบารา ผู้เป็นทั้งนายแพทย์และผู้นำนักรบกองโจรที่ยิ่งใหญ่...ต้นแบบของพีร์นักศึกษาแพทย์...โมโม่...หนังสือที่ทอแสงแนะนำให้ภากรอ่าน... เรื่องเริ่มต้นที่การก่อตั้งมูลนิธิ...ที่กลายเป็นการประกาศสงครามของศศิวารและจิรายุ พ่อและแม่ของภากร และยิ่งสงสัยมากเมื่อทอแสง ผู้บริจาคหนังสือปรากฏตัว...เพราะเธออ้างว่าเป็นคนเดือนตุลาเหมือนแสงระวี...และยังมีชื่อเดียวกันกับชื่อจัดตั้งของแสงระวีเมื่อเข้าป่าด้วย...เรื่องยิ่งมีเงื่อนงำมากขึ้นไปอีก...เมื่อศศิวารจ้างนักสืบสืบหาเด็กคนหนึ่งที่หายไปเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน...เด็กคนนั้นคือใคร??? ภากรถูกเลี้ยงมาในสังคมจัดวาง...เป็นพระเอกที่แหม...ไม่แข็งแรงเอาซะเลย...เก่ง ฉลาด รูปหล่อ พ่อแม่รวย...มีเงินเยอะก็จริง...แต่...ขี้แพ้ไปซะเกือบจะทุกอย่าง...ขนาดไปกินซุปหน่อไม้กับสาวก็ยังแพ้หน่อไม้จนสาวต้องหามขึ้นตุ๊กๆไปส่งโรงพยาบาล...เกือบตาย...หรือแม้แต่ตอนเดินข้ามถนน ก็ยังข้ามเองไม่ได้...เฮ้อ...เค้าถูกเลี้ยงมาแบบใช้เงินแก้ปัญหาค่ะ...หาเงินเก่ง และใช้เงินให้ทำงานให้...ก็ไม่ได้เลวร้ายนะคะ...นิสัยดีเชียวละ...แต่เรื่องบางเรื่องบางทีเงินมันก็ไม่สำคัญ... "คุณรู้ได้ไงว่าผมไม่มีจิตวิญญาณของคนทำงานเพื่อสังคม" "ก็ฟังจากที่คุณพูดไง ถามจริงๆเถอะ คุณเคยเป็นอาสาสมัีครมั้ย" "น้ำท่วมปีที่แล้วผมบริจาคเงินไปตั้งสิบล้าน แล้วคุณล่ะ...ทำอะไร" "ไม่มีเงินบริจาคหรอกค่ะ แต่ใช้แรงไปแพ็กของและเป็นเพื่อนรับฟังที่ศูนย์อพยพ นอกจากให้เงิน คุณเคยไปเยี่ยมผู้ประสบภัยบ้างมั้ย คุณได้รับรู้ถึงความสูญเสียหรือซาบซึ้งของพวกเขาบ้างมั้ย" แต่พอได้รู้จักกับหนังสือแด่หนุ่มสาว นิกกี้ ทอแสง...ก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น...แต่ไม่ถูกใจคุณแม่แน่นอน... "ผมทำในสิ่งที่ต้องทำ" "ไม่ได้ทำในสิ่งที่รักหรือคะ" "คุณโชคดีกว่าผมที่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ" "ไม่ใช่เรื่องของโชคชะตาหรอกค่ะ แต่เป็นเรื่องของเจตจำนง"......"จริงๆแล้วคุณอยากทำอะไรล่ะคะ" "ยิ่งร้ายไปใหญ่ เพราะผมไม่รู้ว่าผมอยากจะทำอะไร"....อ่านตรงนี้แล้ว สงสารพระเอกมากเลย.... "ไม่ใช่อยากมีเงินหมื่นล้านหรือคะ" "ผมเลิกสนใจยอดเงินตั้งแต่ร้อยล้านแรกแล้ว"... "อืม...ตรงกับทฤษฎีเรื่องเส้นโค้งแห่งความสุขเลยค่ะ"...."อธิบายง่ายๆค่ะ เงินสิบบาทจะทำให้คนหิวโหยมีความสุึขมากเพราะมันทำให้เขาอิ่ม...ฯลฯ...พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เงินล้านสำหรับเศรษฐี ให้ความสุขน้อยกว่าเิงินสิบบาทที่อยู่ในมือคนหิวโหย เลยมีคนตั้งทฤษฎีว่าในระดับความอยู่รอด เงินที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยทำให้มีความสุขเพิ่มขึ้น แต่ในระดับความสะดวกสบาย ถึงจะมีเงินมากขึ้นแต่ความสุขก็จะเพิ่มขึ้นน้อยกว่า ...ฯลฯ...เรียกว่าความสุขจะเป็นปฏิภาคผกผันกับทรัพย์สิน" อ่านจบ...เหอๆๆๆ เกือบจะชอบแล้วค่ะ เรียกว่าเฉยๆแล้วกันเนอะ อ่านได้ในระดับหนึ่ง...แต่อาจจะเป็นเพราะช่วงแรกๆของเรื่อง...ที่คนอ่านใช้เวลาหลายวันกว่าจะผ่านมาได้...อึดอัด งุนงง สับสน...อ่านไปคิดไปสารพัดว่าตกลงเรื่องมันเป็นแบบไหน???...ใครเกี่ยวข้องกับใคร? ความลับที่ปิดไว้มันรุนแรงจนถึงกับต้องระเบิดอารมณ์ขนาดนี้เลยเหรอ?...จะว่าสนุกก็สนุกนะคะ...แต่...ตอนแรกๆมันอัดเอาความรู้สึกแบบที่เกือบจะเรียกว่ายัดเยียด...ให้กับพระเอกเกินไป...คือพระเอกจะใช้ชีวิตต่อไปได้เหมือนเดิม ถ้า...ไม่เกิดเรื่องราวมูลนิธิขึ้น ไม่เห็นความโกรธของแ่ม่ และคำพูดที่พ่อกับแม่ทะเลาะกัน จดหมายน้อยในหนังสือ...คือทุกเรื่องมันถูกปิดเงียบมานานสามสิบปี..จู่ๆ ระเบิดตูมออกมา เป็นใครก็ตกใจเนอะ... ผ่านครึ่งเรื่องไป...ทีนี้เครื่องเริ่มติดค่ะ...สนุกมากขึ้นเรื่อยๆ จากที่ผ่านไปหลายวันได้ไม่กี่หน้า...ทีนี้รวดเดียวจบเรื่องเลยค่ะ...ครึ่งหลังนี่สนุก ท่ามกลางความสงสัยเหมือนเดิม ความวุ่นวายเริ่มมากขึ้น แอบคิดว่าสรุปตัวจริงๆของแต่ละคนเป็นไง...แต่เดาถูกไ้ด้แค่ครึ่งเดียวจริงๆค่ะ...ที่เหลือ...เกินคาด...ตอนจบ...จบแบบนี้ดีค่ะ...ซาบซึ้งกับความรักของพี่น้องที่ตัดยังไงก็คงไม่ขาด แม้จะมีเรื่องผิดใจกันมา...ความรักของแม่ลูก...ความรักของเพื่อนที่เกือบจะหักเหลี่ยมโหดกันแล้ว ดีว่ายังกลับตัวทัน... ตัวละครที่ชอบในเรื่อง...ชอบจิรายุ(พ่อของพระเอกค่ะ) ดูเหมือนไม่มีบทบาทอะไร เพราะแรกๆก็อยู่ในอำนาจของภรรยาซะหมด แต่เมื่อถึงเวลาต้องลุกมาปกป้องลูก...เขาก็ทำได้ เล่นเอาซะศศิวาร อึ้งไปเลย...ชอบความรักของเขาที่มีต่อลูก(ถ้าอ่านจนจบจะซึ้งค่ะ)...ความรักและการให้อภัยคู่ชีวิตที่มีความลับปกปิดกันมาเท่าๆกับอายุของลูกนั่นแหละ...สุดท้ายความผูกพันที่มีร่วมกันก็ทำให้เขายอมใ้ห้อภัย... ปล...แอบคิดว่าชื่อเรื่องชวนให้คิดว่าเป็นเรื่องแนวคอมมาดี้ซะีอีก...นี่อะไร...หลังๆมีดราม่าเยอะอีกตะหาก.. i sea u 2...เรื่องและภาพ มุนิน พักนี้อ่านของมุนินบ่อยและเิริ่มจะหลายเรื่อง...หลังจากอ่าน i sea u เล่มแรกไปแล้ว...ตอนนั้นคิดว่าพลาดค่ะ...พลาดที่เผลออ่าน...ทำให้ต้องมาตามอ่านต่อไปเรื่อยๆ กับ i sea u 2 และคงจะมี 3 4 ต่อมาแน่ๆ ...บางที ถ้ารสชาติอาหารยังขึ้นอยู่กับความสด ก็ไม่แน่ว่ารสชาติของชีวิต แบบที่ไม่ได้ิคิดตีกรอบอะไรไว้ล่วงหน้า ความสดแบบที่ว่าอาจทำให้ชีวิตอร่อยขึ้น... ...บางเวลา เราใช้ความอึกทึกพูดคุยกัน และในบางเวลา เราใช้ความเงียบพูด เราคุยกันด้วยความเงียบ ยิ้มและปลอบใจกันและกันอย่างเงียบๆ ไม่มีเสียงพูดของใคร แต่นั่นก็เป็นภาษาของพวกเราที่เราเท่านั้นเข้าใจ... เรื่องนี้มีอยู่ในกองดองล่ะครับ....แต่ไม่รู้ว่าจะหยิบมาอ่านตอนไหน แหะๆ ...ที่ซื้อเพราะ พี่นักอ่านที่สนิทกันบอกว่าชอบเรื่่องนี้มากๆๆๆ ชอบมากที่สุดในงานของ ชาครียา เลย ...และเราน่าจะชอบ ไอ้เราเลยบ้าจี้ เอาเข้ากองดอง ฮ่าๆๆ
โดย: อุ้มสม วันที่: 25 เมษายน 2556 เวลา:13:18:54 น.
เรื่องแรกยังไม่มีในกองดองค่ะ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าใช่แนวเรารึเปล่า แต่แนวพระเอกแบบนี้ก็ยังไม่เคยอ่านเหมือนกัน ชักน่าสน
เรื่องที่สอง ชอบหน้าปกค่ะ โดย: Sab Zab' วันที่: 25 เมษายน 2556 เวลา:14:48:14 น.
เล็งไว้ทั้งสองเล่มเลยค่ะ
เล่มแรกเล็งไว้เพราะปกเก๋มากค่ะ ชอบปก เล่มที่สอง เพราะติดใจ i sea u เล่ม ๑ ค่ะ เลยอยากอ่านเล่มนี้ต่อ โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 25 เมษายน 2556 เวลา:14:54:49 น.
เล่มแรกนี่เห็นชื่อเรื่องครั้งแรกก็นึกว่าเป็นคอมเมดี้นะเนี่ย
โดย: หัวใจสีชมพู วันที่: 25 เมษายน 2556 เวลา:14:58:16 น.
ของชาครียา ชอบที่สุดคือ image maker ปั้นหัวใจให้ปิ๊งรัก สนุกมาก แต่เรื่องนี้ลังเลค่ะ
นิยายภาพ น่ารักเหมือนเคยนะคะ โดย: ~:พุดน้ำบุศย์:~ วันที่: 25 เมษายน 2556 เวลา:16:02:18 น.
อ่านงานคุณชาครียาเล่มหลังๆไม่ค่อยถูกใจ พอเล่มนี้ออกมาเลยข้ามไปก่อน
แต่พอมาอ่านรีวิว ชักอยากกลับมาอ่านอีกแล้ว ส่วนเรื่องที่ 2 น่ารักดีค่ะ โดย: กล้ายางสีขาว IP: 223.204.15.77 วันที่: 25 เมษายน 2556 เวลา:18:47:22 น.
คุณอุ้มสม...จะรออ่านรีวิวนะคะ...
คุณSab Zab'...ลองอ่านดูค่ะ อาจจะเป็นแนวที่ชอบก็ได้ คุณหวานเย็นฯ...ใช่ค่ะ ติดใจ i sea u ตั้งแต่เล่มแรก คิดว่าคงตามไปเรื่อยๆ จนกว่าคนวาดจะขี้เกียจล่ะค่ะ่ คุณหัวใจสีชมพูด...ตอนแรก จขบ.ก็คิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ คุณพุดน้ำบุศย์...เรื่องนั้นของชาครียา ยังไม่เคยอ่านเลยค่ะ สงสัยคงจะต้องไปหามาอ่านบ้างแล้ว คุณกล้ายางฯ...ลองอ่านดูค่ะ อาจจะกลับมาติดใจอีกรอบ โดย: Aneem วันที่: 25 เมษายน 2556 เวลา:19:31:14 น.
|
Aneem
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?] ปีนี้+++ตั้งเป้าไว้ว่าจะพยายามซื้อหนังสือให้น้อยลง...แต่จะอ่านของเก่าที่ดองอยู่ให้มากขึ้น...จำทำได้มั้ยนะ!!! Friends Blog
Link |