กุมภาพันธ์ 2556

 
 
 
 
 
1
2
4
5
7
8
9
12
14
16
17
18
20
21
22
23
26
 
 
All Blog
28-29>>>Tokyo so Sweet (หัวใจไกลบ้าน)...nanaspace>>>บ่วงบุพเพ...รตา<<<


Tokyo so Sweet หัวใจไกลบ้าน...nanaspace...จดๆจ้องๆ รอเอาออกจากกองดองนานแล้ว แต่...โดนเล่มอื่นลัดคิวตลอดๆๆ...จนกระทั่ง...ช่วงนี้...ติดใจพ่อดอกมะลิ...จากคู่กรรมเหลือเกิน เลยคิดจะหานิยายที่พระเอกเป็นญี่ปุ่นนางเอกเป็นไทยอ่านสักหน่อย...หันซ้ายหันขวา...เจอเล่มนี้เข้า...ได้ฤกษ์ทลายกองดองอีกเล่มพอดี...
เรื่องราวเล่าถึงนักศึกษาสาวไทยที่ได้รับทุนไปเรียนต่อปริญญาโทที่ญีั่ปุ่น ที่นั่นมีนักศึกษาชาวไทยอยู่หลายคนและเกาะกลุ่มกันค่อนข้างเหนียวแน่น รวมไปถึงพี่แพท...เพื่อนพี่ชายของนางเอกด้วย...ส่วนพระเอก...แน่นอนต้องเป็นคนญี่ปุ่น...นักศึกษาปริญญาเอก...ผู้มากความสามารถเป็นผู้ช่วยอาจารย์และงานวิจัยหลายๆงานของเขาได้ถูกแนะนำให้นักศึกษารุ่นน้องได้อ่านเพื่อเป็นแนวทางซึ่งรวมถึงนางเอกด้วย...ตอนแรกพระเอกก็ดูค่อนข้างหยิ่งๆ เย็นชา เข้าถึงยาก...ใ้ห้ความรู้สึกเหมือนตอนอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นสมัยเอ๊าะๆเลย พระเอกแนวนี้...สาวๆชอบนักแหละ...555...แต่ไม่ใช่นางเอก Smiley ดูได้จากตอนต้นเรื่องเลย...ฮา
"เอ่อ มะ ไม่ทราบว่า ตะ ตึกที่ใช้เป็นห้องพักนักศึกษาวิจัยปะ ไปทางไหนคะ"
"คุณเดินไปตามทางนี้เรื่อยๆ...ฯลฯ...คุณฟังผมอยู่หรือเปล่า"...แบบว่านางเอกเคยเจอพระเอกมาก่อนเลยรู้สึกค้นหน้าคุ้นตาอ่ะนะ...แต่พ่อคุณดันคิดไปไกล...
"อะ อ้อ เห็นแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ"
"หน้าผมมีอะไรติดงั้นเหรอ"
"ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ เพียงแต่...ฉันสงสัยว่าเราสองคนเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า"
"หือ เคยเจองั้นเหรอ ช่วยคิดอะไรที่มันสร้างสรรค์กว่านี้หน่อยนะคุณ ถ้าคิดจะจีบใคร มุกนี้มันเก่าแล้ว และอีกอย่าง...คุณน่ะไม่ใช่สเป็คผมหรอก อายุถึงยี่สิบแล้วยังเนี่ย"...หล่อเลือกได้จริงๆSmiley

เมื่อสุดท้ายพระเอกต้องกลายมาเป็นที่ปรึกษาให้กับนางเอก ทำให้ทั้งคู่ใกล้ชิดกันทีละนิดๆ ตอนแรกๆพระเอกแปลกจริงๆค่ะ เข้าถึงยาก สูบบุหรี่จัด ทำให้นางเอกไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้ แถมยัง...ชอบบังคับนางเอกเรื่อยๆอีกด้วย...อย่างเช่นการขึ้นรถไฟพร้อมกัน...เนี่ย...
"ฉันต้องนั่งรถไฟเป็นเพื่อนคุณไปถึงเมื่อไรกันคะ ต้องเป็นทุกวันเลยเหรอ"
"คงไม่ทุกวันหรอก เอาเป็นว่า ถ้าวันไหนผมพร้อมจะขึ้นรถไฟ ผมจะบอกคุณอีกทีละกัน"...Smiley

แต่บางที...ก็แอบเขินแทนนางเอกเหมือนกัน...อย่างฉากที่พระเอกผู้ใจดี ให้นางเอกได้ใช้เครื่องปริ๊นซ์ที่ห้องของเขาเอง
"ไม่มีใครตกใจเหมือนฉันเหรอคะที่เห็นหนังสือในชั้นของคุณเยอะขนาดนี้"
"ไม่มีหรอก เพราะยังไม่เคยมีใครเข้ามาในห้องนอนของผม คุณเป็นคนแรกน่ะ"...จิกหมอนขาดไปหนึ่งใบ นี่แค่คำพูดธรรมดาๆเองนะ...สงสัยจะอินกับพระเอกหยิ่งๆ พอมาทำใจดีนิดหน่อย...หลงเลย...Smiley

"ผมไม่เดือดร้อนหรอกนะ ถ้าต้องปั่นจักรยานให้คุณนั่งกินลมแบบนี้อีกสักชั่วโมงสองชั่วโมง แต่ว่านี่มันดึกมาแล้ว และพรุ่งนี้คุณต้องรายงานตั้งแต่เช้าด้วย คุณควรจะพักผ่อนได้แล้ว!"...."คุณรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าผมไม่ทำอะไรให้ใครโดยไม่หวังผลตอบแทน"
"คะ?"...."ละ...แล้วคุณต้องการอะไรล่ะคะ!"
"กอดเอวผมให้แน่นกว่านี้สิ"
"แน่นแล้วค่ะ!"
"ถ้าไม่รังเกียจ ผมขอแค่นี้แหละ"...อ๊าย...จิกหมอนขาดไปอีกใบ...แค่ซ้อนจักรยานยังเขินได้ขนาดนี้Smiley

เรื่องราวก็ดำเนินไปเรื่อยๆ ความรักเริ่มผลิบานและเผยปมให้รู้ว่าทำไมพระเอกถึงกลัวการขึ้นรถไฟ และตกใจที่รู้ชื่อนางเอกในตอนแรก...ความสัมพันธ์เริ่มงอกเงยขึ้นตามลำดับ ท่ามกลางบรรยากาศการเรียน งานวิจัย และเพื่อนๆทั้งไทยและญี่ปุ่น จนกระทั่ง...เรียนจบ...นางเอกต้องกลับไทยมาใช้ทุน พระเอกก็โชว์เหนือด้วยการขอเวลา...ตอนนี้รู้สึกว่าเขาทุ่มเทกับความรักมาก...ชื่นชมๆ
"ผมขอเวลาหนึ่งปี"
"คะ?"
"ผมบอกว่าขอเวลาหนึ่งปี ฟังไม่รู้เรื่องหรือไง รอผมได้ไหม ขอเวลาทำงานเก็บเงิน แค่ปีเดียวเท่านั้น และผมจะไปรับคุณ"
"หมายความว่า่ยังไงกันคะ"
"บอกแล้วไงว่าผมไม่รอคุณนานถึงแปดปีหรอก"
"โทชิโอะคะ ฉันดีใจจริงๆที่ได้ยินคุณพูดอย่างนี้ แต่แันไม่ได้ต้องการเงินของคุณเลย มันมากเกินไป..."
"คุณไม่ได้ต้องการเงิน แต่ผมต้องการคุณ!"
"ไม่ได้หรอกค่ะ ยังไงฉันก็รับเงินจากคุณมาฟรีๆแบบนั้นไม่ได้หรอก"
"ผมไม่ได้ให้เงินคุณฟรีๆซะหน่อย คุณต้องมาอยู่ที่นี่กับผมด้วยต่างหาก และก็ต้องอยู่ข้างๆผม เป็นกำลังใจให้ผมตลอดไปด้วย"....."ได้โปรดมิ้นต์สำหรับผมแล้วไม่มีอะไรมีค่าไปกว่าคุณอีก คุณก็รู้ผมเคยเสียคนรักไปแล้วครั้งหนึ่งต่อหน้าต่อตาโดยที่ผมไม่ได้ทำอะไรเลย"..."และตอนนี้ผมก็ได้พบคุณแล้ว ผมจะไม่ยอมเสียคุณไปโดยที่ผมไม่ได้ทำอะไรเลยอีกเด็ดขาด ต่อให้เงินมันจะมากกว่านี้ผมก็ต้องพยายามหามาให้ได้...หรือว่าคุณไม่อยากใช้ชีวิตร่วมกับผม"....เอาใจไปเลยเต็มๆ...Smiley


หนึ่งปีผ่านไป...นึกว่าจะหมดอุปสรรค...ที่ไหนได้ ยังมีตัวขวางตัวเอ้คือพี่ชายนางเอกอยู่อีกคน คราวนี้โทชิโอะต้องเดินทางมาไทยและพ่วงคุณแม่และน้องสาวมาด้วย เพื่อหวังจะมาทำความรู้จักกับครอบครัวนางเอก...ฮา...น้องพระเอกกับพี่ชายนางเอกตั้งแต่เจอหน้ากันเลย...
"ซาหวัดดีก๊ะคุงป้อ"...เอ่อ...เข้าใจว่าพี่ชายเป็นพ่อ...ซะงั้น...
"มิ้นต์! ยายหัวซาลาเปาลิ้นไก่สั้นนี่มันใคร!"...ปากร้ายจริงคุณพี่...
"เอ่อ เขาเป็นน้องสาวโทชิโอะเองค่ะ"
"ฉันชื่อฮิซาโกะก๊ะ"
"ชื่ออะไรก็ไม่อยากรู้! คิดว่าฉันเป็นเพื่อนเล่นหรือยังไงมาเรียกฉันเป็นพ่อ ยายเด็กไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!"
"ฮิซาโกะสบายดีก๊ะ คุงป้อสบายดีไหมก๊ะ"
"ไม่ได้ถามโว้ย!"...หนุ่มไทยกะสาวญี่ปุ่นจะจูนกันติดไหมนี่...เดือดร้อนนางเอกเป็นล่ามให้ทำความเข้าใจว่าพี่ชายไม่ใช่พ่อ แต่กว่าจะเข้าใจได้ เล่นเอาเหงื่อตก
"ฮิซาโกะจัง ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คุณพ่อของมิ้นต์หรอก แต่เขาเป็นพี่ชายน่ะ ชื่อพี่หม่อน"
"ซาหวัดดีก๊ะ พี่หม่อง ฉันชื่อฮิซาโกะก๊ะ"
"ฉันชื่อหม่อน! ไม่ใช่หม่อง ปู่ย่าฉันเป็นจีนแท้ ตายายฉันเป็นไทยแท้ ไม่มีญาติเป็นพม่า ยายเด็กบ้า!"...Smiley...คงจะคุยกันรู้เรื่องหรอกนะ...

อ่านจบ...ชอบค่ะ...ถึงแม้จะเดาได้ว่าตอนจบก็คงแฮปปี้...แต่ระหว่างเรื่องบรรยายให้เห็นบรรยากาศการเรียนอย่างหนักหน่วง...สังคมเพื่อนที่พึ่งพาอาศัยกัน...แอบอิจฉาชาวญี่ปุ่นเล็กๆที่ช่างเดินทางไปไหนมาไหนสะดวกสบายด้วยการนั่งรถไฟ...จนมองว่าการขับรถยนต์เป็นเรื่องที่ผิดปกติ...Smiley...แต่ก็มีเรื่องติดใจอยู่สองเรื่องคือเรื่องเล่าผ่านตัวละครว่า "ฉัน" ปกติไม่ค่อยจะอินกับนิยายที่เหมือนเล่าผ่านตัวเองน่ะค่ะ...กับอีกเรื่องคือ...พระเอกสูบบุหรี่จัดมาก...ถึงแม้ว่าตอนหลังจะพยายามเลิกก็เถอะ...เรื่องนี้พอทำใจได้อยู่บ้าง...เพราะทำงานบริษัทคนญี่ปุ่น...ก็เห็นบรรดาญี่ปุ่นทั้งหลายไม่ว่าจะหนุ่มหรือแก่สูบบุหรี่กันแทบทุกคน...วันละหลายเวลาด้วย...บางทีไม่เลือกที่ แม้แต่ในห้องประชุมคุณพี่ก็สูบกัน...เฮ่อ...สรุปคือ...อ่านเพลิน...และแอบลุ้นอยากให้มีคู่พี่หม่อง...เอ๊ย พี่หม่อนกับฮิซาโกะจังค่ะ...เพราะคิดว่าคู่นี้กว่าจะจูนกันติดคงใช้เวลาฮานานแน่นอน




บ่วงบุพเพ...รตา...เรื่องนี้เคยอ่านในบล็อกอยู่พักหนึ่ง...แล้วก็ห่างๆไปจนจำไม่ได้...เมื่อวานเดินร้านหนังสือเห็นชื่อคนเขียน...เอ๊ะ...คุ้นๆ...หยิบมาอ่านปกหลัง...คุ้นเข้าไปอีก...แต่...เค้าห่อพลาสติกอย่างดีแอบอ่านก็ไม่ได้...สุดท้าย...ความอยากรู้มีมากกว่า...Smiley
เรื่องนี้คนเขียนออกตัวไว้เลยว่า...นางเอกซื่อมากกกก แม้แต่คนเขียนยังแอบขัดใจ...แหม...ชวนอ่านพิลึก...อ่านแล้ว...อืม เห็นด้วยอย่างแรง เธอซื่อมากกกกจนตกเป็นเหยื่อของแม่พระเอก..อ๊ะๆอย่าเข้าใจผิดไปว่าเป็นเหยื่อในทางที่ไม่ดีนะคะ จริงๆแล้วมันก็ดีอยู่หรอก...
เรื่องเริ่มที่พ่อนางเอกป่วยต้องผ่าตัด...และนางเอกก็ดันออกจากงานเพราะหัวหน้างานชีกอ...ซ้ำร้ายไม่พอ...ระหว่างทางกลับบ้านยังหกล้มจนได้รับบาดเจ็บ...ฝนตก...โทรศัพท์พัง...แต่ก็มีความโชคดีในโชคร้ายเมื่อได้เจอกับเพื่อนสนิทสมัยเรียนที่นั่งรถมากับพี่ชาย...รับไปส่งบ้าน...
นางเอกมีโอกาสได้เจอแม่พระเอกเมื่อไปทำบุญไหว้พระ...นางเอกโชว์ความกล้าด้วยการช่วยจับโจรกระชากกระเป๋าทำให้คุณหญิงแม่ปลื้มและประทับใจมากๆ...เพราะในกระเป๋ามีของสำคัญ...ฤกษ์แต่งงานของลูกชายที่พระท่านดูดวงว่าจะเจอเนื้อคู่ในปีนี้และต้องแต่งงานในปีนี้เท่านั้น...ไม่อย่างนั้นต้องรอไปอีกสิบปี...คุณหญิงแม่ยิ่งเชื่อว่านางเอกเป็นเนื้อคู่ลูกชายตัวเองแน่นอน...เมื่อนางเอกกับหลานสาวเป็นเพื่อนกัน...และพอพาลูกชายมาให้เจอกันก็ดันรู้จักกันซะอีก...ชัวร์...แผนการจับคู่ต่างๆผุดขึ้นมาแผนแล้วแผนเล่า...หวังต้อนนางเอกมาเป็นลูกสะใภ้ให้ได้...อะไรก็คงดีอยู่หรอก...ถ้านางเอกไม่มีแฟนอยู่แล้ว...อ่านตอนแรกสงสารแฟนนางเอกมาก Smiley ถึงจะปูเรื่องไว้ว่า...ที่นางเอกคบเป็นแฟนเพราะเคยเป็นเพื่อนรักกันมาก่อน...และที่สำคัุญต่างคนต่างก็ไม่มีใคร...แต่พออ่านๆไป...เชอะ...ไม่สงสารแล้วคนอย่างนี้...

พระเอกเป็นหนุ่มไฮโซที่มีข่าวจับคู่กับพระเอกหนุ่มคนดัง...ย้ำค่ะย้ำ...พระเอกหนุ่มคนดัง...แน่นอนใครต่อใครคิดว่าเขาเป็นเกย์...และมีหรือนางเอกจะไม่คิด...แถมยังมีเหตุการณ์ชวนคิดแบบนั้นอยู่หลายครั้ง...แต่เพราะสงสารคุณหญิงแม่ของพระเอกนางเอกจึงคิดช่วยเหลือพระเอก...ช่วยไปช่วยมา ยิ่งวุ่นเข้าไปใหญ่...เมื่อสุดท้าย...ต้องแ่ต่งงานกัน...งานนี้นางเอกลำบากใจที่สุดเพราะตัวเองมีแฟนอยู่แล้วถึงจะไม่ได้รักอย่างคนรักก็เถอะ...นางเอกเลยขอแต่งงานแต่ในนาม...ส่วนพระเอกดีใจเพราะไม่ได้เป็นเกย์แถมยังชอบนางเอกอยู่แล้วด้วย
"วันนี้แทนมาหายิหวาค่ะ เขาบอกว่าจะรอจนกว่ายิหวาจะเป็น...อิสระ คือ..."
"คุณอยากรู้ว่าการแต่งงานของเราจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่?"
"ก็...จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ยิหวารู้ว่าเป็นคนทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเอง แต่เราก็รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร ยิหวาคงช่วยคุณตลอดไปไม่ได้"
"ผมจะคืนอิสรภาพให้คุณก็ต่อเมื่อ..."
"เมื่อ?"
"คุณต้องทำให้ผมรักผู้หญิงให้ได้ซะก่อน"
"คะ?"
"คุณก็เห็นแล้วใช่ไหมว่าแม่ผมอยากอุ้ัมหลานมากแค่ไหน ไหนๆก็ลงทุนแต่งงานแล้ว ผมไม่กล้าทำให้ท่านเสียใจหรอก และถึงยังไงผมก็เป็นทายาทคนเีดียวของตระกูล ผมอยากรักผู้หญิงสักคนได้จริงๆจะได้มีลูกกับเธอ มีหลานให้คุณแม่ มีเหลนให้หม่อมยาย ช่วยผมหน่อยได้ไหม...หวันยิหวา"...นางเอกก็ยังไม่รู้ตัวว่า...หมายถึงตัวเอง...

เรื่องราวหลังงานแต่งก็เป็นภาคฮันนีมูนค่ะ...นางเอกก็ยังเข้าใจว่าพระเอกเป็นเกย์อยู่ดี และยังอาสาจะหาผู้หญิงที่จะทำให้เขารักเจอให้ได้...เอ่อ...ก็หนูนั่นแหละจ้า...Smiley ชอบตอนที่พระเอกกับนางเอกแบ่งเรื่องที่นอนกัน...
"ห้องนี้ไม่มีโซฟา"
"ไม่เป็นไรค่ะ ยิหวาใช้ผ้าห่มปูพื้นนอนเอาก็ได้ คืนนี้คุณนอนบนเตียงนะคะ"
"คุณคงไม่คิดจริงๆใช่ไหมว่าผมจะยอมให้คุณนอนพื้นแล้วตัวเองนอนสบายบนเตียง"
"เราจะเอาแต่ทะเลาะกันเรื่องที่นอนแบบนี้จริงๆเหรอคะ แค่นี้ก็เสียเวลาไปหลายนาทีแล้วนะ เดี๋ยวกลับกรุงเทพฯเราก็ต้องมาทะเลาะกันอีก เอาอย่างนี้แล้วกัน เราสลับกันคนละคืน คืนนี้คุณนอนเตียง ยิหวานอนพื้น พรุ่งนี้คุณนอนพื้น ยิหวานอนเตียง กลับถึงกรุงเทพฯ ก็ใช้ข้อตกลงอันนี้ด้วย ยึดหลักเสมอภาคค่ะ ตกลงนะคะ ยิหวาหิวไม่มีแรงทะเลาะกับคุณแล้วด้วย"....ชอบๆๆ..ถึงแม้จะนอนแบบนี้ได้ไม่กี่คืนก็เถอะ...ฮา...


หลังจากนั้น...ก็หวานกันตลอด...จนกลับกรุงเทพฯ...นางเอกไปหาแฟนเพื่อที่จะบอกว่าเขาไม่ต้องรอแล้วเพราะเธอรักพระเอกซะแล้ว...ตอนนี้แฟนนางเอก...ก็วางยาและทำให้นางเอกกับเพื่อนเข้าใจผิดว่ามีอะไรกับแฟนซะแล้ว...นางเอกเครียด...พระเอกก็คิดว่านางเอกต้องการหย่าเพราะจะกลับไปหาแฟนเลยเย็นชาห่างเหิน...ดราม่านิดๆ..แต่ก็รั้งๆไว้เพราะกลัวนางเอกจะท้อง...และ...นางเอกก็ท้องจริงๆ...พระเอกดีใจมาก...แต่นางเอกก็ดันมาดับฝันพระเอกซะอีกว่าไม่แน่ใจว่าใครจะเป็นพ่อ???...พระเอกเลยหนีไปหลบเลียแผลใจอยู่สองสามวัน...กลับมาสอบถามเรื่องราวจากน้องสาวเลยรู้ความจริง...และคิดว่ารักนางเอกมากเกินจะปล่อยไป...ตอนนี้...ชอบพระเอกมากค่ะ...ที่ไม่สนใจอดีตที่ผ่านมา...และยินดีไม่ว่าเด็กจะเป็นลูกของใคร???...แต่...นิยายไม่ทำให้คนอ่านรู้สึกผิดหวังหรอกค่ะ...สุดท้ายบทเฉลยก็อยู่ที่จดหมายของแฟนเก่านางเอกที่เขียนมาสารภาพเรื่องทั้งหมด...ทำให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี...

อ่านจบ...ชอบในระดับนึงค่ะ...แต่แอบช้ำใจนิดๆที่ตอนแรกคนอ่านอุตส่าห์ปันใจให้กับแฟนนางเอก และเห็นว่าไม่แฟร์เลยที่เรื่องเป็นอย่างนี้...แต่อ่านๆไป...อ้าว...คิดเองเออเอง จัดการเองซะหมดแบบนี้...แถมยัง...ทำเรื่องที่...มากๆกับนางเอกด้วย...สมควรแล้ว...ส่วนพระเอกนั้น...ตามสไตล์พระเอกนิยายค่ะ ชาติตระกูลดี การศึกษาดี หน้าที่การงานดี...ดีไปซะทุกอย่าง...ยกเว้น...มีข่าวว่าเป็นเกย์นี่ล่ะ...แต่ฉลาดใช้ข้ออ้างนี้ในการใกล้ชิดนางเอก...หรือเรียกง่ายๆว่าหลอกนั่นแหละ...นางเอกก็...ซื้อซื่อ...ดีนะที่คนเขียนออกตัวไว้ก่อน...ไม่งั้นคงแอบขัดใจ...แต่เธอก็ซื่อแบบน่ารักน่าเอ็นดูดีนะคะ...Smiley


ปล...เอาช้างที่บ้านมาฝากค่ะ กลิ่นหอมมาก...ซื้อมาแล้ว...คนขายบอกว่าปีนึงออกดอกครั้งเดียว...ไม่รู้พอมาอยู่กับเราแล้วปีหน้าจะออกดอกหรือเปล่า...เฮ้อ...








Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 1 มกราคม 2557 20:01:03 น.
Counter : 1333 Pageviews.

7 comments
  
เรื่องแรกมีในดองเหมือนกัน สงสัยต้องรีบเคลียร์ด่วน ^^

เรื่องที่สอง ยังไม่มีค่ะ แต่ยังไม่โดนเท่าไร

แปะ ให้ด้วยนะคะ สุขสันต์เดือนแห่งความรักค่ะ
โดย: Sab Zab' วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:12:59:28 น.
  
ขอบคุณสำหรับรีวิวค่าาา

คนเขียนก็อยากให้มีเรื่องต่อของตาพี่หม่อนกับฮิซาโกะจังเหมือนกันค่า กำลังพยายามอยู่ อาจจะนานสักนิด อย่าเพิ่งลืมนะคะ
โดย: nanaspace วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:14:07:10 น.
  
คุณSab Zab'...ลองหยิบมาอ่านค่ะ อาจจะติดใจเหมือนกันก็ได้นะคะ

คุณnanaspace...จะรออ่านนะคะ...ขอแบบฮาๆเลย...ไหนๆเราก็เสียดุลญี่ปุ่นให้พระเอกในเรื่องนี้ไปแล้ว...ต้องให้พี่หม่อนเอาืคืนบ้าง จะได้หายกัน
โดย: Aneem วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:19:40:57 น.
  
ชอบหัวใจไกลบ้าน อ่านแล้วอินจัด อีกเรื่องยังไม่ได้อ่านค่ะ ...ไม่เคยอ่านของคนเขียนมาก่อนด้วย
โดย: ~:พุดน้ำบุศย์:~ วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:9:15:53 น.
  
เรื่องแรกนี่เหมือนการ์ตูนญีุ่ปุ่นเลยนะคะ ฟิน
โดย: narumol_tama วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:10:27:45 น.
  
คุณพุดน้ำบุศย์...จำไม่ได้เหมือนกันค่ะว่าเคยอ่านงานของ รตา มาก่อนหรือเปล่า...แต่ดูเหมือนจะมีผลงานมาแล้วหลายเล่มค่ะ

คุณnarumol_tama...ถ้าชอบอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นนี่ ลุคพระเอกแบบนี้แหละ ใช่เลย...ชอบเหมือนกันค่ะ
โดย: Aneem วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:19:40:33 น.
  
ยังดองอยู่เลยค่ะ แง...แง หลังสอบค่อยลุยต่อค่ะ
โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:20:35:09 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Aneem
Location :
สระบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]



ปีนี้+++ตั้งเป้าไว้ว่าจะพยายามซื้อหนังสือให้น้อยลง...แต่จะอ่านของเก่าที่ดองอยู่ให้มากขึ้น...จำทำได้มั้ยนะ!!!