มกราคม 2556

 
 
1
2
3
4
6
7
8
9
11
14
16
18
22
23
25
27
28
29
30
 
 
All Blog
16...ส่งท้ายสิ้นเดือนกับอยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง...ชอนตะวัน
เล่มสุดท้ายของเดือนแรกของปี...กับนิยายเล่มหนาเกือบจะมากเล่มหนึ่งและชื่อเรื่องยาวมากๆ จนคิดว่าน่าจะยาวที่สุดในนิยายที่เคยอ่าน...555



อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง...ชอนตะวัน...ขอสารภาพว่าตัดสินใจซื้อเรื่องนี้เพราะชื่อเรื่องค่ะ ฮา...เห็นชื่อเรื่องแล้วแปลกดีแฮะ ชวนให้คิดว่าถ้าพระอาทิตย์ตกดินตอนเวลานั้นจริง แล้ว...หนึ่งวันของเราจะมีจำนวนชั่วโมงมากกว่าเดิมไหม? ชื่อเรื่องว่าแปลกแล้ว...ปกหลังก็แปลกอีก ปกติปกหลังจะบอกเรื่องย่อๆของนิยายไว้...แต่...เรื่องนี้เป็นการพูดถึงนิยายเรื่องนี้จากคนคนหนึ่ง (เราก็ไม่รู้หรอกว่าเค้าเป็นใคร 555) บอกไว้ว่าเป็นนิยายแนวศาสนา ตัวละครดำเนินไปตามวิถีแห่งกรรมของตัวเอง...แอบคิดว่าเรื่องน่าจะหนัก ดราม่า น้ำตานอง ชีวิตรันทดแน่...แต่ผิดหมด...พออ่านไปอีกหน่อย...ต้องตกใจ...ห๊า...ชายรักชายเหรอ??? Smiley

ไหนๆก็ไหน ซื้อมาแล้ว อ่านสักหน่อยเหอะ...เรื่องมีอยู่ว่า หนึ่งหญิง สองชาย...แสงทอง...รุ่งโรจน์...สุริยา...บังเอิญมาพบกันที่ปางจันทร์(สถานที่สมมติ) และได้ร่วมเหตุการณ์กันจนนำไปสู่เส้นทางแสวงบุญไหว้พระธาึตุบนยอดเขา แสงทอง...เป็นเด็กสาวหน้าตาสวย หลงรักสุริยาตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรกๆ   รุ่งโรจน์...หนุ่มไฮโซ เนื้อหอม เป็นข่าวกับสาวๆไม่เว้นแต่ละวัน ใช้ชีวิตเลื่อนลอยไม่ได้ทำงานทำการอะไรมากมาย     สุริยา...ไกด์หนุ่ม ผู้มีชีวิตอยู่พระพุทธศาสนามาค่อนชีวิต และใช้คำธรรมะเป็นเครื่องชี้นำการใช้ชีิวิต 

สองชาย...เข้ามาในชีวิตของหนึ่งหญิง...เมื่อบังเอิญมาเที่ยวที่ปางจันทร์และต้องเข้าพักที่บ้านพักของป้าของแสงทอง ซึ่งก็ให้บังเอิญที่แสงทองมาดูแลบ้านพักแทนป้าที่เดินทางไปเที่ยวพอดี สุริยาเจอรุ่งโรจน์ประสบอุบัติเหตุอยู่จึงให้การช่วยเหลือและดูแล เมื่อหายดีแล้วเลยพากันขึ้นไปไหว้รอยพระบาทบนยอดเขาสูงด้วยกัน เมื่อกลับมาถึงกรุงเทพฯต่างคนก็ต่างใช้ชีิวิต แต่เพราะจิตผูกพันกันอยู่ทำให้ทั้งสามคนมาร่วมทำกิจการทัวร์ โดยมีรุ่งโรจน์เป็นผู้ลงทุน ส่วนสุริยากับแสงทองลงแรงเป็นไกด์...ใช้ชื่อทัวร์ว่ารุ่งแสงสุริยา...แหมชื่อดีมากๆ...เรื่องราวในหนังสือก็เรืื่อยๆมาเรียงๆ ค่อยๆทำให้เห็นว่าสองชายเขาใช้วิธีการพูดคุยกัน สื่อสารกันทางสายตา ทางภาษากายอย่างไร จึงเข้าใจว่ารักกัน...อ่านแล้วไม่ได้รู้สึกอึดอัด หรือว่าผิดธรรมชาิติเลยค่ะ...กลับมองเห็นว่าความรักเป็นสิ่งที่ยิงใหญ่...เพราะเคยบวชเรียนมานานสุริยาจึงใช้ธรรมะค่อยๆชักนำรุ่งโรจน์และแสงทองเข้าสู่เส้นทางธรรมเรื่อยๆ เริ่มจากสอนสวดมนต์ ชวนไหว้พระ ให้อ่านหนังสือธรรมะ บางทีก็พูดสิ่งที่สอดแทรกธรรมะลงไปให้ทั้งสองคนค่อยๆซึมลึกเข้าไป แต่...ในทางเดียวกัน สุริยาก็เป็นทุกข์...ทุกข์ที่รู้ว่าตัวเองรักรุ่งโรจน์ ทุกข์เพราะรู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ก็สุขที่รู้ว่ารุ่งโรจน์ก็รักเขา สุขที่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน...ทัวร์ที่ทำก็เป็นทัวร์พาไหว้พระราคาย่อมเยาว์ ประมาณว่าเป็นการสนับสนุนพระพุทธศาสนาอีกทางหนึ่ง ใหู้้ผู้คนสนใจเข้าวัดกันมากขึ้น แสงทองรักและแสดงออกให้เห็นชัดเจนว่ารักสุริยา รุ่งโรจน์ก็รักสุริยาแต่ก็มีเหตุผลอีกมากมายที่ไม่สามารถทำให้อยู่ร่วมกันอย่างคนรักกับสุริยาได้ ส่วนสุริยาเมื่อรู้ว่ารักชายด้วยกันมันไม่มีทางเป็นไปได้แม้ในตอนแรกจะพยายามมองแสงทองแต่เมื่อใจมันไม่ให้ก็ใช้ธรรมมะเข้าข่มความทุกข์ที่เกิดจากความรัก...
"เป็นอะไร"
"ผมรู้สึกผิดเท่านั้นเอง เราไม่ควรเอาแสงทองมาร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วย"
"ก็เรื่องมันผ่านมาจนถึงวันนี้แล้ว แก้ไขอะไรได้"
"ต่อไปผมคงต้องดีกับเธอให้มากๆ ให้สมกับที่เธอดีกับผม อดทนเพื่อผม..."
"คุณอยากแต่งงานกับเธอไหม ผมจัดการให้ได้นะ"
"คุณพูดอะไร..."
"ก็คุณไม่ได้อยากเป็นอย่างที่ผมอยากให้เป็น คุณก็แต่งงานมีครอบครัวไปซิ"
"แต่ผมไม่ได้นึกชอบเธอในลักษณะนั้น ผมเห็นเธอเป็นเพียงน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น..."
"แล้วคุณคิดกับผมในลักษณะไหน ผมจูบคุณก็ไม่ว่า แต่ถ้าผมจะอย่างอื่นคุณก็ไม่ยอมอีก...มีผู้หญิงมาจีบคุณก็ไม่สนใจ คุณเป็นอะไรของคุณ"
"คุณรุ่ง แต่งงานก็มีภาระอันยิ่งใหญ่รออยู่ข้างหน้า ผมมันคนจน...ผมไม่ปรารถนาที่จะใ้ห้ใครมาลำบากด้วย ผมยังไม่พร้อมจะรับผิดชอบอะไรกับใครทั้งนั้น...ฯลฯ..."
"แล้วคุณทนกับความกำหนัดได้อย่างไร"
"ผมอยู่วัดมานานมั้ง หรือผมคงบวชมาหลายภพหลายชาติแล้วก็ได้ จึงไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรมากมาย แต่ก็เกือบจะพลาดพลั้งเสียหลายหน"
"กับผมใช่ไหม..."......."คุณยะ คุณเคยอธิษฐานไหมว่าชาติหน้าขอให้ใครสักคนในเราเป็นผู้หญิงเพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกันรักกันมีความสุข"
"อย่าพูดอย่างนั้นคุณรุ่ง...การได้เกิดมาเป็นผู้ชายถือว่าประเสริฐนัก...เพราะเป็นเพศที่แข็งแกร่ง เป็นเพศที่สามารถบรรลุธรรมได้ง่าย เป็นเพศที่สามารถจะเป็นได้ถึงพระพุทธเจ้า...เป็นเพศที่ไม่มีความทุกข์จากการท้อง จากการออกลูกออกเต้า จากการมีเมน คนที่จะเกิดมาเป็นชายได้นั้นต้องมีเนกขัมมะบารมีมาไม่ใช่น้อยเหมือนกัน อย่าคิดที่จะวกกลับไปเป็นหญิง รึที่ใจเป็นอย่างนี้ เป็นผลมาจากอำนาจกรรม...เกิดมาบ่อยๆก็อดที่จะสร้างกรรมบ่อยๆไม่ได้ ส่วนใหญ่คนก็จะทำแต่กรรมดีกับไม่ดีมากกว่าดีสุดๆในศีล ในทาน ในสมาธิ...ผมบวชนานอ่านเยอะ ผมจึงต้องรู้จักหักห้ามใจตน"......."คุณรุ่ง คนเราจะสุขขนาดไหน ก็หนี เกิด แก่ เจ็บและตายไม่พ้นหรอก วันนี้ยังหนุ่มสาวก็ยังน่ารัก แก่เฒ่าไปก็จะน่าเกลียดไม่น่ากอดรัดไม่น่าจูบหรอก แต่น้อยคนนักที่จะมีปัญญานึกเห็น หรือกว่าจะได้นึกเห็นก็แก้ไขวิบากส่วนมากแต่เก่าไม่ได้เสียแล้ว...บุญกุศลที่ทำใหม่ก็น้อยนิดไม่พอให้ไม่เกิดมาน้อยด้วยกามอีกสุดท้ายก็วนๆเวียนๆในกงกรรมไม่จบไม่สิ้น และการบังเกิดขึ้นของพระพุทธศาสนา ไม่ใช่เรื่องง่ายๆด้วย...จึงยากที่จะสว่างไสว เดินทางถูกมรรคผล...หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ"
"ผมไม่อยากฟังแล้ว..."
"หมดอารมณ์ใช่ไหม..."
"หมดอารมณ์เซ็กซ์ แต่มีอารมณ์บวชขึ้นมาแทนนะซี่" Smiley



ยอมรับค่ะว่า...แอบเดาตอนจบได้...เมื่ออ่านไปแล้วรู้สึกว่าสุริยาพยายามที่ปลงให้กับความรักที่เกิด เมื่อมีรักร้อยก็ทุกข์ร้อย ไม่มีรักก็ไม่ทุกข์...แต่...ก็อยากอ่านต่อไปจนจบว่า...คนเขียนจะใช้วิธีไหนในการจบให้สวย...และดูไม่ทำร้ายจิตใจตัวละครมากเกินไป (ทำร้ายจิตใจคนอ่านด้วย)

หลังอ่านจบ...ชอบค่ะ แม้แต่บทกุ๊กกิ๊กระหว่างสุริยากับรุ่งโรจน์ก็ไม่ทำให้รู้สึกตะขิดตะขวงใจ กลับมองว่าน่ารักไปซะอีก...ธรรมมะที่แทรกเข้ามาในเรื่อง ไม่ได้ชวนน่าเบื่อสักนิด บางเรื่องอ่านแล้วคิดจะทำตามด้วยค่ะ...และหนังสือเล่มนี้แทบจะเป็นแผนที่ท่องเที่ยวทางบุญได้เลย ในเรื่องมีกล่าวถึง วัด เจดีย์ พระธาตุที่สำคัญๆเยอะมาก และยังสอดแทรกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเข้าไปอีก...เรียกได้ว่าแทบจะทั่วทั้งประเทศเลยทีเดียว...อ่านเล่มนี้เหมือนได้อ่านหนังสือนิยาย บวกท่องเที่ยว บวกธรรมมะ...คุ้มค่ะคุ้ม
Smiley



"ก็พอได้อยู่กับธรรมชาติ ปลดภาระที่มันหนักอึ้งออกเสียได้ หัวสมองเราก็จะได้คิดได้นึกอีกอย่างออกมา เป็นคนจัดทัวร์นี่คุณรุ่ง ถ้าไม่คิดให้แตกต่าง ไม่ขายความคิดอื่นให้คนอื่นได้คิดตาม มันก็ทำงานไม่สนุก...โดยเฉพาะทัวร์ของเรา เน้นที่จิตวิญญาณ ศาสนา ความเปลี่ยนแปลงทางสายตาที่ต้องส่งผลถึงทางใจ ส่งให้ถึงภพชาติเบื้องหน้า มันจึงยากทับทวีคูณ"
"ถ้าตอนนี้เราไปอยู่ที่ผาหมากดูกกับผาหล่มสักคุณว่าเราจะเป็นอย่างไร..."
"คุณก็ต้องนั่งรอให้พระอาทิตย์เดินทางมาตกตอนหกโมงเย็น คุณรอไหวรึ..."
"ถ้ารอแล้วมันมาก็น่ารอนะ..."
"รอไปตั้งสิบสองชั่วโมงนะ กว่ามันจะเดินทางไปถึง...แล้วพอมันไปถึงมันก็รีบลาจาก ไปหาคนที่รอมันอยู่อีกฝั่ง"
"เข้าใจคิดแฮะ ถ้าอย่างนั้น เราควรจะรอดูพระอาิทิตย์ขึ้้นใช่ไหม เพราะเราจะได้อยู่กับมันถึงสิบสองชั่วโมง"
"แต่บางทีเราก็อยากให้มันอยู่กับเราอีกสักสามสี่ชั่วโมง แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ ดังนั้นเราจึงต้องรีบใช้ประโยชน์จากมันภายในสิบสองชั่วโมง"


...พระอาทิตย์ดวงกลมโตสีแดงฉานที่อยู่เบื้องหน้ากำลังลาลับขอบฟ้าในชั่วอึดใจ ชายหนุ่มซึ่งกำลังเร่ิงรีบเดินทางไปให้ถึงจุดหมายด้วยพาหนะสองเท้าถีบรู้สึกอยากจะประวิงเวลาไว้อีกสักนิด........และพระอาทิตย์ดวงกลมโตนั้น คล้ายจะเมินเฉยต่อคำร้องขอ...เรื่องหยุดอยู่ตรงนั้น ไม่คล้อยต่ำลับเหลี่ยมเขา ไม่ตกดิน ก่อนที่กิจอันพึงกระทำเสร็จสิ้น...




Create Date : 31 มกราคม 2556
Last Update : 1 มกราคม 2557 20:02:39 น.
Counter : 914 Pageviews.

6 comments
  
ชื่อเรื่องชวนอ่านจริง ๆ ค่ะเล่มนี้ อยากหามาอ่านบ้าง แต่ที่ดองอยู่ก็ยังไม่มีทีท่าจะลดลงตามเป้าหมายที่วางไว้เลยค่ะ
โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:1:09:49 น.
  
ชอบเหมือนกันค่ะ กลัวจะอ่านได้ก็กลัวๆกล้าๆอยู่นาน อ่านแล้วผิดคลาดเพราะนิยายเรื่องนี้น่ารักจริงๆ และก็ได้ข้อคิด ศาสนา มากด้วย
โดย: Orathai IP: 110.49.226.60 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:16:18:28 น.
  
คุณหวานเย็นฯ...ถ้ามีโอกาสลองดูค่ะ

คุณOrathai...รู้สึกเหมือนกันเลยค่ะ
โดย: Aneem วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:20:20:49 น.
  
เพราะรีวิวอีกแล้ว......ชวนอ่านจริง ๆ
โดย: ~:พุดน้ำบุศย์:~ วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:23:22:48 น.
  
คุณพุดน้ำบุศย์...ลองดูค่ะ ต่างจากแนวที่เคยอ่าน อาจจะชอบก็ได้
โดย: Aneem วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:19:48:46 น.
  
อ่านแล้วได้อะไรดีๆ เยอะเลย
โดย: Jum IP: 58.137.16.27 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:12:51:52 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Aneem
Location :
สระบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]



ปีนี้+++ตั้งเป้าไว้ว่าจะพยายามซื้อหนังสือให้น้อยลง...แต่จะอ่านของเก่าที่ดองอยู่ให้มากขึ้น...จำทำได้มั้ยนะ!!!