Valerian หนังไซไฟฉากสวยแสนสนุกแบบไม่ต้องไปคิดอะไรมาก




วาเลเรียน พลิกจักรวาล 
Valerian And The City Of A Thousand Planets (2017)

"หากเจ้าไม่ยอมรับอดีต เจ้าก็ไร้ซึ่งอนาคต"

ณ ตลาดมืดซึ่งอยู่ในโลกเสมือนจริง วาเลเรียนและลอเรลีนคู่หูคู่รักตำรวจแนวหน้าของหน่วยปราบปรามพิเศษ ต้องปฏิบัติภารกิจ แทรกซึมการซื้อขาย"ตัวนิรมิต"แห่งดาวมิวส์ ดาวที่ระเบิดเป็นจุลไม่เหลือซากจากลูกหลงของสงครามการสู้รบไปแล้ว เพื่อนำกลับไปให้เป็นสมบัติของรัฐบาลบนสถานีอวกาศอัลฟา

สถานีอวกาศอัลฟาซึ่งครั้งหนึ่ง คือ สถานีอวกาศธรรมดาทั่วๆไปที่โคจรรอบโลก แต่ภายหลังขยายตัวขึ้นจนเป็น "นครแห่งพันพิภพ" และหลุดออกจากวงโคจรของโลกไป มันเป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตหลายล้านจากหลายร้อยหลายพันเผ่าพันธุ์ 

บนนครแห่งพันพิภพนี้ มีโซนอันตรายที่เกิดมีรังสีแพร่กระจายอย่างรุนแรงและกำลังขยายขอบเขตจนเป็นอันตรายต่อนครนี้ ไม่ว่าจะส่งใครไปสำรวจก็ไม่เคยมีใครได้กลับมาสักคนเดียว

เมื่อผู้บัญชาการของสถานีนี้ถูกลักพาตัวไประหว่างการประชุมสัญญาณเตือนภัยบ่งชี้ว่าเขาถูกนำไปยังโซนอันตรายนี้

คู่หูคู่รักนี้จึงต้องออกผจญภัยไปบนนครพันพิภพนี้พร้อมกับปริศนาของนครนี้กำลังรอวันเปิดเผย รวมถึงทำไมตัวนิรมิตที่เหลืออยู่เพียงตัวเดียวในจักรวาลจึงมีความสำคัญยิ่งนัก

.................................................….......

หนังที่ดัดแปลงจาก Valerian and Laureline หนังสือการ์ตูนไซไฟฝรั่งเศสที่เน้นผจญภัยกับการปฏิบัติภารกิจต่างๆ เขียนขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1967 -2010 ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบอย่างมากของ Luc Besson ผู้กำกับหนังเริ่องนี้ 

หนังใช้ CG สร้างภาพได้สวยมากทีเดียว พล็อตก็ออกแนวผจญภัยผสมความเป็นการ์ตูน เพราะคงไม่มีคู่หูตำรวจระดับผู้กองหนุ่มกับจ่าสาวที่ไหนในโลกกล้าต่อล้อต่อเถียงผู้บัญชาการระดับพลเอกได้หรอก ประมาณว่าต่อยได้ตบได้ ไม่เชื่อฟังได้ 55 ต่อให้เป็นแนวหน้าถูกใช้ให้ไปทำภารกิจต่างๆก็เหอะ สิ่งมีชีวิตต่างดาวต่างๆก็ดูไม่แปลกใหม่เท่าไหร่ เห็นบ่อยละ 

แต่เพราะดูแบบไม่ได้คิดอะไร เน้นเอาสนุกสนาน มันก็สนุกนะ ผมชอบเลยแหละ รู้สึกว่าการสร้างโลกแบบสถานี 
อัลฟานี่น่าสนใจ ดูแล้วยิ่งกว่า"เจเนอเรชั่น ชิป"ในนิยายวิทยาศาตร์ฝรั่งหลายๆเรื่องอีก เพราะนี่ไม่ใช่แค่เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่สืบทอดต่อๆกันมาหลายๆรุ่น แต่มีความหลากหลายดี เพียงแต่เวลาที่จำกัด มันจึงนำเสนอได้เพียงคร่าวๆให้เราเห็นภาพ น่าจะนำไปต่อยอดให้ปฏิบัติภารกิจต่างๆเพิ่มได้เลย

คู่หูคู่รักนี่อย่างกับกับสมาชิกบอยแบนด์กับเกิร์ลกรุ๊ป ดูเข้ากันๆในแบบกวน เชิด หยิ่งๆดี มันจะมีความเป็นการ์ตูนหน่อยๆ ก็มันดัดแปลงจากการ์ตูนนี่น่า

แถมยังสอดแทรกแง่คิดในแบบที่เราต้องสังเกตเอาเอง เช่น บทของริฮานน่า สาวเต้นรูดเสาในพิภพหนึ่งบนสถานี เธอไปไหนไม่ได้ถูกควบคุมโดย อีธาน ฮอว์ก...นั่นทำให้เธอเอ่ยขึ้นมาในช่วงหนึ่งว่า 

"การมีชีวิตอยู่นั้นทรมานกว่าความตายอีก"

หรือบนดาวมิวส์เองที่ได้พลังงานไข่มุกจากธรรมชาติ เมื่อถึงวาระหนึ่งๆก็ต้องส่งบางส่วนกลับคืนสู่ธรรมชาติเสมอๆ เพื่อเป็นวัฏจักรช่วยดำรงพลังงานไว้ให้คงอยู่บนดวงดาวตลอดไป

แม้ตอนจบจะง่ายไปนิด แต่ก็ยังทิ้งแง่คิดดีๆพร้อมกับตั้งคำถามด้วยประโยคที่ผมโปรยทิ้งไว้ในตอนแรก เอาง่ายๆว่า ถ้าเราทำผิดเราจะยอมรับอดีตซึ่งเราทำไว้ไหม ถ้าเรายอมรับผิด บางทีมันไม่จบแค่นั้น  แต่มันมาพร้อมกับความรับผิดชอบ นั่นคือ ค่าชดใช้มหาศาล หลายๆคนจึงเลือกที่จะกลบความผิดและไม่ยอมรับมันดีกว่า

...ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเห็นได้ง่ายในสังคมปัจจุบันนี้... 

เด็กๆน่าจะดูสนุก เพราะมันไม่ได้ซับซ้อนมาก เฉลยปริศนาง่าย แต่เต็มไปด้วยภาพสวยๆ แง่คิดดีๆ (มีฉากเต้นรูดเสากับนางเอกใส่บิกินี่แค่นั้นแหละที่อาจจะไม่เหมาะล่ะมั้ง)



คะแนน 8.5/10



Create Date : 21 สิงหาคม 2560
Last Update : 21 สิงหาคม 2560 16:49:37 น.
Counter : 1787 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 755059
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]



New Comments
สิงหาคม 2560

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog