เมื่อฉันขับรถม้าลำปาง

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้ขึ้นหัวข้อเรื่อง "เมื่อฉันขับรถม้าลำปาง" เป็นอะไรที่อยากเอามาบรรยายให้เพื่อนๆได้รับความรู้สึกดีๆในการขับเคลื่อนรถม้าด้วยกันนะคะ 555




รถม้าลำปาง มีคู่เมืองลำปางมายาวนานมากค่ะ

โดยประวัติของรถม้าเมืองลำปางนั้น เดิมทีเริ่มเข้ามาสู่จังหวัดลำปางครั้งแรก ในช่วงวันที่ 1 เมษายน 2459 หรือ 103 ปีที่ ผ่านมา ช่วงสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 มาพร้อมกับสถานีรถไฟลำปาง โดยรถม้าขณะนั้น   ถือว่ามีบทบาทที่สำคัญมากต่อการคมนาคม การขนส่งการพัฒนาเศรษฐกิจการสังคมของจังหวัดลำปาง มายาวนานแล้ว ตลอดจนเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว ในจังหวัดลำปาง ในฐานะเมืองรอง ที่ผ่านมารถม้าลำปางยังสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้กับชุมชน และชาวบ้าน ที่นำมาออกมาวิ่งบริการนักท่องเที่ยว

 

ประวัติรถม้า

    รถม้าเข้ามาในประเทศไทยครั้งแรก ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยได้รับตกทอดมาจากอังกฤษและอินเดีย ถือกันว่ารถม้าเป็นพาหนะคู่บ้านคู่เมือง จนกระทั่งรถยนต์เริ่มเข้ามามีบทบาท รถม้าจึงถูกนำไปอยู่ตามหัวเมืองต่างๆ ซึ่งในปี ..2458 รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้วางรางรถไฟขึ้นมาถึงเมืองลำปาง จึงขนรถม้าจากกรุงเทพฯขึ้นรถไฟมานครลำปาง ทำให้รถม้าเข้ามามีบทบาทสำคัญ ด้วยการเป็นพาหนะ
รับส่งผู้โดยสารจากตัวสถานีรถไฟนครลำปางเข้าสู่ตัวเมือง

     รถม้าลำปาง เป็นรถเปิดประทุน ที่นั่งผู้โดยสาร อยู่ทางตอนหลังของที่นั่งคนขับรถม้า ซึ่งมีระดับสูงกว่าเล็กน้อย นั่งได้คันละ 4 คน คนกับม้า จะรักและผูกพันกันเสมือนหนึ่งสมาชิกในครอบครัว แต่เดิมพวกแขก(แขกมลายู)เป็นคนขับรถม้าในเมืองลำปาง จนกระทั่งช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 จอมพล พิบูลสงคราม มีคำสั่ง “ไล่คนต่างประเทศออกจากจังหวัดลำปาง” ทำให้พวกแขกที่ทำมาหากินด้วยการขับรถม้าที่ลำปาง ต้องอพยพออกนอกประเทศไทย กิจการรถม้าของลำปางจึงตกมาถึงมือคนลำปาง ในตอนแรกรถม้าจะให้บริการพวกแม่ค้าบรรทุกผักไปจำหน่ายที่ตลาดเท่านั้น 
ต่อมาจึงกลายเป็นพาหนะหลักในการสัญจรในเมืองลำปาง ปัจจุบันแม้จะใช้รถยนต์ในการเป็นพาหนะตามความเจริญของยุคสมัย แต่ชาวลำปางก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์นี้ไว้ ทั้งในการรับ- ส่งผู้โดยสาร รวมไปถึงการนำไปทำเป็นของที่ระลึกในรูปแบบต่างๆ เพื่อคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของเมืองลำปางสืบไป

( ขอขอบคุณที่มาจากเวบ รถม้าลำปาง )







(ขอบคุณภาพประกอบจากเวบเรื่องเล่าชาวล้านนา)










เมื่อไม่นานมานี้ประมาณกลางเดือนธันวา 2564 เพื่อนได้มาเที่ยวลำปางจึงพาไปกราบหลวงพ่อเกษมค่ะแล้วเลยพาเพื่อนนั่งรถม้าชมเมืองจากสุสานไตรลักษณ์ไปวัดพระแก้วดอนเต้า เหมาไปกลับ 200 บาทยอมรับเลยค่ะจขบ.เป็นคนลำปาง 100% ก็ยังไม่เคยนั่งรถม้าชมเมืองเลยค่ะ 555  อยากจะบอกว่า นั่งแล้วนิ่มสบายมากเหมือนค่อยๆลอยไปตามที่ต่างๆเลยค่ะ เยี่ยมจริงๆ ใครไปลำปางลองไปนั่งชมเมืองดูนะคะ ไม่แพงค่ะ รอบเมือง รอบละ 200 ค่ะ ขึ้นอยู่ว่าใกล้ไกลแค่ไหนค่ะ













ไปถึงวัดพระแก้วแล้วสารถีขับรถม้าจอดพักให้ลงไปกราบพระและชมวัดพระแก้วดอนเต้า จขบ.ก็อยากจะลองเป็นสารถีขับรถม้าดูมั่งซึ่งเจ้าของรถม้าก็อนุญาติให้ลองอย่างเต็มใจ 555 กล้าๆกลัวๆ เพราะเกิดม้าตื่นกระโดดโลดเต้น อิชั้นตายแน่ๆค่ะ แต่ม้าน่ารักมากกกกกเดินไปเดินมาเรียบร้อยเราแค่ดึงบังเหียนเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาแค่สองเลี้ยวพอก่อนค่ะ 555









ดูๆแล้วก็น่าสนุกดีค่ะ อิอิ ลุงคนขับเก็บภาพให้ค่ะ ครั้งหนึ่งในชีวิตจริงๆจ้า









เพื่อนบอกนั่งสบายมากๆๆๆๆ





 
เขลางค์นคร หรือ จังหวัดลำปางเป็นเมืองเก่าแก่เมืองหนึ่งของประเทศไทย ประชากรโดยทั่วไปมีการทำมาหากิน ตลอดทั้งความเป็นอยู่และสภาพทางสังคม วัฒนธรรม ประเพณีและสิ่งแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ภายภาพที่คล้ายคลึงกันกับ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ซึ่งประกอบด้วย เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน พะเยา แม่ฮ่องสอน แต่มีอยู่อาชีพหนึ่งของจังหวัดลำปางที่มีความโดดเด่นแตกต่างไปจากอาชีพโดยทั่วไปนั่นก็คือ อาชีพขับรถม้ารับจ้าง ซึ่งเป็นอาชีพที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ได้สืบทอดกันมาเป็นเวลากว่า 80 ปีแล้ว
 
หากเมื่อลองนึกถึงเอกลักษณ์ของเมืองลำปาง นอกจาก “ถ้วยตราไก่” ที่มีต้นกำเนิดในแผ่นดินลำปางแล้ว “รถม้า” ก็น่าจะเป็นเอกลักษณ์หนึ่งซึ่งหาดูที่ไหนไม่ได้ นอกจากเมืองลำปางอีกเช่นกัน มีคำกล่าวทีเล่นทีจริงว่า เมื่อไปจังหวัดลำปางแล้วไม่ได้มานมัสการพระแก้วมรกตดอนเต้าที่วัดพระธาตุลำปางหลวง และไม่ได้นั่งรถม้าชมเมือง ก็เหมือนกับว่า ไปไม่ถึงจังหวัดลำปาง ก็คิดว่าเป็นจริงดั่งคำที่กล่าวว่ากันว่ารถม้าเริ่มเข้ามาในประเทศไทยเป็นครั้งแรกในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โดยชาวอังกฤษและอินเดียวที่เดินทางเข้ามาติดต่อราชการกับราชสำนัก ต่อมารถม้าจึงกลายเป็นพาหนะคู่บ้านคู่เมืองของไทยไปด้วย

 

ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการสั่งรถม้าเข้ามาในประเทศมากที่สุด โดยใช้เป็นราชพาหนะสำคัญ สมัยนั้นถึงขนาดมีการตั้งกรมขึ้นดูแลเฉพาะเรียกว่า กรมอัศวราช รถม้าที่นำเข้าจากยุโรปสมัยนั้นเป็นลักษณะรถม้าแบบ 2 ตอนชนิดประทุนพับได้ รูปร่างหน้าตาน่าจะคล้ายกับรถมอเตอร์คาร์ ซึ่งกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์นำมาถวายพระราชบิดาเป็นคันแรก เมื่อปี พ.ศ.2447 ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้สั่งซื้อรถมอเตอร์คาร์เข้ามาพระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์ เพื่อใช้ประโยชน์ในราชการ ทำให้ความความนิยมรถยนต์เพิ่มมากขึ้น ความสำคัญของรถม้าจึงค่อยๆลดบทบาทลงไป เจ้าของรถม้าหลายรายได้ขายรถม้าของตนไปตามหัวเมืองรอบๆพระนคร รถม้าจึงกลายเป็นพาหนะของประชาชนที่อาศัยตามหัวเมือง รถม้าบางส่วนจึงถูกส่งขึ้นมายัง
จังหวัดลำปาง

รถม้าเริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญในจังหวัดลำปางครั้งแรกเมื่อประมาณปี พ.ศ.2450 เมื่อเจ้าบุญวาทย์วงศ์มานิต ซึ่งเป็นเจ้าผู้ครองนครเมืองลำปางในสมัยนั้น ได้นำรถม้ามาจากกรุงเทพฯ มาใช้เป็นพระราชพาหนะ ต่อมาในปี พ.ศ.2458 เมื่อมีการสร้างทางรถไฟสายกรุงเทพฯ – เชียงใหม่ได้แล้วเสร็จถึงจังหวัดลำปาง กอปรกับในขณะนั้นบรรดาขุนนางและเชื้อพระวงศ์ต่างๆในกรุงเทพฯได้เปลี่ยนยานพาหนะจากรถม้ามาเป็นรถยนต์ตามยุคสมัยแห่งการพัฒนา คหบดีของจังหวัดลำปางในสมัยนั้นได้ถือโอกาสซื้อรถม้าดังกล่าวมาใช้ถึง 185 คัน ในราคาถูกผ่านทางรถไฟซึ่งง่ายและสะดวกในการขนส่งมายังจังหวัดลำปางจนกระทั่งถึงปี พ.ศ.2491 หรือประมาณ 67 ปีที่ผ่านมา ผู้เกี่ยวข้องและประกอบอาชีพขับรถม้าในจังหวัดลำปางได้มีการรวมตัวกับพยายามดำเนินการก่อตั้งเป็นรูปแบบของสมาคมและสามารถจดทะเบียนเป็นสมาคมได้สำเร็จในปี พ.ศ.2492 โดยตั้งชื่อว่า “สมาคมกรรมกรล้อเลื่อนจังหวัดลำปาง” มีขุนอุทานคดีเป็นนายกสมาคมคนแรก ต่อมาเจ้าบุญส่ง ณ ลำปาง ได้เข้ามาบริหารแทนขุนอุทานคดี ซึ่งท่านได้เป็นนายกสมาคมรถม้าคนที่ 2 และได้มีการเปลี่ยนชื่อจากสมาคมกรรมกรล้อเลื่อนจังหวัดลำปาง ให้เหมาะสมกับรูปลักษณ์แห่งความเป็นจริงว่า “สมาคมรถม้าจังหวัดลำปาง” มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า The Horse Carriage In Lampang Province

รถม้าลำปางมีความเจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว ในปี พ.ศ.2501 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้มอบเงินให้แก่เจ้าบุญส่ง ณ ลำปาง และได้ขอรับรถม้าเข้าไว้ในอุปถัมภ์ให้รัฐบาลช่วยเหลือสมาคมรถม้า นอกจากนั้นในวันที่ 20 เมษายน 2507 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาจังหวัดลำปาง ทางสมาคมรถม้าได้ทำการน้อมถวายรถม้าแบบสองล้อ พร้อมด้วยม้าเทียบรถชื่อ บัลลังก์เพชร แด่สมเด็จพระบรมโอรสสาธิราชฯ ตามสถิติของกรมตำรวจ เมื่อปี พ.ศ.2507 พบว่ามีรถม้าวิ่งอยู่ในจังหวัดลำปางจำนวน 185 คัน ซึ่งถือว่ามีมากที่สุด และจากการสำรวจในสมัยของนายเรือง เขื่อนแก้ว นายกสมาคมรถม้าเมื่อปี พ.ศ.2536 พบว่า รถม้าเหลืออยู่ในจังหวัดลำปางเพียงแค่ 70 คันเท่านั้น
ชาวลำปางถือว่ารถม้าเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดลำปางโดยตรง ขณะนี้รถม้าที่วิ่งรับผู้โดยสารอย่างสม่ำเสมอและถือเป็นอาชีพหลักหาเลี้ยงครอบครัวมีประมาณ 50-60 คันเท่านั้น

ผู้ประกอบอาชีพขับรถม้าส่วนมากเป็นชาวลำปางโดยกำเนิดและสืบทอดอาชีพนี้มาจากบรรพบุรุษ รายได้จากการประกอบอาชีพนี้ไม่แน่นอนและไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ ต้องอาศัยประกอบอาชีพอื่นเสริม นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นที่มีผลกระทบต่อการประกอบอาชีพขับรถม้าของจังหวัดลำปางอีกหลายด้าน เช่น การนำเทคโนโลยียานยนต์และการขนส่งอื่นที่ทันสมัยเข้ามาใช้ ด้านการยอมรับทางสังคม ด้านสุขอนามัย ด้านต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการประกอบอาชีพ ด้านความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ ด้านความนิยมของคนในท้องถิ่นที่ลดน้อยลงไป นอกจากนี้ผู้ประกอบอาชีพรถม้าในจังหวัดลำปางหลายคนได้ถูกนายทุนจากเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรีว่าจ้างและชักจูงให้นำรถม้าไปวิ่งรับจ้างในพื้นที่ด้วย

รถม้า ลำปางได้พลิกบทบาทจากราชพาหนะชั้นสูงมาสู่วงจรของการท่องเที่ยว ในฐานะของพาหนะสำคัญคู่เมืองลำปางในการต้อนรับคนต่างถิ่น และพบอีกว่าสารถีคนขับม้าในลำปางนับวันจะลดจำนวนลง เนื่องจากปัจจุบันพบว่าปัญหาที่สร้างผลกระทบต่อสารถีคนขับรถม้า ซึ่งพอจะสรุปได้ดังนี้
ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจของประเทศชาติมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ทำให้มีผู้ใช้บริการน้อยลง ซึ่งปกติรายได้หลักของผู้ประกอบอาชีพขับรถม้ารับจ้างจะมาจากนักท่องเที่ยวเกือบทั้งหมด

ปัญหาทางด้านสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อม ในการเลี้ยงดูม้ามักจะนำมาเลี้ยงไว้ใต้ถุนบ้านของตนเอง เพราะเป็นการประหยัดไม่ต้องสร้างโรงม้า และม้าเป็นสัตว์ที่มีการถ่ายมูลออกมาทุกระยะ ทำให้เกิดการหมักหมม เหม็นกลิ่นอุจจาระและปัสสาวะของม้าไปทั่วบ้าน และมีผลกระทบต่อเพื่อนบ้านจนเป็นเหตุบาดหมางกันกับเพื่อนบ้านถึงกับมีการร้องเรียนกันก็มี

นอกจากนั้นเมื่อนำรถม้าไปวิ่ง ม้าจะถ่ายมูลออกมาตลอดถึงแม้จะทำถุงรองรับแล้วก็ตามแต่ก็ไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด ก่อให้เกิดกลิ่นเหม็นสกปรกบนท้องถนน ปัญหาด้านสังคมและวัฒนธรรม สังคมของคนในจังหวัดลำปางมักมองว่า อาชีพขับรถม้าเป็นอาชีพที่ด้อยไม่มีเกียรติศักดิ์ศรี ทำให้ไม่มีใครอยากจะประกอบอาชีพนี้ต่อไปและพยายามหาอาชีพอื่นมาทดแทนหากมีโอกาส นอกจากนี้บางคนติดสุรา บางคนใช้กริยามารยาท ไม่สุภาพและเหมาะสม บางคนชอบโก่งราคากับผู้ใช้บริการ ทำให้ผู้ใช้บริการหรือนักท่องเที่ยวเกิดความระอา ไม่อยากใช้บริการอีกต่อไป

ปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน หลายฝ่ายมีการมองว่าการใช้ม้าเทียมรถ เป็นการใช้แรงงานม้ามากเกินไป บางครั้งม้าก็ไม่ยอมวิ่งก็จะถูกคนขับทุบตีเอาอย่างรุนแรง

ปัญหาด้านการจราจร ถนนหลายสายในจังหวัดลำปางแคบ รถม้าวิ่งช้าทำให้การจราจรเกิดการติดขัด และเส้นทางในเมืองจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งมีลักษณะเป็นวงรียาว ทำให้ม้าต้องใช้กำลังมากในการลากรถ

ปัญหาในการซ่อมแซมและบำรุงรักษา ปัจจุบันผู้ที่มีความรู้ความสามารถในการซ่อมแซมทำนุบำรุงรักษารถม้ามีจำนวนลดน้อยลงไปเรื่อยๆ ทำให้เป็นอุปสรรค์ในการซ่อมบำรุงในอนาคต

ปัญหาด้านความดูแลเอาใจใส่จากองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนในท้องถิ่นและประเทศชาติที่ยังไม่มีการลงมาช่วยเหลือและประสานงานกันอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตามมาถึงวันนี้ “รถม้า” ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของชาวลำปาง เมื่อมาเยือนลำปางเราจะพบว่าที่นี่เป็นจังหวัดเดียวที่ยอมให้ “ม้า” วิ่งบนท้องถนนเคียงคู่กับรถยนต์ เช่นนี้แล้วเมื่อไปเยือนเมืองลำปางจะไม่ไปสัมผัสวิถีชีวิตหนึ่งเดียวอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวลำปางเชียวหรือ

บทความโดย
จักรพงษ์ คำบุญเรือง

(ขอขอบคุณที่มาของประวัติรถม้าลำปาง)



 

รถม้าลำปาง - ลำปางรักษ์เมืองเก่า


จากกันด้วยภาพนี้นะคะ พบกันใหม่บล็อกหน้าค่ะ

ขอขอบคุณภาพและเนื้อหาประกอบจาก เวบเรื่องเล่าเมืองลำปาง ประวัติรถม้าลำปาง จากกูเกิลค่ะ

ขอขอบคุณบีจีสวยๆจากบล็อกแกงค์

ขอขอบคุณเพื่อนๆที่มาเยือนพร้อมให้กำลังใจค่ะ

ขอขอบคุณเพลงประกอบจากยูทูบ

พบกันใหม่บล็อกหน้า

สวัสดีค่ะ





 

Create Date : 11 มีนาคม 2565
30 comments
Last Update : 7 เมษายน 2565 23:33:03 น.
Counter : 1399 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณเนินน้ำ, คุณThe Kop Civil, คุณเริงฤดีนะ, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณSweet_pills, คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณKavanich96, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณหอมกร, คุณtoor36, คุณSleepless Sea, คุณmariabamboo, คุณ**mp5**, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณกะว่าก๋า, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณkae+aoe

 

ช่วงนี้น้ำมันแพง นั่งรถม้าน่าจะดีนะคะ อิอิ

 

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ 11 มีนาคม 2565 19:56:18 น.  

 

เคยนั่งค่ะถ้าแวะข้าลำปาง

 

โดย: โอน่าจอมซ่าส์ 11 มีนาคม 2565 20:31:35 น.  

 

ภาพเก่า ๆ คลาสสิคมากครับพี่ ผมเคยนั่งรถม้าเหมือนกัน เมื่อหลายปีก่อน

 

โดย: The Kop Civil 11 มีนาคม 2565 21:33:00 น.  

 

 

โดย: เริงฤดีนะ 11 มีนาคม 2565 22:20:31 น.  

 

ม้าน่ารัก เชื่องดีจังนะคะคุณกิ่ง
ต๋าเคยนั่งรถม้าแต่ก็นานมาแล้วค่ะ
คุณกิ่งได้ลองขับด้วย เป็นประสบการณ์ดีๆที่พิเศษนะคะ

คุณกิ่งนอนหลับฝันดีคืนนี้ค่ะ

 

โดย: Sweet_pills 11 มีนาคม 2565 23:55:38 น.  

 

ยังไม่เคยนั่งเลยครับ

 

โดย: สองแผ่นดิน 12 มีนาคม 2565 0:00:42 น.  

 

ขอบคุณที่แบ่งปัน

 

โดย: Kavanich96 12 มีนาคม 2565 4:49:12 น.  

 

ไปลำปางหลายครั้ง ตอนนั้นพ่อตาไปเป็น ผจก.ธนาคารที่นั่น

เคยเห็นรถม้าแต่ยัง บ่าเกยขึ้นครับคุณกิ่ง

เขาว่ากลางวันใช้ม้าไทยตัวเล็ก ทนความร้อนได้ดีแม่นก็ครับ

 

โดย: ไวน์กับสายน้ำ 12 มีนาคม 2565 6:46:44 น.  

 

นอกจากพระธาตูลำปางหลวง

ถ้วยกระเบื้องตราไก่
ที่เดี๋ยวนี้นอกจาก้วยต้นตำหรับ
ยังมีดีไซน์มากมาย เก๋ๆห้สะสม แล้ว


นถม้านี่แหละค่ะ อยู่ยั่งนืนยงมาตราบนานเท่านาน

เคยนั่งค่ะ..รร.ทีาพัก ที่เคยไป
มีให้บริการ..

 

โดย: เริงฤดีนะ 12 มีนาคม 2565 6:51:37 น.  

 

เนี่ยยังไม่เคยนั่งเลยค่ะรถม้า
สงสัยต้องไปลองบ้างคุณกิ่ง

 

โดย: หอมกร 12 มีนาคม 2565 14:11:01 น.  

 

ไม่เคยนั่งเหมือนกันครับ ราคาพวกนี้มันขึ้นอยู่กับความพอใจของทั้งสองฝ่ายด้วย อีกอย่างมันเป็นประสบการณ์ ถือว่าใช้เงินเพื่อซื้อประสบการณ์ ถ้าเป็นราคาที่มีกฎเกณฑ์ ไม่ใช่ราคาฟันหัวแบะก็รับได้ครับ

 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) 12 มีนาคม 2565 22:44:21 น.  

 

สวัสดีเจ้าปี้กิ่ง รถม้าลำปางเห็นมาตั้งแต่เด็ก ถือเป็นเสน่ห์ของเมืองลำปาง เป็นเอกลักษณ์เจ้า สองสามปี๋ก่อนไปวิ่งรถล่องกองหน้อยก็ยังหันรถม้าผ่านมา จอดถ่ายรูปกันม่วนงันเจ้า

ส่งก๋ำลังใจเจ้า

 

โดย: mariabamboo 13 มีนาคม 2565 10:24:32 น.  

 

สวัสดีวันอาทิตย์ค่ะคุรกิ่ง
ช่วงนี้กรุงเทพนร้อนมากๆ

 

โดย: เริงฤดีนะ 13 มีนาคม 2565 14:24:30 น.  

 

ใช่เลยครับคุณกิ่ง เรื่องเดียวกับที่ เคยเขียนทำสวนครับ

แต่คราวนี้ อยากจะสือว่า เรา ๆ เจอปัญหาตกงาน กำลังหางาน
หรือถูกลดเงินเดือน ไม่สิ้นหวังยังพอมีพอกิน ก็ดิ้นกันไป
มีหลายคน ทำอาชีพเสริม ขายสินค้า ขายอาหารตามไลน์

น่าชื่นชมครับ หลายคนยังรอ ๆ อยู่ครับ

 

โดย: ไวน์กับสายน้ำ 13 มีนาคม 2565 16:23:17 น.  

 

ตามน้องกิ่งมานั่งรถม้าเที่ยวเมืองลำปางค่ะ

 

โดย: เนินน้ำ 13 มีนาคม 2565 19:53:01 น.  

 

ขอบคุณคุณกิ่งมากนะคะที่แวะชมซุปกิมจิบ้านต๋า
ขอบคุณกำลังใจค่ะคุณกิ่ง

คุณกิ่งฝันดีคืนนี้นะคะ

 

โดย: Sweet_pills 14 มีนาคม 2565 0:27:05 น.  

 

แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ

 

โดย: **mp5** 14 มีนาคม 2565 9:30:24 น.  

 

สวัสดีครับพี่กิ่ง

รถม้านี่เป็นเหมือนเอกลักษณ์ของลำปางเลยครับ
ถ้าใครมาเที่ยวก็ต้องลองนั่งรถม้า ใช้บริการน้องๆ น่ารัก ๆ ซักหน่อย
ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่า 1เมษา นี้ รถม้าจะครบ 103 ปีแล้ว ไวมากเลยครับ ร้อยปี หลายอย่างก็เปลี่ยนไปเยอะ ดีใจที่น้องๆ ยังอยู่คู่เมืองลำปางอยู่เลยครับ

จะได้ฟิลมาก ถ้ามีร้านเช่าสุดสาวเหนือ ให้เช่าใส่นั่งรถม้าถ่ายรูป คงให้ประสบการณ์ที่ดี น่ารัก ลืมไม่ลงเลยครับ

 

โดย: จันทราน็อคเทิร์น 15 มีนาคม 2565 11:04:57 น.  

 

สวัสดีครับพี่กิ่ง

ขอบคุณที่ชอบรูปวาดและส่งกำลังใจให้นะครับ

ตามมาเที่ยวลำปางด้วยคนครับ ผมยังไม่เคยไปเลย รถม้าคือน่าสนใจมาก พี่กิ่งพ่วงประวัติมาให้อ่านกันด้วย พร้อมเพลงฟังเพลิน เรื่องผลกระทบก็เห็นใจฝั่งผู้ได้รับความเดือดร้อนนะครับ หรือควรต้องแยกโซนวิ่งดีไหมครับ ไม่ต้องปะปนกับถนนที่การจราจรคับคั่ง

ปล.ผมเองก็มีความใฝ่ฝันว่าอยากขี่ม้าตัวจริงๆ บ้างสักครั้งครับ

 

โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา 15 มีนาคม 2565 23:08:18 น.  

 

สวัสดีค่ะพี่กิ่ง ตามเที่ยวด้วย

 

โดย: kae+aoe 16 มีนาคม 2565 8:55:58 น.  

 



ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับพี่กิ่ง



 

โดย: กะว่าก๋า 16 มีนาคม 2565 15:08:38 น.  

 

เพิ่งได้มาทักทายครับ
ชอบรถม้าครับ ขอบคุณที่แวะไปนะครับ

 

โดย: Sleepless Sea 16 มีนาคม 2565 17:24:29 น.  

 

คุณกิ่งฝันดีคืนนี้นะคะ
ต๋าไม่ได้เข้ามาสองวัน ขอบคุณคุณกิ่งแวะส่งเข้านอนค่ะ

 

โดย: Sweet_pills 17 มีนาคม 2565 0:25:31 น.  

 

สวัสดีครับพี่กิ่ง

โควิดนี่ทำเอาเครียดเลยครับ ช่วงนี้ไม่รู้ทำไมตื่นมาชอบแสบคอ ไม่รู้ว่าแอร์เย็นไปหรือยังไงครับ หรือว่า PM 2.5 แต่เครียดแน่นอน
แต่เดียวนี้ผมถือคติ ไม่ตรวจก็ไม่ติด 555555 เพราะเวลาลุ่นตอนแถบขึ้นมันเครียดไปครับ

จริงครับการประกาศเป็นโรคประจำถิ่นทำให้ห่วงเด็ก ๆ และผู้สูงอายุครับ มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ สำหรับพวกเค้าเลย น่าจะให้เชื้ออ่อนกำลังลงเยอะๆ ก่อน เหมือนไข้หวัดใหญ่งี้

เวลาไปตลาดพี่กิ่งต้องระวังให้มาก ๆ นะครับ บางทีก็ไม่ได้มากับคน แต่มากับเงินทอนอะไรพวกนี้

ผมรักหลานมากเลยคับดูแลรับส่งกันตั้งแต่อยู่ในท้องพี่สาว ตอนนี้ผมมีหน้าที่พูดอังกฤษด้วย เห็นเค้าฟังรู้เรื่องก็ชื่นใจครับ

ผมคงหยุดเขียนบล๊อกซักอาทิตย์นึงครับ หยุดไปหาแรงบันดานใจมาเขียนบล๊อกต่อนี่แหละครับ ^^ จริงๆ ตอนนี้ก็เริ่มดีขึ้นแล้วครับ แค่หงุดหงิดง่ายนิดหน่อย เขียนบล๊อกตอนนี้กัวไม่บันเทิง ^^

 

โดย: จันทราน็อคเทิร์น 17 มีนาคม 2565 10:26:13 น.  

 

มาทราบข่าวสาร ข่าวคราวคุณปริ๊นซ์ ที่บ้านคุรกิ่งฯพอดี

แวะมาส่ง ตะพาบ 298 ค่ะ
Happy ..happy ค่ะ

 

โดย: เริงฤดีนะ 17 มีนาคม 2565 11:56:01 น.  

 

สวัสดีครับพี่กิ่ง

ผมโชคดีที่ไม่ติด
จริงๆก็เสี่ยงสูงมากๆเลยครับ
อยู่ในบ้านหลังเดียวกันตลอด
แถวบ้านผมตอนนี้ก็ติดกันเยอะมาก
ตลาดสดก็ปิดไปสองแห่ง

ถ้ามีอาการเจ็บคอมากๆ
ถึงขึ้นขีดเดียวก็ต้องระวังมากๆเลยนะครับพี่

 

โดย: กะว่าก๋า 17 มีนาคม 2565 14:11:18 น.  

 

นั่งด้วยคนค่ะพี่

 

โดย: อุ้มสี 18 มีนาคม 2565 19:49:21 น.  

 

ต๋าหายไปครั้งละสองวันค่ะ
คุณกิ่งฝันดีคืนนี้นะคะ

 

โดย: Sweet_pills 19 มีนาคม 2565 0:19:37 น.  

 

พอโควิดเกิดขึ้น
สองปีผมเสียคนรู้จักและญาติไปเกือบ 10 คน
ทั้งจากโควิดและจากโรคอื่นๆ
ทำให้เตือนสติได้มากจริงๆครับ
ว่าอย่าประมาทในการใช้ชีวิต
อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอจริงๆ

 

โดย: กะว่าก๋า 19 มีนาคม 2565 15:14:11 น.  

 

ลำปางสวยครับ

 

โดย: SertPhoto 19 มีนาคม 2565 16:49:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


กิ่งฟ้า
Location :
ลำปาง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 34 คน [?]




หลังไมค์จ้าคนดี
https://pic.pimg.tw/joyceshek/1309912998-0967b851b0ec7371d4eacf63da30184b.jpg
New Comments
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2565
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
11 มีนาคม 2565
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add กิ่งฟ้า's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.