Bloggang.com : ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์ :

"ดวงตา" จูงเพื่อนแจงบัญชี...มีปัญหาธนาคารใกล้ยึดบ้าน ส่อย้าย "ลินดา" อยู่บ้านคนชรา

''เจ๊ตุ๊ก'' ดวงตา ตุงคะมณี จูงผองเพื่อนหลายคน อาทิ ''เจ๊ตุ๋ย-นวลปราง'' แถลงข่าวชี้แจงที่มายอดเงินของบัญชีธนาคาร ตุ๊ก กับ ตุ๋ย เปิดเพื่อช่วยเพื่อน และทำด้วยใจที่เป็นกุศล เผยอาการลินดาแม้จะไม่โอเคร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ดีวันดีคืน แจ้งข่าวดีจะย้ายเข้าไปพักรักษาตัวที่ รพ.รามาธิบดี ทันทีที่แผลบริเวณลิ้นหาย ไม่มีการติดเชื้อ ชี้ในอนาคต ลินดาอาจจะต้องย้ายตัวไปอยู่ในเนสเซอรี่ หรือ สถานสงเคราะห์ที่ใดที่หนึ่งเพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายบวกกับจะได้มีคนดูแล ที่ฟังแล้วอึ้ง! ไปกว่านั้นก็คือว่า นอกจากจะเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีก และโดนมะเร็งที่โคนลิ้นรุมแล้ว อดีตนางแบบสาวผู้โชคร้ายยังต้องเผชิญกับปัญหาด้านที่อยู่อาศัย ธนาคารจะยึดบ้าน!!

หลังจากที่ทางสยามดาราได้นำเสนอข่าวคราวความเคลื่อนไหวของอดีตสาวแกร่ง และเก่งของวงการบันเทิง ลินดา ค้าธัญเจริญ ที่ประสบอุบัติเหตุลื่นล้มในห้องน้ำ จนทำให้เป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีก ภายหลังจากที่เยียวยาจนโอเคขึ้นในระดับหนึ่ง ลินดาต้องประสบกับมรสุมอีกครั้ง เมื่อเธอโดนมะเร็งที่ลิ้นรุมทำร้าย และได้พักรักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพไปแล้ว

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีเรื่องมีราวกระแสข่าวเกิดขึ้นมากมาย อาทิ ข่าวที่สองเพื่อนซี้ของลินดา อย่าง ''เจ๊ตุ๊ก-ดวงตา'' และ ''เจ๊ตุ๊ก-เดือนเต็ม'' เกิดความขัดแย้ง รวมไปถึงบัญชีเพื่อนช่วยเหลือลินดา ซึ่งตอนนี้มีอยู่ 2 บัญชี คือ บัญชีชื่อของลินดาเอง และ บัญชีที่เปิดในชื่อของ ''เจ๊ตุ๊ก'' ดวงตา ตุ๊กคะมณี และ ''เจ๊ตุ๋ย'' นวลปราง ตรีชิต สำหรับบัญชีหลังนี้ เจ๊ตุ๊กเพิ่งจะเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้ในรายการ โต๊ะข่าวบันเทิง และเป็นบัญชีที่เจ๊ตุ๊กและเจ๊ตุ๋ยเปิดขึ้นเพื่อให้เพื่อนดาราบริจาคสมทบให้กับลินดา โดยที่ลินดา ตลอดจนญาติไม่ทราบเรื่อง จนทำให้เกิดความคลางแคลงใจในบัญชีดังกล่าว เจ๊ตุ๊กเองถูกเพ่งเล็ง และถูกประณามทางอินเทอร์เน็ตอีกด้วย เรียกว่าช้ำสุดจะทน

ที่สุดเลยต้องออกมาแถลงข่าวในเรื่องบัญชี ค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งในแต่ละครั้งที่มีการเบิกจ่าย หรือมียอดเงินเข้ามาจะมีการจัดทำอย่างละเอียด โปร่งใส

โดยในงานวัน ''เจ๊ตุ๊ก-ดวงตา'' เปิดใจ ได้รับความเอื้ออาทรจาก ''เจ๊ไก่'' วรายุธ มิลินทจินดา อำนวยความสะดวกเรื่องสถานที่ เพราะไหนๆ ในวันพุธที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทางเจ๊ไก่ก็ทำการบันทึกเทปรายการอลหม่านจานเด็ดอยู่แล้ว โดยได้นัดสื่อฯ มารวมพล ฟังดวงตาและผองเพื่อน สักขีพยาน อันประกอบไปด้วย ''มี๊'' พิศมัย วิไลศักดิ์, พิมพ์แข กุญชรฯ, ''เจ๊จิ๋ม'' มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช, ''เจ๊ไก่'' วรายุธ มิลินทจินดา, ''โย'' ทัศวรรณ เสนีย์วงศ์ฯ, ''น้อย'' ฉวีวรรณ บุญปรก

วันนี้เจ๊ตุ๊กออกตัวเลยว่า อยู่วงการมานาน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ตนตัดสินใจแถลงข่าว ซึ่งมีประเด็นต่างๆ ดังต่อไปนี้

แจ้งอาการของ ลินดา ค้าธัญเจริญ ณ วันนี้ ดี๊ ดี

''หมอผ่าเพื่อเอาต่อมน้ำเหลืองออกแล้วก็ตัดลิ้น แล้วมีเจาะช่อง เทน้ำเหลืองออก ตอนนี้มันสามารถที่ติดเชื้อได้อยู่ หมอบอกว่าถ้าเป็นไปได้งดเยี่ยมไปก่อนเพื่อให้คนไข้หายดีไปเลย หลังจากนั้นเป็นเรื่องของการฝึกพูด ให้ดากินอาหารเอง เคี้ยวอาหารเอง ไม่ใส่ท่อ พี่ดาเป็นอัมพฤกษ์ด้านซ้าย ดังนั้นความรู้สึกของลิ้นทางด้านซ้าย ประสาทรับรู้ความรู้สึกทางด้านซ้ายจะไม่มีไปด้วย แล้วลิ้นที่เป็นมะเร็งนี่จะเป็นทางด้านขวา ซึ่งไอ้พวกที่รับรู้รสชาติอาหารทางด้านขวานี่ถูกตัดออกไปโดยเอาเนื้อที่แขนไปปะทำลิ้นครึ่งซีกใหม่ ทีนี้เวลาที่เขาเจ็บจากแผลจากคอนี่เขาจะกัดลิ้นตัวเอง แล้วกัดไปโดนลิ้นข้างซ้าย ตัวเขาเองไม่ค่อยรู้สึกเพราะว่าเป็นข้างที่ป่วยอยู่ ดังนั้นตอนนี้เริ่มมีแผลที่ลิ้นทางด้านซ้าย อันเนื่องมาจากการที่เขาไม่รู้สึกที่ลิ้นด้านซ้าย หมอต้องพยายามรักษาทำแผลที่ด้านซ้ายให้มันหายเยอะๆ มีอยู่วันหนึ่ง พี่ตุ๋ย (นวลปราง ตรีชิต) ไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล เขาบอกว่ากลิ่นมันไม่ค่อยดีมีน้ำเหลืองใสๆ ออกมา อาจจะเป็นจากแผลที่พี่ดาเขาไปกัด พอถามหมอว่าเออข้างขวาไม่ใช่เป็นเนื้อลิ้น เป็นเนื้อแขน เขาไม่รู้สึกรสชาติอาหาร และทางด้านซ้ายเป็นด้านที่ไม่มีความรู้สึก ทีนี้ถามว่าจะรับรู้รสชาติอาหารคงน้อยมาก แต่สามารถเคี้ยวอาหารกินเองได้ก็โอเคแล้ว เพราะถ้าเขาทานอะไรไม่ได้นี่ร่างกายจะทรุดโทรมเร็ว''

แจ้งข่าวดี รพ.รามาฯ รับเป็นคนไข้ หาย (เกือบ) ดีเหมือนไหร่ ย้ายไปพักที่รามาฯ ได้ทันที

''และมีข่าวดีมาบอกอย่างหนึ่งก็คือ เมื่อวันที่ 3 ที่ผ่านมา ที่นี่เขาจัดงานหาเงินสร้างตึกให้กับทางโรงพยาบาลรามาฯ พี่เองไปรับโทรศัพท์ให้ แล้วรับโทร.แล้วได้คุยกับทางคุณหมอของโรงพยาบาลรามาฯ ได้คุยกับคุณหมอปกรณ์ ทางคุณหมอพาพี่ไปพบคณบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ศาสตราจารย์นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน ท่านบอกว่าติดตามข่าวพี่ลินดามาตลอด ท่านเปิดไฟเขียวว่าพี่ลินดาจะไปเมื่อไหร่ก็ให้ไปได้เลย และเมื่อวันที่ 5 คุณหมอปกรณ์ได้มาเยี่ยมพี่ลินดา ที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการ พร้อมกับได้คุยกับหมอสมศักดิ์เจ้าของไข้ คุยกันเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ทางรพ.กรุงเทพ จะดูแลพี่ลินดาจนกว่าจะหาย แผลหายทุกอย่างดี ไม่มีการติดเชื้อ ไม่มีเน่าปุ๊บ จะให้ย้ายไปอยู่ที่โรงพยาบาลรามฯ เพื่อทำคีโมบำบัด ร่วมกับการฉายแสงที่โรงพยาบาลรามาฯ และทางคุณหมอทางรามาฯ มาดูห้องพักที่โรงพยาบาลกรุงเทพ และบอกพวกเราว่า เพื่อความสบายใจและความสะดวกสบายของคนไข้และคนที่มาเยี่ยม จะพยายามจัดห้องที่ดูแล้วเทียบเท่ากับห้องที่พี่ดานอนอยู่ ณ วันนี้ จะทำให้ดีที่สุดต้องกราบขอบพระคุณคุณหมอที่โรงพยาบาลรามาฯ เราไม่รู้จัก โดยเฉพาะพี่ดา มี 30 บาท อยู่ที่โรงพยาบาลเพชรเวช และในตอนแรกเราทำเรื่องจากเพชรเวชส่งไปที่รามาฯแต่ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ต้องตัดสินใจว่าจะต้องรีบผ่าตัดเลยต้องผ่าตัดที่กรุงเทพต่อ หลังจากนั้นคงย้ายไปรามาฯ แต่คงอีกสักพัก''

เปิดสมุดบัญชีของ ''ลินดา'' เหลือ ตั้ง 3 ล้านกว่า

''ทีนี้เรามาคุยถึงเรื่องเงินในบัญชีของคุณลินดาก่อน เงินที่มีคนโอนบริจาคมาเป็นเงินในบัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขาย่อยรามคำแหงซอย 28 หมายเลขบัญชีคือ 2430547568 (พี่ตุ๋ยโชว์สำเนาบัญชีที่ถ่ายเอกสาร'' พี่ตุ๊กพูดต่อ อันนี้พี่ลินดาให้พี่ตุ๊กกับ พี่ตุ๋ย ถือสมุดบัญชีไว้ แล้วถือเอทีเอ็มไว้ โดยบอกโค้ด คือถ้าไม่บอกโค้ดเราก็ไม่ได้ พี่ดาบอกมา เรามีการเบิกจากเอทีเอ็มออกมา 3 ครั้ง ด้วยกัน ให้พี่ตุ๋ย (นวลปราง ตรีชิต) ชี้แจง เพราะว่าพี่ตุ๋ยทำตรงนี้อยู่

ครั้งแรก

กดเอทีเอ็มออกมา 50,000 บาท มีใบเสร็จ กดออกมาเพื่อใช้จ่ายค่าโรงพยาบาล เอทีเอ็มกดได้ครั้งละ 25,000 บาท กดได้ 2 ครั้ง ถ่ายเอกสารเอาไว้ เพราะว่าเอทีเอ็มไม่กี่วันซีด เมื่อวันที่ 28 แล้วมาตัดบัญชีค่าใช้จ่ายโรงพยาบาล ซึ่งอันนี้มีใบเสร็จ

ครั้งที่ 2

กดมาแสนห้า กดวันที่ 29 เดือน 4 ต้องกด 6 ครั้ง ในหนึ่งแสนห้านี่มีคุณอ้วนมารับมอบไปจากบ้านพี่ เพราะพี่ตุ๊กกับพี่ตุ๋ยไม่ว่าง มารับมอบเพื่อเอาไปใช้จ่ายในบัญชีค่าใช้จ่ายต่างๆ มีเพื่อนเค้าไปออกเงินให้ก่อนเลยต้องเอาเงินจำนวนนี้ใช้ให้ไปแล้วต่อมาเป็นบิลค่าใช้จ่าย ค่าไฟฟ้า 4 พันกว่า ค่าโทรศัพท์พี่ดาไม่ได้จ่าย ตัดไป ไปจ่ายให้ และอันนี้เงินที่เหลือ มาตัดเข้าบัญชีโรงพยาบาลกรุงเทพ

ครั้งที่ 3

กดมาแสนห้าอันนี้จ่ายโรงพยาบาลเพียงอย่าเดียว ในแสนห้าจ่ายค่าคนอุ้มลินดา 2 คน คนละ 8 พันบาท แล้วมีค่ากับข้าว พูดง่ายๆ ตอนนี้เป็นแม่บ้านในลินดา จ่ายแทนเขาหมด ยอดบริจาคทั้งหมดตั้งแต่วันรับบริจาคมา รวมเรากดออกมาด้วย รวมเกือบ 4 ล้าน ประมาณ 3 ล้านเก้ากว่า เกือบ 4 ล้าน และยอดสุดท้ายเมื่อไปอัพเดตวันที่ 5 ยอดเหลือ 3 ล้าน 5 แสน (3,549,543.04 ) หลังจากหักค่าใช้จ่ายที่โรงพยาบาล 3 ครั้ง วันนี้ (วันที่ 7 พฤษภาคม) ยังไม่ได้ไปอัพเดต อาจจะมีเพิ่มเข้ามาอีก คือตอนนี้เราไม่สามารถมีสมุดแบงก์เลย เพราะว่าคนบริจาคมา (พูดพร้อมโชว์เอกสารที่ถ่ายมา พร้อมบอกว่าห้ามฉีกห้ามดึง เพราะว่าเป็นหลักฐาน)''

แจงบัญชี เพื่อนช่วยเพื่อน...ลินดา ที่คิดโดย ''ตุ๊ก-ดวงตา''

''อันนี้เป็นบัญชีที่ ''พี่ตุ๊ก-ดวงตา'' และ ''พี่ตุ๋ย-นวลปราง'' วันที่เราไปเปิดบัญชีวันแรก วันที่ 10 เดือน 1 พี่ลินดาเข้าโรงพยาบาลแล้วรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งคือวันที่ 20 กว่า เดือนเมษายน (ช่วงนี้พี่ไก่พูดขึ้นว่า ''พี่ตุ๊กพูดกับพวกเราตอนที่ไปทำบุญไหว้พระ 9 วัด ตุ๊กบอกว่าพวกเราทำบุญกันเยอะอยู่แล้ว แล้วทำไมไม่ทำบุญช่วยเพื่อนบ้างล่ะ ตุ๊กเขาบอกว่าจะตั้งมูลนิธิ หรือ บัญชีเพื่อนช่วยเพื่อน) ก็บอกว่าไม่ต้องให้เป็นเงินก้อน เปิดบัญชี ใครพอใจจะให้ อยากทำเท่าไหร่ ใส่มาเลย ขอทุกเดือนนะ เก็บไว้เป็นเงินก้อนสุดท้ายของเขา ตอนนั้นยังไม่ได้เกิดอะไรขึ้นเลย เพียงแต่เราไปเห็นอาการของลินดา บัญชีนี้แทบไม่ได้ถอนเลย ยอด ณ วันที่ 6 ประมาณ 3 แสน 7 แล้วเรามาเขียนว่าเป็นชื่อใคร''

แจ้งอนาคตลินดาอาจต้องพึ่งพาสถานสงเคราะห์

''คือเซฟค่าใช้จ่ายให้เขา เพราะตอนนี้ต้องจ้างคนมาอุ้มเขาเดือนละหมื่นกว่าบาท ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทร.ที่บ้าน เพราะว่าที่บ้านค่าใช้จ่ายเยอะมาก แล้วพี่ดามีปัญหาหนี้สินกับทางแบงก์ มันอาจจะมีปัญหาเรื่องบ้าน อันนี้พูดตามตรง อันที่จริงไม่อยากพูดเหมือนเอาเพื่อนมาขาย แต่ว่าเราต้องพูด บ้านเรายังไม่แน่ใจว่ามีปัญหากับทางแบงก์เมื่อไหร่ เรามองการณ์ไกลไว้ว่าอาจจะต้องเอาพี่ดาไปอยู่บ้านพักฟื้นคนป่วย คนชรา หรือคนอาวุโส ตรงนั้นเราสามารถเซฟค่าใช้จ่ายได้ แต่เราต้องเอาเงินไปให้เขา เพียงแต่ค่าใช้จ่ายไม่มะรุมมะตุ้มขนาดนี้ และถามดากัน พอถามเสร็จสะท้อนใจว่า ถ้าจำเป็นตัวจะไปอยู่เนิร์สเซอรี่ได้มั้ย เราใช้คำว่าเนิร์สเซอรี่ เขาบอกว่า...ได้''

แจงถูกมองครหาไม่โปร่งใส สุดจะทนนิ่งอยู่ได้

''ที่มันมีเหตุขึ้นมาเพราะว่าวันที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา ได้รับเชิญไปออกรายการโต๊ะข่าวบันเทิง ทางพี่แหม่มก็ถามว่าได้ช่วยอะไรพี่ลินดา เรารู้สึกว่าเราบริสุทธิ์ใจเลยเอาให้เขาดูว่า พี่กับพี่ตุ๋ยทำแบบนี้ ทำก่อนหน้านี้ เขามีความรู้ว่าเรามีใจที่เป็นกุศล เลยเอาบัญชีอันนี้ไปขึ้นคู่กับบัญชีลินดา เพื่อให้คนดู เท่านั้นเป็นเรื่อง ปรากฏว่ามีคนบริจาคเข้ามาบ้าง 200, 100, 1,000 ซึ่งอาจจะเป็นเพราะคนไว้ใจ เลยมีคนครหาว่าเราสองคนเปิดบัญชีให้คนโอนเงินเข้ามาที่เรา 2 คน ถามหน่อยเถอะว่าคนโอนเงินเข้ามา 50 บาท จะไปโกงเขาได้มั้ย คนที่มี 50 แสดงว่าฐานะเขาไม่ดี แต่เขามีจิตที่เป็นกุศล คนที่คิดว่าพี่กับพี่ตุ๋ยเอาเงินอันนี้ไป คิดได้ไง ที่ออกมาชี้แจงในวันนี้ไม่ใช่คิดว่าจะมาแก้ตัวนะเพราะว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เป็นการชี้แจงให้ทราบ ทุกอย่างพี่โปร่งใสมาตั้งแต่แรก

(มาถึงตรงนี้ทางเจ๊ไก่คุยเสริมข่าวว่า...คือเราไม่ได้ไปรื้อฟื้นเหตุการณ์เก่าๆ ที่ผ่านมา เป็นเงื่อนงำว่าเงินหายไปไหน 7-8 ล้าน เราไม่รู้ เพราะว่าเราไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่มีใครเข้าไปยุ่ง ทุกครั้งที่เราพูดเราไม่เคยบอกว่าใครเอาไป เพระว่าตอนนั้นเราสองคนเข้าไปดูแลเพื่อน พาไปกินข้าว ไปนั่งรถ ไม่ได้เข้าไปยุ่งเรื่องเงิน เพราะเงินเป็นชื่อพี่ชายพี่ลินดา เขาดูแลเขาไป แต่นี่พี่ดาเขาเขียนว่า เงินหมดไปกับการรักษาพยาบาล และอยากบอกว่าบัญชีพี่ตุ๊กกับนวลปรางนี่ เพื่อความสบายใจของทุกๆ คน กรุณาโอนเงินเข้าบัญชีลินดา บัญชีเดียว แต่บัญชีของตุ๊กกะตุ๋ยนี่จะเป็นการทำในหมู่ของพวกเรา แต่สำหรับท่านผู้ชมทั่วไป เข้าบัญชีพี่ดาได้เลย เพราะบัญชีนั้นเราดูแลให้ และได้ทำบัญชีอย่างละเอียด''

ย้ำชัดแจ๋ว ไม่เกาเหลากับ ''เจ๊ตุ๊ก-เดือนเต็ม''

''เรื่องเคลียร์สำหรับพี่ๆ ไม่มีอะไรจะต้องเคลียร์ เพราะว่าไม่ได้ทำอะไรผิด พี่มีแต่สิ่งที่พี่จะชี้แจง ส่วนที่ไปเขียนกันว่าพี่ไปปะทะกัน อะไรกัน พี่เป็นคนเสียงดัง วันนั้นกำลังจะย้อนไปพูดเรื่องเก่าๆ เราบอกว่าพอเถอะ เราไม่ต้องพูดถึงมัน เอาเถอะ เรามาพูดถึงสิ่งใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งวันนั้นอาจจะเป็นเพราะไม่เข้าใจความหมาย แล้วมีนักข่าวบอกว่าหากพี่คาใจก็เคลียร์กันสิ มันจะไปจุดชนวนหรือเปล่าไม่ทราบ พี่ก็เอ๊ะ ทำไมนักข่าวถามอย่างนี้เหมือนกับว่าพี่กับพี่ตุ๊กเดือนเต็มมีอะไรกัน ซึ่งเราไม่เคยมีอะไรกันเลย ตอนนี้กลายเป็นว่าตอนนี้นักข่าวเขียนว่า ''พี่ตุ๊ก-เดือนเต็ม'' ฝั่งหนึ่ง ''พี่ตุ๊ก-ดวงตา'' ฝั่งหนึ่ง เราไม่ใช่นักมวยมาสู้กันนะ ไม่เคยเป็นอย่างนั้นมาก่อนเลยนะ เพียงแต่ว่าเมื่อเขียนข่าวไปแนวนั้น คนที่อ่านตีความหมายกันไป พออ่านนักข่าวคนนั้นชอบคนนั้นเข้าข้างคนนั้น เป็นการเสี้ยมให้คนตีกัน จริงๆ แล้วไม่ได้เป็นอย่างนั้น เวลาที่พูดกับเพื่อนสนิทเสียงเหมือนทะเลาะ เฮ้ย อะไรวะ จะพูดอะไร ถ้าทะเลาะกัน พี่ไม่ต้องมานั่งพูดอะไรแบบนี้ พี่ไปตีกันนานแล้ว ไม่มีจริง วันนี้ ''ตุ๊ก-เดือนเต็ม'' ไม่มาด้วย เอาอย่างนี้เมื่อวานเจอ ''พี่ตุ๊ก-เดือนเต็ม'' ที่รายการหนึ่ง ไปทำบุญ นั่งติดกัน จับมือคุยกัน ถามเขา ''เฮ้ยมึงกับกรูไม่มีเลยใช่มั้ย'' เขาก็บอกว่า ''ก็ใช่นะสิ'' แต่น้ำเสียงออกมาเสียงดัง คิ้วขมวด ก็บอกว่า อย่าเสียงดัง อย่าขมวดคิ้ว เดี๋ยวคนเขาจะหาว่าเราทะเลาะกัน เราพูดติดตลกให้เขาคลาย พี่ตุ๊กเขาอาจจะมีเรื่องเครียดในหลายเรื่องชอบขมวดคิ้ว เขาบอกว่า ''ชั้นไม่มีอะไรกับเธอ'' พูดถามตรงถ้าคนมีปัญหาคาใจกัน อย่ามานั่งติดๆ กันเลย ชั้นไม่อยากนั่งใกล้เธอ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เมื่อวานร่วมเล่นเกม ทำบุญ และพี่ตุ๊กเล่าอะไรให้ฟังตั้งเยอะ กับเรื่องที่ผ่านมา เขาเล่าเราเข้าใจ เป็นอันว่าเข้าใจ''

แจงเหตุไม่ชวน ''เจ๊ตุ๊ก-เดือนเต็ม'' มาร่วมแถลง

''วันนี้ที่มานี่บอก..เฮ้ยตุ๊กวันนี้ที่มานี่ไม่ได้ชวนแกนะ เพราะว่าไม่ได้เกี่ยวกับแก ชั้นเคลียร์เรื่องบัญชีของชั้น ตุ๊กก็บอกว่าโอเคเข้าใจ คุยกันแล้ว ซึ่งเขาเข้าใจว่าเป็นเรื่องของการมาชี้แจงสิ่งที่ทำอยู่ และเรื่องบัญชี ตอนนี้เหนื่อยใจ คือบางทีเราเล่นละครเป็นนางมารร้าย แล้วหน้าตาเราเป็นอย่างนี้ แล้วจะเป็นคนเสียงดังฟังชัด พูดไม่เพราะจะไปหมดเวลาที่พูด คนมองว่า ร้าย เล่นละครก็ร้าย แล้วให้ทำไงล่ะ เป็นตัวเรา วันไหนที่พี่มาสงบเจี๋ยมๆ น้องก็ต้องบอกว่าไม่ใช่พี่ ขอให้เข้าใจ แต่อยากจะบอกว่า วันนี้มี๊เป็นบุคคลที่คนทั่วไปเคารพ และอุตส่าห์ขับรถมาจากถนนพิชัย ซึ่งไม่ใช่ใกล้ๆ มี๊บอกว่าวันนั้นมี๊อยู่ในเหตุการณ์ในวันที่พี่บอก คือจริงๆ มีเยอะกว่านี้นะ เราทำอะไรผู้ใหญ่รับรู้แล้วคิดว่าพี่จะทำอะไรที่แย่ๆ ได้หรือ เพราะถ้าทำอะไรที่แย่ๆ 2 คน นี้สามารถทำอะไรพี่ได้ง่ายๆ ระงับอะไรได้ง่ายๆ สบายๆ เลย พี่หมดอนาคตไปเลย''

และทั้งหมดนี้เป็นความในใจของ ''เจ๊ตุ๊ก-ดวงตา'' ระบายออกมาหลังจากที่เก็บกดมานาน

ที่มา
สยามดารา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"ดวงตา" เต้น! โต้ไม่ได้อมเงิน "ลินดา" พร้อมเคลียร์ข่าวทะเลาะ "เดือนเต็ม"

Create Date : 08 พฤษภาคม 2551

0 comments

Last Update : 8 พฤษภาคม 2551 10:40:59 น.

Counter : 1358 Pageviews.