ตอนที่ 3 มาไหว้พระนอนที่วัดใหญ่ชัยมงคล ตามประสาคนเกิดวันอังคารที่มีพระนอนเป็นพระประจำวันเกิด
หลังจากไปอัพบล็อกทำบุญก่อนวันเกิดที่จ.เชียงใหม่ 18-19 กรกฎาคม 2555 คุณนายอุ้มก็เกิดอาการนึกขึ้นได้ว่ายังเหลือภาพที่ไปไหว้พระนอนที่จ.พระนครศรีอยุธยาอีก 1 วัด ในฐานะที่เป็นวัดประจำวันเกิดวันอังคารเป็นวัดที่ 3 คือวัดใหญ่ชัยมงคล หากคุณๆ จำได้วัดที่ 1 วัดพนมยงค์ วัดที่ 2 วัดโลกยสุทธา คลิกชมภาพเอาเองอยู่ด้านล่างขวามือเจ้าค่ะ ว่าแล้วก็โบกรถหัวกบมาที่วัดใหญ่ชัยมงคลในบัดดลเจ้าค่ะดั่งเป็นที่ทราบอันดีว่าวัดต่างๆ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจะปิดประตูวัดในเวลา 17.00 น. เพราะช่วงนี้พวกมารสังคมขโมยเศียรพระ ขโมยตู้ใส่เงินบริจาคเพียบจึงจำเป็นต้องมีเวลาปิด-เปิดวัดค่ะ ดังนั้น คุณนายอุ้มจึงมีเวลาจำกัดในการถ่ายภาพวัดใหญ่ชัยมงคลเพียง 40 นาทีค่ะ โชคดีที่วัดใหญ่ชัยมงคลจะมีผู้คนศรัทธาทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ดังนั้น วัดนี้ผู้คนพลุกพล่านเดินไปมาเพียบสะดวกในการให้เขาถ่ายภาพให้ภาพอุ้มเลยเพียบเลยค่ะ อิอิอิวัดนี้ตามพงศาวดารสันนิษฐานทางหนึ่งว่า เดิมพระเจ้าอู่ท่องทรงสร้างเมื่อ พ.ศ.1900 หลังการสร้างกรุงศรีอยุธยาได้ไม่นานนัก โดยพระองค์ให้ขุดพระศพของเจ้าแก้วเจ้าไทย ที่สิ้นพระชนม์ด้วยอหิวาตกโรคเอาขึ้นมาเผาเสียและที่ปลงพระศพนั้นให้สถาปนาพระเจดีย์และพระวิหาร สำหรับเป็นสำนักของพระสงฆ์ที่บวชเรียนมาจากสำนักของพระวันรัตนมหาเถระในลังกา ที่เน้นทางวิปัสสนาธุระถือการบำเพ็ญภาวนาเป็นสำคัญคณะสงฆ์นี้ได้เป็นที่เคารพเลื่อมใสแก่ชาวกรุงศรีอยุธยาเป็นอันมาก ทำให้ผู้คนต่างมาบวชเรียน ในสำนักพระวัดรัตนมหาเถระในลังกาทวีปเรียกนามนิกายนี้ว่า "คณะป่าแก้ว" จึงได้นามว่าวัดป่าแก้ว ต่อมาคนทั้งหลายพากันเสื่อมใสบวชเรียนพระสงฆ์ นิกายนี้จึงเจริญแพร่หลายจริงๆ แล้วเมื่ออกจากวัดโลกยสุธาแล้วอุ้มลังเลใจว่าจะไปวัดหน้าพระเมรุ เพราชอบพระประธานของวัด หรือจะไปกราบพระนอนที่วัดใหญ่ชัยมงคล อุ้มก็เลยขึ้นรถหัวกบถ้าผ่านวัดไหนก่อนก็ลงวัดนั้น เพราะมีเวลา 40 นาที จะ 17.00 น. ต้องรีบทำเวลาปรากฎว่ารถผ่านวัดใหญ่อุ้มก็เลยได้มากราบพระนอนเจ้าค่ะ ทริปนี้เลยเป็นพระนอนครบ 3 วัดเลยค่ะ มีการยังแอบหวังไว้ว่าทริปหน้าจะต้องมาไหว้พระนอนที่วัดสะตือ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยาให้ได้ค่ะว่าแล้วก็มาต่อประวัติวิหารพระนอนกันดีกว่าเน๊าะ จากป้ายเยื้องๆ ที่แม่ชีขายดอกไม้ชุดละ 10 บาท อุ้มใส่ตู้บริจาคไป 20 บาทเลยค่ะ เขียนบอกไว้ว่า วิหารพระพุทธไสยาสน์สร้างในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อเป็นที่สักการะและปฏิบัติพระกรรมฐานพระพุทธรูปพร้อมกันนั้นให้สร้างวิหารพระพุทธไสยาสน์เพื่อเป็นที่ถวายสักการะและบูชาพระปฏิบัติกรรมฐาน ปัจจุบันวิหารแห่งนี้หลงเหลือเพียงเสาสองต้นและกำแพงบางส่วนหลังองค์พระพุทธไสยาสน์ ซึ่งได้รับการปฏิสังขรณ์ใหม่ในปี พ.ศ.2508 ซึ่งตรงกับปีเกิดอุ้มพอดีเลยค่ะพี่น้องซึ่งเชื่อกันว่าถ้าใครได้มาสักการะพระนอนวัดใหย่ชัยมงคลแห่งนี้ ถือว่าจะเด่นในเรื่องการอภัยทานเพราะหากมีเรื่องอันใดเกิดขึ้นก็จะได้รับการ และมีเมตตามหานิยม ที่ใครเห็นใครชอบน่ะค่ะพระราชาธิบดีจึงตั้งอธิบดีสงฆ์นิกายนี้เป็นสมเด็จพระวันรัตน มีตำแหน่งเป็นสังฆราชฝ่ายขวาคู่กับพระพุทธโฆษาจารย์เป็นอธิบดีสงฆ์ฝ่ายคันถธุระคือสังฆราชฝ่ายซ้าย และวัดนี้เป็นที่สิงสถิตของสมเด็จพระสังฆราชจึงได้ชื่อว่า "วัดเจ้าพญาไท" สำหรับพระอุโบสถของวัดนี้พระเฑียรราชาเคยมาเสี่ยงเทียนอธิษฐานแข่งบารมีกับขุนวรวงศาธิราช ก่อนที่จะได้ราชสมบัติมีเรื่องราวหนึ่งในพงศาวดารของวัดป่าแก้วว่าในอุโบสถของวัดเคยเป็นที่ซึ่งคณะ คิดกำจัดขุนวรวงศาธิราชกับท้าวศรีสุดาจันทร์มาประชุมเสี่ยงเทียนอธิษฐาน และทำการเป็นผลสำเร็จ จึงอัญเชิญพระเฑียรราชาลาผนวชขึ้นครองราชสมบัติทรงพระนามว่า สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ พ.ศ. 2104 ในรัชกาลของสมเด็จพระมหาจักรพรรดินั้นเองได้มีพระบรมราชโองการให้เอาสังฆราชวัดป่าแก้วไปสำเร็จโทษ ฐานฝักใฝ่ให้ฤกษ์ยามแก่ฝ่ายกบฎพระศรีศิลป์ในแผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระมหาอุปราชาแห่งพม่าได้ยกกองทัพเข้าตีกรุงศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ. 2135 หมายจะปราบปรามเมืองไทยไว้ในอำนาจสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงยกกองทัพออกไปต่อสู่กับข้าศึกจนได้ชนช้างกับพระมหาอุปราชา ที่ตำบลหนองสาหร่าย แขวงเมืองสุพรรณบุรี แต่หลายคนบอกมาว่าถ้ามาวัดใหญ่ชัยมงคล จ.พระนครศรีอยุธยา ห้ามพลาดที่จะต้องมาเสี่ยงเซียมซี เพราะคำทำนายจะแม่นมากๆ ค่ะ ว่าแล้วอุ้มก็เสี่ยงเซียมซีซะหน่อย อ่านเอาเองค่ะว่าแล้วก็มาว่าประวัติต่อนะคะ ครั้นเมื่อเสร็จสงครามแล้ว สมเด็จพระนเรศวรมหาราชมีชัยชนะทรงฟันคู่ต่อสู้สิ้นพระชนม์บนคอช้าง แต่ครั้งนั้นไม่สามารถจะตีกองทัพของข้าศึกให้แตกแยกยับเยินไปได้เนื่องจากกองทัพต่างๆ ติดตามไปไม่ทันพระองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชจึงทรงพิโรธแม่ทัพนายกองเหล่านั้น จะให้ประหารชีวิตแม่ทัพนายกองที่ตามเสด็จไปไม่ทันเสียให้หมดสมเด็จพระวันรัตนวัดป่าแก้วถวายพระพรขอพระราชทานโทษไว้แล้วทรงแนะนำให้ทรงสร้างเจดีย์ ไว้เป็นที่ระลึกเพื่อเฉลิมพระเกียรติยศที่ได้มีชัยชนะอันยิ่งใหญ่ในครั้งนั้นสมเด็จพระนเรศวรมหาราชจึงโปรดฯ ให้สร้างเจดีย์ใหญ่ขึ้นที่วัดแห่งนี้เจดีย์ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงสร้างขึ้นที่วัดนี้ขนานนามว่า "พระเจดีย์ชัยมงคล" ต่อมาจึงเรียกชื่อวัดนี้ว่าวัดใหญ่ชัยมงคลค่ะทางด้านทิศตะวันออกของพระเจดีย์ชัยมงคลทรงสร้างพระอุโบสถหลังใหญ่ ยังมีซากให้เห็นอยู่จนทุกวันนี้ ได้แก่ ด้านเหนือพระอุโบสถปัจจุบัน มีผนังพระอุโบสถเดิม ก่อด้วยอิฐถือปูนหนาประมาณ 40 เซนติเมตร เหลือซากให้เห็นอยู่ค่อนข้างสมบูรณ์แต่ก็ซวนเซเต็มทีอาศัยความหนาจึงทรงตัวอยู่ได้ ผนังด้านทิศใต้เหลือซากผนังด้านหน้าและด้านหลังพระอุโบสถเพียงเล็กน้อยนอกนั้นกลายเป็นอิฐหักกากปูนทับถมกันอยู่พระเจดีย์ชัยมงคลนับเป็นปูชนียวัตถุอันสำคัญยิ่งอย่างหนึ่งของชาติไทย เพราะเป็นนิมิตรหมายของเอกราชของชาติและเป็นเครื่องเตือนใจให้ระลึกถึงความกล้าหาญเสียสละ ที่สมเด็จพระมหาวีรราชเจ้าและวีรบุรุษของชาวไทยได้มีมาในอดีต อันเป็นผลตกทอดมาถึงคนไทยทุกคนในปัจจุบันนี้ในวิถีแห่งชีวิตทุกทาง นอกจากนั้นยังเป็นเครื่องหมายแห่งชาวไทยทั้งมวล ที่ได้ร่วมมือกันกอบกู้เอกราชของชาติและธำรงไว้ซึ่งเอกราชนั้นตลอดมา เป็นสิ่งเตือนใจให้คนรุ่นหลังได้ทำกิจการงานทั้งปวงตามหน้าที่ของแต่ละบุคคลโดยสุจริต และความพากเพียร เพื่อให้ชาติไทยนั้นได้อยู่ได้โดยเสรีและเป็นปกติสุขพระเจดีย์ชัยมงคลนี้ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งการอภัยทานของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช อันเนื่องมาจากธรรมอันประเสริฐแห่งพระพุทธศาสนา ซึ่งได้มีอิทธิพลเหนือชีวิตและความเป็นอยู่ของคนไทยมาแต่โบราณกาลจนเป็นวิสัยในจิตใจทั้งปวงถึงทุกวันนี้ พระเจดีย์ชัยมงคลซึ่งสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงสร้างประมาณว่า มีความสูงจากพื้นดินราว 1 เส้น 10 ค่ะภาพเศียรพระพุทธรุปที่ฐานพระเจดีย์ชอบพระเจดีย์ใหญ่ฯ มุมนี้จังพอดีเหลือบไปเห็นแมวในวัดเยอะมาก เลยเก็บตกภาพมาฝากน้องสาว sawkitty น้องแมวน่ารักเน๊าะนอกจากนี้แล้วไปไหว้พระวัดใหญ่ชัยมงคลอย่าลืมเดินข้ามสะพานไปนมัสการศาลสมเด็จพระนเรศวร ภายในวัดยังเป็นที่ประดิษฐานศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2544 ภายในศาลมีรูปปั้นขององค์สมเด็จพระนเรศวรประทับในท่านั่งหลั่งน้ำสุวรรณภิงคารประกาศอิสระภาพ จะเห็นว่ามีประตูกระจกกั้นองค์ฯ อีกชั้นหนึ่งมิให้ใครเข้าไปภายในสงสัยไหมคะว่าทำไมอุ้มแปะภาพสมเด็จพระนเรศวร 2 ภาพเหมือนกัน จริงๆ แล้วตอนถ่ายภาพนี้เป็นเวลา 17. 00 น. พอดี เจ้าหน้าที่กำลังเก็บของเข้าที่เตรียมปิดประตู แล้วเรื่องของเรื่องแบตแท็บเล็ตกำลังจะหมด อุ้มก็เลยอธิษฐานขอพระองค์ท่านว่าขอให้อุ้มได้ถ่ายภาพพระองค์ท่านด้วยค่ะ แล้วบังเอิญอีกเหมือนกันว่าพออุ้มกดภาพเจ้าหน้าที่เดินสวนกลับมาที่กล้องอุ้มพอดีค่ะ อุ้มจำได้แม่นๆ ว่า เจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนนั้นถ่ายติดตัวเห็นภาพเขามาครึ่งขวาครึ่งตัวเลยค่ะ อุ้มยังร้องว๊ายอยู่ในใจว่า "ว้าย...ติดขาเจ้าหน้าที่มาด้วยทำไมเนี่ย ยิ่งเหลือแบตถ่ายแค่ภาพเดียวเนี่ย" ภาพแรกน่ะค่ะ แต่เมื่อมาดูที่แบตยังสามารถถ่ายภาพได้อีกภาพหนึ่งก็เลยกดภาพพระองค์ท่านได้อีก 1 ภาพ จากนั้นแบตหมดแท็บเล็ตจบมืดดับเลยค่ะ อุ้มจำได้ว่าตอนนั้นอุ้มมาขอพรว่า อุ้มขอให้มีจิตใจเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญอย่างมั่นคงเหมือนพระองค์ท่าน เพราะจะได้มีเรี่ยวแรงดูแลคุณพ่อคุณแม่ต่อไปได้โดยตลอด ทีนี้เมื่อกลับบ้านมาชาร์ปแบตอุ้มมาดูภาพกะว่าจะตัดภาพเจ้าหน้าที่ออกแต่ปรากฎว่าไม่มีค่ะ ภาพแรกที่อุ้มจำได้ว่าถ่ายติดขาเจ้าหน้าที่อุ้มจำแม่นว่าถ่ายติดขามาจริงๆ ไม่มีเลย....ขนลุกเลยค่ะ ไม่มีภาพเจ้าหน้าที่เลยมีแต่ภาพสมเด็จพระนเรศวรเท่านั้นขอขอบคุณ BG : น้องญามี่ banner : คุณ no filling กรอบ : น้อง KungGuenter กล่องเขียนคอมเม้นท์ : คุณ lozocat เพลง : Heart Of Gold : Neil Young โค้ดแต่ง BLOG : ป้ามด & น้องดอกหญ้าเมืองเลย ของแต่ง BLOG : คุณชมพร & น้องญามี่ & คุณเนยสีฟ้า
Create Date : 19 ตุลาคม 2555
65 comments
Last Update : 22 ตุลาคม 2555 10:45:03 น.
Counter : 9921 Pageviews.