งานใหม่ แจ้งผลมาแล้วนะ...
สำหรับผลการตรวจสุขภาพที่ส่งไปล่าสุด---> ผ่านโลด
ตอนนี้ก็ได้เวลาเตรียมตัวเตรียมใจบอกลาเจ้านายคนปัจจุบันเพื่อเปลี่ยนไปสวามิภักดิ์กะเจ้านายคนต่อไปในอนาคต ไอ้การต้องแจ้งล่วงหน้า 30 วันเนี่ยมันช่างเป็นอะไรที่ยากเย็นเสียจริงๆ เลยนะ
ไม่ว่าจะคำถามไถ่เพราะห่วงใยหรืออยากรู้อยากเห็นมันก็เป็นสิ่งที่ไม่อยากจะเจอทั้งนั้นเลย
และในมุมมองของคนที่ไม่ได้ไปด้วยเค้าก็จะเห็นว่าเราเห็นแก่ตัว แต่คนเรามันต้องก้าวต่อๆไปใช่ไหมล่ะ ไม่ว่าจะที่นี่หรือที่ใหม่ มันก็ต้องก้าวหน้าต่อไป ถ้าในจำนวนก้าวที่เท่ากันและเวลาเท่ากัน แต่ที่ใหม่ก้าวได้ยาวกว่าก็ย่อมดีกะตัวเรามากกว่า เพราะทำให้ถึงจุดหมายได้เร็วขึ้น หรือว่าจำนวนก้าว เวลา และระยะทางที่ก้าวได้เท่ากัน แต่จุดสตาร์ทต่างกัน มันก็ย่อมเห็นข้อดีกว่าอยู่แล้ว ดังนั้นเราก็หวังว่าคนรอบข้างจะเข้าใจเรานะคะ
ยอมรับว่าในช่วงเวลา 2 ปีที่เรียนจบป.ตรีมา ก็เปลี่ยนงานปีละครั้งเลย เพราะอะไร? ครั้งแรกเราก็คิดว่าเป็นเพราะว่าเราไม่มีความอดทน ไม่ยอมปรับตัวในการทำงาน แต่ในกรณีนี้คือที่นี่ไม่ได้มีปัญหาใดๆที่เกินที่จะรับได้ แต่เป็นเพราะมีโอกาสเข้ามาให้เลือก ในเมื่อเรามีโอกาส เราก็อดไม่ได้ที่ลองใช้มัน และผลที่ได้ก็ไม่ได้มีผลเสียต่อชีวิตของเรา ดังนั้นก็คงไม่ผิดหรอกที่จะลองสิ่งใหม่ๆ ในขณะที่อายุยังน้อย เพื่อหาประสบการณ์ชีวิตที่หลากหลาย
ตามที่คาดไว้คือจะเป็นอาจารย์สอนหนังสือ ดังนั้นตอนนี้มีโอกาสสัมผัสกับงานที่หลากหลายก็คงต้องรีบคว้าไว้ก่อน อาจจะไม่ได้ลงลึกมากมายแต่ก็ช่วยให้มีมุมมองที่กว้างไกลขึ้น ได้รู้จักองค์กรต่างๆ รู้จักระบบการทำงานที่หลากหลาย ได้สัมผัสกับงานที่ท้าทาย หรือน่าเบื่อหน่ายเป็นบางครั้ง
และเหตุผลข้อสุดท้ายก็คือ เรายังอยากรู้อยากลอง ไม่ได้สัญญาว่าจะเปลี่ยนงานเป็นครั้งสุดท้าย แต่จะลองไปเรื่อยๆเลยแหละถ้ายังมีโอกาสและเวลานะ
หาจุดยืนให้ได้ แล้วจะอยู่ได้นาน
เราเปลี่ยนงานมา 4 ทีแล้วในรอบ 5 ปี
และก็กำลังจะเปลี่ยนอีกที่ เพราะยังหาไม่ได้ว่าตัวเอง ชอบมิชอบอะไร