ในวันที่ 6 วันเสาร์มีนัดกะทางรีสอร์ท ซึ่่งบนเกาะก็มีอยู่เจ้าเดียวคือ บ้านพร้าว หรือเกาะทะลุรีสอร์ท เค้าจะมีเรือมารับที่ท่าเรือเกาะทะลุเวลา 10 โมงเช้า คุณพ่อตื่นมาก็นั่งจิบกาแฟดูข่าว กว่าทั้งคุณพ่อคุณแม่จะเตรียมตัวเก็บข้าวของเสร็จก็ปาไปตั้งแปดโมงครึ่ง เลยได้แต่นั่งกิน breakfast ที่โรงแรมจัดให้ อาหารเช้าที่นี่ก็มีทั่วๆไป คือ ข้าวต้มทรงเครื่อง ข้าวต้มกุ้ยกะผัดผัก ยำผักกาดดอง ยำไข่เค็ม อะไรประมาณนี้ นอกจากนั้นก็เป็นขนมปัง แฮม ไส้กรอก สลัดผัก ขนมไทย น้ำส้ม นมสด ซีเรียล โดยรวมแล้วรสชาดดีทีเดียว กินข้าวอิ่มพุงกางเราสอง-สามคนก็พากันออกเดินทางไปท่าเรือเกาะทะลุ

เดินทางจากโรงแรมลดาวัลย์ ผ่านหน้าตลาดบางสะพานเลี้ยวซ้ายแล้วก็ขับต่อไปประมาณไม่ถึง 20 นาที ก็ถึงท่าเรือที่นัดกันไว้ ปรากฎว่ามีคนรอขึ้นเรือเพียบ มีทั้งแบบไปค้างคืนเหมือนเรา แล้วก็ขาจรที่เป็น day trip ที่เห็นป้ายเค้าบอกว่าคนละ 700 บาทต่อหัว ก็มีอาหารกลางวัน น้ำดื่ม พาไปดำน้ำ แล้วก็กลับ ส่วนของเราซื้อทริป 2 วัน 1 คืน เลือกที่พักในส่วนอ่าวมุก ตามราคาหน้าเวบคือหัวละ 3,800 บาท แต่ของเราได้ส่วนลดลงมาเหลือ 2,900 บาทต่อหัว ราคานี้รวมที่พัก 1 คืน อาหาร 4 มื้อ พาไปดำน้ำ ตกหมึก เดินป่า ตามโปรแกรมที่เค้าบอกไว้ มีเรือแคนูให้พายเล่นได้ตลอดเวลา

เมื่อได้เวลาเรือออก คณะเราประมาณ 30 คนก็ลุยน้ำทะเลประมาณหน้าขาไปขึ้นสปีดโบท (แต่ถ้าไปเรือใหญ่จะไม่ต้องเปียกน้ำ ซึ่งใช้เวลาเดินทางนานกว่าอีกเท่าตัว) เรือนี้ใช้เวลาเดินทาง 15 นาทีโดยประมาณ เราโดนจับไปปล่อยที่อ่าวใหญ่ซึ่งเป็นโซนที่พักที่หรูกว่าอ่าวมุก แต่สามารถเดินไปมาได้มีระยะเดินประมาณ 300 เมตร เป็นทางเดินเลียบทะเล 

ขึ้นไปบนอ่าวใหญ่ก็ได้รับการต้อนรับด้วย welcome drink นั่งเล่นสักพักก็มีรถรับส่ง เป็นรถไถลากกระบะพาไปส่งฝั่งอ่าวมุก ซึ่งจากการพิสูจน์แล้วปรากฎว่าเดินใกล้กว่านั่งรถ ไปถึงที่พักที่ยังเข้าพักไม่ได้เพราะแขกยังไม่เช็คเอ้าท์ คุณพ่อก็คว้ากล้องไปถ่ายรูป คุณแม่มีกล้องอีกตัวไปทดลองถ่ายภาพใต้น้ำ หน้าหาดนั่นแหละมีปลาน้อยเยอะแยะ แต่ปะการังตายกันไปหมดละ ใกล้ๆประมาณ 300 เมตร ก็มีโป๊ะนักท่องเที่ยวลงดำน้ำกันอยู่ วันนี้คนเยอะมาก รอไปๆมาๆ คุณพ่อก็คว้าเรือแคนูไปพายเล่น ส่วนคุณแม่เริ่มเหนื่อยก็นอนเล่นที่เปลหน้าหาดเกือบจะหลับเลยแหละ สักเที่ยงกว่าๆก็ได้กินอาหารกลางวัน ที่นี่อาหารเป็นแบบบุฟเฟต์ แต่อาหารเยอะ เติมตลอด เป็นข้าวราดอาหารส่วนใหญ่มีองค์ประกอบของทะเลหมด แล้วก็ขนมจีนแกงเขียวหวาน ของหวานมีผลไม้กะกล้วยทอด กินเกือบจะอิ่มพี่หนิง(มั้ง) คนดูแลฝั่งอ่าวมุกก็เดินมาบอกว่าจะให้ย้ายไปพักฝั่งอ่าวใหญ่เพราะฝั่งนี้มีกรุ๊ปทัวร์ลงและห้องที่จะให้พักก็ยังไม่ออก ไม่อยากให้รอนาน... จริงๆก็นานแหละแต่ก็ไม่เกินจากที่ทางรีสอร์ทแจ้งไว้ว่าจะได้ห้องเที่ยง นี่เพิ่งบ่ายโมงเอง 

พอรู้ว่าได้ย้ายไปอ่าวใหญ่ที่ราคาห้องแพงกว่า (มีเครื่องทำน้ำอุ่นและตู้เย็น) ในราคาเดิมที่จ่ายมาเราก็ไม่มีปัญหา แถมมีแรงเดินแบกกระเป๋าไปเองด้วย แต่วันนั้นอากาศค่อนข้างแย่ ฝนตกเกือบทั้งวัน คุณพ่อเลยใช้ข้ออ้างว่าคุณแม่อุ้มท้องหนูน้อยในการขอเข้าห้องพักให้ไวขึ้น ซึ่งก็ได้ผล ได้ห้องมาตอน 14.00 กว่าๆ ซึ่งบางคนได้เข้าห้องพักเกือบสามทุ่ม แถมห้องที่ได้ก็สวยด้วย คุณแม่เลยปลื้มนอนหลับสบายเลย ตื่นมาตอนบ่ายสาม กะว่าจะไปพายเรือเล่น เจ้าหน้าที่รีสอร์ทก็เดินมาชวนไปดำน้ำ (ทั้งๆที่ฝนก็ยังปรอยๆ) คุณพ่อคุณแม่ก็ไป ได้ลองตกหมึกด้วย ซึ่งก็ตามสไตล์ตกไม่ได้นั่นเอง ส่วนปลากะปะการังก็พอใช้ได้ เป็นเพราะหลังฝนตกน้ำขุ่นและไม่มีแดด แสงเลยไม่สวย ขนาดว่าไม่สวยคุณแม่ก็ถ่ายรูปจนกล้องแบตหมด 

ตอนเย็นกลับมากินข้าวบนอ่าวใหญ่ อาหารเพียบ กินปู หมึก กุ้งจนพุงกาง กลับไปนอนหลับสบาย แต่...เพิ่งรู้ว่าไม่ได้เอาที่ชาร์ตแบตมา คุณพ่อแอบบ่นเล็กน้อยที่คุณแม่ลืม

เช้าวันอาทิตย์ ตื่นแต่เช้ามาเดินหาดทราย ทรายฝั่งอ่าวใหญ่ละเอียดขาวกว่าฝั่งอ่าวมุก แต่ก็ไม่ละเอียดเหมือนเกาะเสม็ดเพราะมีซากปะการัง เปลือกหอยเยอะ เดินจนเมื่อยก็กลับไปกินข้าวเช้า อาหารเพียบเหมือนเคย อาหารไม่ทันจะย่อยก็ยกโขยงกันไปดำน้ำอีกรอบ รอบนี้สวยมากกกกก... น้องปลาการ์ตูนมากินขนมปังลูกเกดที่คุณแม่ซื้อไปเผื่อตัวเองหิว กินขนมมั่งตอดมือมั้ง สนุกมากเลย แต่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เพราะแบตหมด นอกจากปลาจะเยอะแล้วคนก็เยอะมากด้วย จุดที่สวยก็มีจุดเดียว หลังจากนั้นก็เป็นโซนที่มีปลาแต่ปลาไม่เชื่อง เค้าไม่มากินขนมปังในมือคุณแม่ จุดนี้คุณพ่อเกือบแย่ เพราะดันกระโดดไปดำน้ำโดยที่ลืมว่าตัวเองไม่ได้ใส่ชูชีพ ไปยืนบนหินรอคุณแม่ตั้งนาน (ใครจะไปรู้ละว่ารออยู่) คุณพ่อที่ว่ายน้ำไม่เป็นยังแปลกใจตัวเองเลยว่าทำไมถึงดำน้ำจากเรือไปหินนั้นได้โดยไม่จม หลังจากนั้นก็ดูอีกจุดหน้าหาดอ่าวใหญ่แล้วก็กลับไปกินข้าวเที่ยงบนเกาะ มื้อสุดท้าย อร่อยเหมือนเดิม กินเกือบไม่หมด แล้วก็ต้องรีบไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวกลับฝั่ง...

กลับมาถึงห้องคุณพ่อคุณแม่เพิ่งรู้ตัวว่าโดนแดดเผาซะเกรียม หลังคุณพ่อแดงปื้ด ระบมด้วย ต้องทาว่านหางจรเข้จนเขียว เมื่อเช้าก็ยังไม่ดีขึ้น ส่วนของคุณแม่โดนเฉพาะหัวไหล่สองข้าง แต่ก็ทรมานน่าดูเหมือนกัน

ทริปนี้ประทับใจทั้งปลาทั้งคนบนเกาะ อยากกลับไปอีกสักรอบ และขอราคาเดิมห้องเดิมด้วยจะดีมาก ส่วนคุณพ่อหมายมั่นว่าจะกลับไปเรียนดำน้ำลึกกะครูบอยบนเกาะนั่นแหละ คอร์ส 20,000 ต่อคนรับประกันได้ใบประกาศด้วย

อ่อ...ที่ลืมไม่ได้ ทริปนี้ได้เพื่อนใหม่ คือคุณป้าจอยกะคุณลุงแจ็ค(ฝรั่งชาวอังกฤษ) คุณลุงเค้าทำงานที่คาซัคเหมือนคุณพ่อเลย โลกกล๊มกลมแหละ

---จบแล้วค่ะ ไม่มีรูปเพราะรูปใหญ่ยังไม่ได้ย่อ---