Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
26 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 

ถ้ารักไม่ราบรื่น หาทางแก้อย่างไร



ได้ยินมานานว่า "การกระทำเหนือกว่าคำพูด" แต่หาข้ออ้างอิงไม่ได้
(ใจจริงจะเขียนว่า หาคนมาอิงแอบไม่ได้ต่างหาก)
เพราะใครยืนยันได้ล่ะว่า คนเราทำอะไรปากกับใจตรงกันทุกครั้งไป เห็นมีแต่ปากบอกฉันเกลียดเธอ
แต่ยังซื้อขนมนมเนยมาฝากด้วยความเอ็นดู
นี่เค้าเรียกว่า ปากตรงกับพฤติกรรมจนน่าให้รางวัลผู้มีความซื่อสัตย์กับตัวเอง

จะว่าไป เรื่องปากกับใจไม่ตรงกันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร และมนุษย์ทุกเพศล้วนเป็นแบบนี้ได้
หากไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้สังคมรอบข้าง แม้คุณจะปากกับใจไม่ตรงกันแค่ไหน มันก็แค่เรื่องธรรมชาติ
หากไปทำเพราะเจตนาดีแล้วน่ารังเกียจตรงไหน กลับกันอาจน่ารัก (เหมือนคนเขียน) ด้วยซ้ำไป

จาก Actions Speak Louder Than Words การกระทำมีค่ากว่าคำพูด
บอกว่า หลายคนคิดว่าการพูดคุยถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่จะทำให้บุคคลสองฝ่ายรู้จักซึ่งกันและกันดีขึ้น
แต่ผลการวิจัยของ จูเลีย ที. วู้ด และสตีฟ ดัค กล่าวว่า ความเข้าใจดังกล่าวถูกต้องเพียงบางส่วน
เหตุนี้คุณจึงควรเรียนรู้ให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะหากประสงค์จะเข้าถึงความในใจ ของคนที่คุณรัก
ขอให้สังเกตเขาจากการแสดงออกดังต่อไปนี้ แล้วจะตีความหมายให้ฟังว่าเขาตั้งใจจะบอกอะไรกับคุณ

จากการวิจัย คู่หูทั้งสองศึกษาเอาไว้แค่ 3 ประการ เช่น

★ พฤติกรรมที่ 1
หากเขามีมารยาทในการขับรถมากขึ้น แม้การคมนาคมจะติดขัดมากมายแสนสาหัสเพียงใด
แต่ยังคงเยือกเย็นอยู่ได้ ทั้งที่ถ้าเป็นสมัยก่อนตอนเขายังวัยรุ่น อย่านึกเลยว่าจะใจเย็นได้ถึงขนาดนี้

ความหมายที่เป็นไปได้ : เขามีความอดทนเพิ่มขึ้น เพราะชีวิตไม่ได้มีเพียงตัวคนเดียวแล้วนี่

สิ่งที่คุณควรทำ : ถ้าโดยส่วนตัวคุณยังคงเป็นคนเจ้าอารมณ์ อย่าไปลงกับเขา
ไหนๆ เขาพยายามเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแล้ว
ก็อย่าไปสร้างแรงกดดันให้เขาหันกลับไปเป็นคนหุนหันพลันแล่นอีกเลย


★ พฤติกรรมที่ 2 เมื่อไหร่ที่เล่นกีฬาด้วยกัน แล้วเขาแพ้ เขาเงียบเป็นชั่วโมง

ความหมายที่เป็นไปได้ :
ความคับข้องหมองใจแม้เกิดจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งบางครั้งไม่เห็นน่าจะเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาได้
แต่ก็เป็นขึ้นมาจนได้ บางทีคุณต้องหัดแพ้เขาซะบ้าง หรืออย่าเล่นกีฬาด้วยกันบ่อยนัก
โดยเฉพาะถ้ากีฬานั้นตัดสินกันด้วยการแพ้-ชนะ

สิ่งที่คุณควรทำ : อย่าเอาจริงเอาจังกับผลการแข่งขัน มันก็แค่การละเล่นอย่างหนึ่ง
เล่นเสร็จก็จบกันจะไปซีเรียสอะไรหนักหนา


★ พฤติกรรมที่ 3 ถ้าสังเกตว่า ตอนบ่ายวันอาทิตย์ เขามักคลุกอยู่กับคุณแม่ของเขา และเอาใจใส่ท่านสม่ำเสมอ

ความหมายที่เป็นไปได้ : คุณเลือกคนรักที่จะอยู่เคียงข้างได้ถูกต้องแล้ว

สิ่งที่คุณควรทำ : จงดีใจไว้ แสดงว่าคุณเลือกคนไม่ผิดหรอก เขาเป็นคนรักครอบครัว
ไม่หวั่นกับความแก่เฒ่าของสตรี
แต่อย่าเผลอให้เขาเจอกับเอ๊าะๆ นะ ตรงนี้เติมให้ ไม่ได้เกี่ยวกับงานวิจัยแต่อย่างใด

ทีนี้พอเข้าใจการแสดงออกที่เขาไม่เคยอธิบายให้คุณฟังบ้างหรือยัง

นอกจากนี้ ในหน้ากระดาษเดียวกันส่วนที่เรียกว่า In Love ใน ฉบับ New Woman ยังเขียนถึง Time to Get Intimate
ถึงคราวที่คู่รักควรหาเวลาสนิทสนม หรือใกล้ชิดกันให้มากขึ้น (อีกสักครั้ง) ได้แล้ว
ไม่ทราบจะรู้สึกกันหรือเปล่าว่า ทำไมความรักจึงค่อยๆ จืดจางเมื่อเวลาล่วงเลยไปเรื่อยๆ

ปีเตอร์ ฟรานเกิล ผู้อำนวยการสถาบันครอบครัวศึกษา ในนิวยอร์ก ซิตี้ แถลงไขเรื่องเหล่านี้เอาไว้ว่า
ความห่างเหินเป็นสิ่งสามัญที่พบได้ในคู่รักทุกคู่
บางทีอาจอารมณ์เสียใส่กันจนคุณเองยังแปลกใจด้วยซ้ำไปว่า จะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับชีวิตคู่ได้หรือ ?

ทั้งที่คำตอบคือ ง่ายมาก บางคู่ถึงกับต้องเรียกว่า ยิ่งใกล้มาก ก็ยิ่งขัดแย้งกันมาก เห็นภาพชัดขึ้นหรือยัง
แต่ไม่ต้องไปทำตามหรอกนะ ถ้าข้อแม้คือ รักของคุณราบรื่นดีแล้ว แต่ถ้ารักของใครยังไม่ราบรื่น
เหตุนี้คงถึงเวลาที่จะหันหน้าเคลียร์เรื่องคาใจกันสักที ด้วยการ...

* หาเวลาเป็นส่วนตัวให้ตรงกัน
สาเหตุหนึ่งของความห่างเหิน อาจเกิดจากการที่คู่รักไม่เคยคำนึงถึงความต้องการของอีกฝ่าย
บางคู่ยังไม่ใส่ใจเพราะความคุ้นเคย ถึงขนาดคิดเพียงว่า อยู่ด้วยกันแล้วคงไม่จำเป็นต้องสวีตอะไร
ทั้งที่อยู่บ้านเดียวกันนี่แหละ ควรหาเวลามาสวีตกันบ้าง

* อย่าเอาปัญหาที่ทำงาน กลับมาสร้างปัญหาให้คู่ครอง
ควรแยกแยะว่า บ้านไม่ใช่ที่ระบายแรงกดดันที่คุณได้รับมา
กระนั้นไม่ได้หมายความว่า คุณจะพูดเกี่ยวกับงานการในออฟฟิศให้ครอบครัวฟังไม่ได้ซะเลย
เพราะถึงไงชีวิตคู่ก็หมายถึงการปรึกษาหารือกันอยู่แล้ว ขอเพียงเล่าปัญหาใหญ่ๆ ก็พอ ไม่ควรจุกจิกมากไป

* ยิ้มหรือส่งสายตาให้อีกฝ่ายแค่วันละ 1 นาที ไม่ใช่เอาแต่หลบ วิธีนี้จะเชื่อมความผูกพัน
ในทางกลับกัน หากต้องทำงานออฟฟิศเดียวกัน แล้วถ้าจำเป็นต้องยิ้มหรือส่งสายตาเกินกว่าวันละ 1 นาที
จะก่อปัญหามากกว่าแก้ไขหรือไม่ ผู้เชี่ยวชาญคงลืมวิจัย ถือเป็นการบ้านกลับไปใคร่ครวญเอาเอง

สุดท้าย เปลี่ยนกิจวัตรยามเย็นไม่ให้ซ้ำซาก หมายถึงทำอะไรร่วมกันก็ได้ ที่ไม่เหมือนเดิม
การมีกิจกรรมเล็ก ๆน้อย ๆที่ช่วยกันทำบ้าน จะทำให้คุณทั้งสองรู้สึกผ่อนคลาย ความเครียดหายไปได้เยอะ


โดย เมอร์ลิน
ที่มา : //www.elib-online.com
ภาพจาก : //wwwdelivery.superstock.com




 

Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2553
1 comments
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2553 16:03:22 น.
Counter : 1143 Pageviews.

 

สวัสดีค่ะ

แวะมาทักทายค่ะ

 

โดย: LoveTurJang 27 กุมภาพันธ์ 2553 10:06:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.