Yachiyoza โรงละครร้อยปี
ผลัดมาเรื่อยกับบล็อกนี้เพราะขี้เกียจย่อรูปฝากรูป..
"Yachiyoza" เป็นโรงละครที่สร้างขึ้นเมื่อปี 1910 .. ครบร้อยปีพอดี โรงละครนี้ตั้งอยู่ในอำเภอ Yamaga จังหวัด Kumamoto รายละเอียดอยู่ ที่นี่ ค่ะ
สมัยก่อนนั้นโรงละครนี้จะใช้เป็นสถานที่แสดงละครคะบุกิ .. ตัวละครที่ทาหน้าขาวโพลนหรือเต็มไปด้วยสีสันหลากหลายที่น่าจะเคยเห็นกันอยู่บ้าง ตัวละครนี่จะเป็นผู้ชายเล่นล้วนๆ รวมถึงผู้ชายที่ต้องแต่งเป็นผู้หญิงในละครด้วย ผู้ชายบางคนนี่แต่งออกมาเป็นผู้หญิงแล้วสวยมาก การเคลื่อนไหวดูเหมือนหญิงจริงๆค่ะ สมัยนี้ที่ดังๆเป็นที่นิยมก็น่าจะเป็น Bandou Tamasaburo, Ichikawa Ebizo และหนุ่มน้อยอายุสิบแปดปี Saotome Taichi คนสุดท้ายนี่ออกทีวีทีไรป้าโซอยากไปเป็นป้ายกทู้กกกที..
เริ่มต้นจากในวันนั้นท้องฟ้าสดใส ไร้ฝนที่ตกติดๆกันมาเกือบสองอาทิตย์ได้ และเป็นวันว่างปลอดจากการแข่งยูโด ผู้เป็นใหญ่ในบ้าน(รองจากป้าโซ) ก็เปิดเน็ตหาที่เที่ยวที่ไม่ต้องขับรถไกลนัก ไปปะเหมาะเอาโรงละครร้อยปีนี่เข้า ซึ่งปกติจะมีการแสดงตลอด บังเอิญช่วงนั้นปลอดรายการใดๆ เขาก็จะเปิดให้คนธรรมดาเข้าไปชมเบื้องหน้าเบื้องหลังและความเป็นมาของโรงละคร ซึ่งแน่น้อน.. เสียเงินเข้าชมค่ะ ของฟรีไม่ค่อยมีในญี่ปุ่น แต่เขาก็เอาเงินพวกนี้แหละไปทำนุบำรุง เอ้า..เต็มใจเสีย ..
พอได้แหล่งเที่ยวก็ตะลอนกันไปสามคนพ่อแม่ลูกยกเว้นเจ้าคนโตที่เขาไปถ่ายรูปนอกสถานที่กับพวกชมรมเขา เมืองที่ไปนี่เป็นเมืองท่องเที่ยวเล็กๆ และคนในเมืองนั้นก็อัธยาศัยแสนจะสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองเขาเสียจริง เพราะขณะที่สามคนเดินกันเซอะๆซังๆ แหงนนั่นดูนี่ไปเรื่อยพอรู้ตัวอีกทีก็อยู่ริมถนนสายเล็กๆที่จะข้ามฟาก ถนนนี่ถ้าไม่สังเกตจะเหมือนถนนสำหรับคนเดินมากกว่า พอเห็นถนนก็หยุดกันกึก แต่..คนขับรถแถวนั้นเค้าก็หยุดให้กะเหรี่ยงสามคนข้ามถนนไปก่อน ก้มหัวขอบคุณเค้าซะคอแทบหลุด
ถนนบางสายนี่จะรักษาไว้ตามแบบผังเมืองเก่า เช่นสายนี้เป็นต้น จะเป็นถนนแคบๆ สำหรับรถเล็กๆแล่นพอสวนกันได้ ข้างทางก็จะเป็นตึกรามบ้านช่องแบบเก่าๆ
สถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่นนี่ น้อยที่นักที่จะจอดรถพรวดแล้วถึงที่หมายโดยไม่ต้องเดิน ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆจึงจัดที่ทางให้จอดรถ ต่อจากนั้นก็เดินๆๆ และเดิน ที่นี่ก็เดินตามถนนเส้นๆเล็กๆนี่ไปโรงละคร
ถึงแล้วค่ะ ด้านหน้าของโรงละครร้อยปี
ที่ขายตั๋วช่องเล็กๆ ด้านหน้า
หน้าตาด้านนอกธรรมด๊า ธรรมดา ดูจากในเน็ตแล้วขลังความเก่า พอไปดูของจริงด้านนอก ให้ความรู้สึกธรรมดา เหมือนสิ่งก่อสร้างเก่าๆ อาจเป็นเพราะวันที่ไปนั่นไม่มีการแสดงใดๆ ไม่มีผู้คนพลุกพล่านให้ความรู้สึกว่าเป็นโรงมหรสพก็ได้ เงียบกริบ มีลูกค้าแบบป้าโซเข้าไปดูความเป็นมาของโรงละครนี่ประมาณสิบกว่าคนได้ .. ไหนๆก็มาแล้วก็ต้องตีตั๋วเข้าไปดูข้างในกันหน่อย ที่ขายตั๋วปัจจุบันเขาจะแยกไปขายในตึกสมัยใหม่ตรงข้ามกับโรงละครนี่ ตอนซื้อตั๋วคนขายตั๋วก็จะนัดเวลาว่าจะเข้าไปชมได้กี่โมงในช่วงต่อไป เพราะจะมีไกด์คอยอธิบายประวัติความเป็นมาของโรงละคร ซึ่งเขาก็จะจัดผู้เข้าชมเป็นกลุ่มๆ
ประตูทางเข้าเป็นบานเลื่อนไม้ เดินเข้ามาจะเห็นคอกนั่งของคนขายตั๋ว พรีเซ็นเตอร์คนนี้เสนอหน้าเกะกะเสียจริง..
เปิดม่านดำตรงทางเข้า ประมาณม่านบังตาเหมือนโรงหนังสมัยก่อน เดินเข้าไป แถ่น แทน แท้นนนน..
ที่นั่งด้านหน้าเป็นเสื่อตะตะมิ กั้นเป็นคอกๆ คอกนึงนั่งได้สี่คน ที่นั่งนี่ทำเหลื่อมความสูงต่ำของพื้นไว้ เหมือนโรงหนังโรงละครทั่วไปที่เทลาดพื้นจากสูงไปต่ำ เพื่อความสะดวกในการดูของผู้ชม เพียงแต่ปกติเราจะเคยเจอที่นั่งเป็นเก้าอี้ที่ลดหลั่นกันไปเลยไม่ค่อยรู้สึก พอไปนั่งพื้นเรียบๆเป็นตะตะมินี่แล้วรู้สึกไปเองหรือเปล่าก็ไม่ทราบว่ามันจะเทๆลงไป
นอกจากนี้ด้านข้างสองข้างและชั้นบนทั้งสามด้านก็จัดไว้สำหรับลูกค้าพิเศษด้วย
เมื่อขึ้นไปที่นั่งชั้นบนก็จะเห็นภาพโดยรวมแบบนี้
แหงะหน้าขึ้นไปมองตามเพดาน พวกป้ายสีต่างๆนั่นคือป้ายของสปอนเซอร์ทั้งหลายที่เข้ามาติดโฆษณา รวมถึงเบอร์โทรศัพท์ติดต่อด้วย สมัยนั้นโทรศัพท์ยังมีตัวเลขแค่สองหลัก ..
สังเกตตรงกลางเวที ที่มีรอยกลมๆ ที่ตรงนั้นนะคะ
พื้นที่ส่วนนั้นจะหมุนได้โดยใช้แรงงานคนอยู่ข้างล่างขณะตัวละครกำลังแสดง เบื้องล่างจะมีแกนหมุนอยู่ตรงกลาง
โดยจะมีแกนสำหรับหมุนอยู่สี่อันแต่ละมุม โดยคนหมุนจะเดินรอบๆไปบนพื้นไม้ที่ปูเป็นทางเดินนั่น ด้านบนจะเป็นลูกล้อไว้เลื่อนตามราง
ด้านนอกเป็นสวนเล็กๆ มีสระน้ำ .. บ่อน้ำ .. แอ่งน้ำ.. อ่ะนั่นแหละ เรียกว่าไงก็ว่างั้น เอาไว้สำหรับเตรียมดับไฟฉุกเฉินเวลาเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ขึ้นมา
ที่นั่งด้านใน ริมประตูทางเข้าออก จะมีคอกนั่งสำหรับหมาต๋าเพื่อไว้คอยดูแลความสงบ ห้ามจิ๊กโก๋ด่าพ่อล่อแม่ตีกบาลกันในนี้นะจ๊ะ
หมดแล้วค่ะ เกี่ยวกับภายในโรงละคร จริงๆมีเรื่องราวความเป็นมามากกว่านี้ที่ไกด์เขาอธิบาย แต่เล่นขุดบรรพบุรุษศัพท์แสง ชื่อคน ชื่อยุคสมัยก่อนๆ อิฉันก็ได้แต่กลอกตาไปมา ยังมีหน้ามาถามอีกว่ารู้จักไหม? ป้าดธ่อ พ่อมันยังจำไม่ค่อยได้แล้วกะเหรี่ยงหน้าดำอย่างป้าโซจะรู้ไหมเนี่ย? เอ๊อ.. ถ้าให้มาไล่ยุคสมัยของไทยละบ่ยั่น มียุคกอดคอกันกินกับยุคเผาเมือง เย้ยยย.. ไม่ช่ายยย
หน้าโรงละครเขาจะมีป้ายบอกความเป็นมาไว้ว่าเริ่มสร้างเมื่อไหร่ ซ่อมแซมโดยคงสภาพเดิมไว้เมื่อไหร่ งบประมาณในการสร้างเท่าไหร่ ใครรู้ภาษาญี่ปุ่น เชิญคลำ..
จากนั้นก็มีโปสเตอร์โฆษณาสำหรับรอบการแสดงต่อไปของโรงละคร ที่ถ่ายมาให้ดูนี่เป็นดาราดังของเขาค่ะ ที่แสดงเป็นหญิงโดยนักแสดงชายชื่อ Bandou Tamasaburo ซึ่งจะทำการแสดงช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนพฤศจิกายน ปีนี้ ดูดิ๊ แต่งออกมาแล้วหน้าตาสะสวยดีไหม?
แต่เมื่อมองราคาค่าเข้าชม.. ราคานักเรียนจะต่ำสุดที่ 5,000 เยน ต่อจากนั้นก็ราคาผู้ใหญ่ไล่มาตามระดับความหนาของกระเป๋าเงิน 15,000 18,000 20,000 ครือออ.. ไอ้สองหมื่นเยนเนี่ย มันค่ากับข้าวบ้านอะฮั้นได้สักสิบวันนะฮ้า.. อะฮั้นไม่พร้อมจะแหลกแกลบ
สะบัดหน้าลาจากโรงละครนั้นมา ตะแล้ดแต๊ดแต๋เดินดูโน่นดูนี่ไปเรื่อยๆ เมืองนี้เขามีชื่อเรื่องน้ำพุร้อน และเทศกาลแห่โคมไฟที่ชื่อ Yamaga Toro Matsuri ซึ่งจะมีสาวๆพันคนใส่ยูกะตะหรือกิโมโนหน้าร้อนเทินโคมไฟที่ทำด้วยกระดาษแข็งแล้วข้างในใส่หลอดไฟแสงเรืองๆไว้บนหัว เดินร่ายรำไปที่บริเวณพิธี ป้าโซเคยไปดูมาแล้วครั้งนึง ที่ตื่นตาตื่นใจกลับเป็นของกินที่เขาเอามาขายหลากหลายมากกว่า ..
เนื่องจากเมืองนี้มีชื่อเรื่องโคมไฟ .. เกี่ยวกับไฟๆ เดินผ่านร้านนี้ซึ่งขายพวกตะเกียง โป๊ะไฟแบบเก่าๆ หลากหลายแปลกตาดีเลยชักรูปมาซะหนึ่ง
ใกล้กับที่จอดรถ เจอวัดนี้สวนหน้าวัดสวยดี ไปยืนสะแอ๋งถ่ายรูปแค่หน้าวัด
ขอบคุณที่ตามกระผมไปเที่ยวนะคร้าบบบบ.. พบกันใหม่เมื่อทั่นแม่ของกระผมทำการสะบัดขนตามตัวได้สำเร็จในครั้งต่อไปคร้าบบบ..
Create Date : 26 มิถุนายน 2553 |
|
34 comments |
Last Update : 26 มิถุนายน 2553 8:45:37 น. |
Counter : 2532 Pageviews. |
|
|
|