"เฮวะ" ..peaceful day ของญี่ปุ่น หรือวันฮิโรชิม่า
วันที่ 6 สิงหาคม 1945 เป็นวันที่ฮิโรชิม่าถูกระเบิดปรมาณูทำลายล้าง และถัดไปอีกสามวัน คือในวันที่ 9 สิงหาคม ก็ลงอีกลูกที่จังหวัดนางาซากิ
ในวันที่ 6 สิงหาคม ทางการถือให้เป็นวันสันติภาพของที่นี่ค่ะ จะให้เด็กๆตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงม.ต้นไปร.ร. ในวันนี้ทั้งๆที่อยู่ในช่วงปิดเทอม เปิดวิดิโอให้ดูถึงวันทำลายล้างด้วยปรมาณู เห็นความร้ายแรงของการใช้อาวุธชนิดนี้ ผลที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น และสรุปด้วยการอยู่ร่วมโลกกันอย่างสันติภาพ ไร้การทำลายล้างใดๆโดยเฉพาะปรมาณู
ที่เล่ามานี่คือสิ่งที่เห็นๆนะคะ ว่าวันเช่นนี้เขาทำอะไรกันบ้าง ก็เช่นเคย..จะมีรายการทีวีเกี่ยวกับวันสำคัญพวกนี้ ย้อนภาพไปถึงสมัยก่อนว่าเป็นอย่างไร ป้าโซได้ดูก็เหมือนเราเป็นคนนอกที่นั่งดูเหตุการณ์แหละค่ะ แต่ทั้งๆที่ไม่ใช่คนชาติเขาก็ยังรู้สึกหดหู่กับสิ่งที่เห็น พอละค่ะ .. ไม่พูดต่อละเดี๋ยวยาว เรื่องความเห็นเกี่ยวกับสงครามนี่ คุยไม่ได้นานเดี๋ยวกลายเป็นกระทู้รบกันเอง
จริงๆที่เกริ่นเรื่องนี้ขึ้นมา มันก็สั้นๆแค่นั้นแหละค่ะ ถ้าไม่มีเรื่องที่ป้าโซได้ยินมาอีกทีที่จะเล่าให้ฟัง คือผลกระทบของปรมาณูที่มีต่อชีวิตผู้คนหลังจากนั้น
ที่ทำงานของลุง มีลุง(จริงๆ ) คนนึง อายุอานามก็เกษียณได้แล้ว แกย้ายลงมาจากสาขาฮิโรชิม่ามาอยู่ที่สาขาคิวชูนี่ นิสัยส่วนตัวของแกเป็นที่หงุดหงิดเล็กน้อยของลุงที่บ้าน วันดีคืนดีก็จะบ่นๆๆๆให้ป้าโซฟัง ส่วนมากจะเป็นเรื่องของความเห็นแก่ตัว ความไม่รู้จักกาละเทศะของแก ที่มีต่อเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ป้าโซสนใจฟังหูผึ่ง..
ลุงคนนี้ชื่ออุเอะดะ สมัยวัยเจริญพันธุ์แกเคยคบสาวอยู่พักหนึ่ง แต่ทำไปทำมากลับเข้ากันไม่ได้และเลิกรากันไป จากนั้นเนื่องจากเป็นคนกลัวความสูงของคาน แกเลยกระเสือกกระสนติดต่อแม่สื่อแม่ชักหาผู้หญิงทำเมียให้แกสักคน ในที่สุดแม่สื่อก็กระทำการสำเร็จ ได้ผู้หญิงที่ดีมาเป็นศรีภรรยาให้แกได้
ผู้หญิงคนนี้มีพื้นฐานการศึกษาอยู่ในระดับดี มีอาชีพเป็นครูสอนทำอาหารญี่ปุ่น ฐานะทางบ้านจัดว่าค่อนข้างดี หลังจากนัดหมายดูตัวทานข้าวคีบปลา ทั้งสองฝ่ายดูแล้วน่าจะตั้งครอบครัวกันได้ก็ตกลงปลงใจแต่งงานแต่งการ
อ๊ะๆๆ.. ง่ายๆอย่างนี้แหละค่ะ ป้าโซเองได้ยินเรื่องแม่สื่อแม่ชักของที่นี่ยังงงเลยว่ามีกะเค้าด้วยเรอะกับประเทศอย่างนี้? ระบบแม่สื่อแม่ชักนี่น่าจะหมดสมัยไปนานแล้ว แต่ก็ยังมีอยู่ค่ะ .. เพราะคนที่นี่พอเข้าวัยหนุ่มสาวก็มุดหัวทำกันแต่งานเนื่องด้วยสภาพทางเศรษฐกิจบังคับ ถ้าโชคดีสภาพแวดล้อมในการทำงานยังพอหาคู่ได้ก็หากันไป แต่ถ้าโชคไม่ดีได้ทำงานที่บริษัทเล็กๆ เพื่อนร่วมงานที่โสดๆมีให้เลือกไม่กี่คนหรือไม่มีให้เลือกเลย ตัวก็ต้องก้มหน้าก้มตาทำงานตะบันมันตั้งแต่จันทร์ถึงเสาร์ มีวันว่างวันเดียวที่ต้องคอยสะสางเสื้อผ้า ความสะอาดที่หมักหมมมาทั้งอาทิตย์ ไอ้โอกาสที่จะไปเดินแกว่งตามที่ต่างๆ เพื่อป๊ะหน้าปิ๊งๆหาคู่มันก็ลดน้อยลงไป รู้ตัวอีกทีก็โน่น.. ฟาดเข้าไปเกือบหมดฮอร์โมนทำพันธุ์ เฮ่ย!! ป้าโซก็เว่อร์ไป กร๊ากกกก.. .. คนเหล่านี้เลยหันมาพึ่งระบบแม่สื่อกันพอควร
หันกลับมาเรื่องคุณอุเอะดะต่อค่ะ.. แว่บอีกละ
หลังจากแต่งงานแต่งการได้สักพัก ภรรยาก็ตั้งท้อง ดูเหมือนจะมีการกรอกแบบฟอร์มหรืออะไรซักอย่าง ที่ต้องบ่งบอกถึงประวัติทางครอบครัวของทั้งพ่อและแม่เด็กนี่แหละค่ะ เท่านั้นแหละ.. เป็นเรื่องเกือบทำให้ถึงกับการหย่าร้างเลยทีเดียว
เพราะฝ่ายสามีเพิ่งได้รู้ความจริงว่า ประวัติของครอบครัวฝ่ายหญิงมีบรรพบุรุษที่มีช่วงชีวิตที่เกี่ยวพันอยู่กับผลกระทบของระเบิดปรมาณูทำลายล้างในครั้งโบราณนั่นด้วย!! ค่ะ.. ป้าโซก็สงสัยเหมือนหลายๆท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้แหละ ว่าทำไมกะอีแค่นี้ต้องเดือดร้อนปานนั้น.. แล้วลุงที่บ้านก็ได้เปิดหูเปิดตาเปิดสมองกลวงๆของป้าโซเอาเรื่องราวที่พอจะมีสาระยัดใส่ไปซะบ้าง
คนที่โดนรังสีปรมาณู ไอ้ที่โดนจังๆไปก็ตาย ไอ้ที่ไม่หนักหนาก็รอดชีวิตมาพร้อมบาดแผลเพื่อรอความตายต่อไปในไม่ช้า แต่ไอ้ที่แย่ที่สุดก็คือมันสืบเนื่องกันทางพันธุกรรมนี่แหละค่ะ รู้สึกว่าจะ 3 ช่วงอายุคนเลยทีเดียว คนที่ยังอยู่ในช่วงอายุของการติดต่อทางกรรมพันธุ์นี่ มีลูกก็จะมีปัญหาทางด้านสุขภาพคือพิการบ้าง เป็นมะเร็งบ้าง ดังนั้นจึงเป็นกรรมของคนที่มีประวัติเกี่ยวข้องกับสารกัมมันตภาพรังสีนี้กลายๆ ตรงที่ดูเป็นบุคคลน่ารังเกิยจของสังคมไปเลย ไม่มีใครอยากมีสัมพันธ์สร้างครอบครัวสืบสายเลือดกับคนเหล่านี้เพราะกลัวปัญหาดังกล่าว ถึงแม้จะพ้นช่วงอายุที่อันตรายมาแล้วก็ตาม.. แต่บางคนก็ยังคงเชื่ออยู่ว่าไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวด้วย กันไว้ดีกว่าแก้ ประมาณนั้นแหละค่ะ..
ครอบครัวของภรรยาคุณอุเอะดะ เธอมีคุณยายซึ่งทันมีชีวิตอยู่ในช่วงนั้นพอดี จะโดนรังสีหรือไม่ หรือเป็นชุดสุดท้ายของการติดต่อทางกรรมพันธุ์หรือไม่นี่ก็ไม่ทราบเหมือนกัน ทราบแต่ว่าทางครอบครัวเธอถือเป็นความลับ เป็นปมด้อยที่ไม่ควรให้ใครๆล่วงรู้ถึงประวัติครอบครัว คงเกรงจะเป็นที่รังเกียจถึงจะไม่มีผลมาถึงปัจจุบันนี้แล้วก็ตาม .. ภรรยาคุณอุเอะดะจึงต้องอาศัยแม่สื่อนี่ช่วยหาคู่ครองให้ ตัวคุณอุเอะดะเองไม่ใช่คนพื้นที่นั้นค่ะ ถ้าเป็นคนพื้นที่นั้นๆ จะพอรู้ๆอยู่ว่าครอบครัวไหนบ้างที่มีประวัติความเป็นมาอย่างนี้
ตอนที่สามีรู้เรื่องประวัติทางครอบครัวของภรรยานั้น เขาก็ต่อว่าภรรยารุนแรงว่าทำไมไม่บอกกันก่อนหน้าแต่งงาน ปิดเป็นความลับทำไม? ฝ่ายภรรยาก็เถียงว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของเธอ ทางด้านสามีเองเคยมีหญิงมาก่อนหน้านี้เธอก็ไม่เคยไปสอบถามไปเค้นถึงความสัมพันธ์นั้นเลย เพราะฉะนั้นเรื่องของใครก็ของมัน.. ว่าแล้วเธอก็ตั้งหน้าตั้งตาอุ้มท้อง และออกลูกมาเป็นชายซึ่งปกติดี แถมฉลาดอีกต่างหาก คุณสามีก็เลยโล่งใจทำอีกหนึ่งหนุ่มตามมาอีกสองปีถัดมา
นี่แหละค่ะ.. ผลกระทบของความรุนแรงของสงครามปรมาณู ซึ่งมันไม่ได้มีผลแค่ ณ เวลานั้นอย่างเดียว แต่มีผลกระทบยาวนานเป็นช่วงชีวิตคนเลยทีเดียว ถือเป็นความบอบช้ำอย่างหนักของญี่ปุ่นที่ต้องจดจำและสอนผู้คนของเขาต่อไปให้รักสงบ..
สวัสดี..
Create Date : 08 สิงหาคม 2552 |
Last Update : 8 สิงหาคม 2552 14:12:14 น. |
|
8 comments
|
Counter : 1143 Pageviews. |
|
|
|
โดย: CrackyDong วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:14:58:46 น. |
|
|
|
โดย: kim_tiger วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:20:58:10 น. |
|
|
|
โดย: ตากลม4ตา วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:21:15:00 น. |
|
|
|
โดย: tanya tanya วันที่: 10 สิงหาคม 2552 เวลา:17:48:13 น. |
|
|
|
โดย: tanya tanya วันที่: 10 สิงหาคม 2552 เวลา:17:50:21 น. |
|
|
|
โดย: somphoenix วันที่: 12 สิงหาคม 2552 เวลา:3:32:49 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
คุรุเม่ ฟุกุโอกะ Japan
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]
|
สวัสดีค่ะ ..
ป้าโซอยู่อำเภอเล็กๆแห่งหนึ่งในจังหวัดฟุกุโอกะ ซึ่งอยู่ในเกาะคิวชู เกาะทางใต้ของญี่ปุ่น
เรื่องราวที่เล่าๆสู่กันฟังนี่ มาจากประสบการณ์ส่วนตัวซึ่งสอดแทรกความคิดเห็นเข้าไปด้วย อันไหนไม่เข้าทีก็อ่านผ่านๆไปละกันนะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามาค่ะ
|
|
|
|
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|