ท้องถนนคนญี่ปุ่น
ชีวิตประจำวันของป้าโซก็ไม่ต่างกับคนทั่วๆไป ตั้งนาฺฬิกาปลุกไว้ 5:45 ทุกเช้าให้มันเก๋ไก๋ไว้งั้นแหละ เพื่อที่จะเบิกตาครึ่งนึงแล้วเือื้อมมือมากดดับเสียงปลุก จากนั้นก็นอนออกกำลังหนังตาด้วยการหยีตามาดูเวลาเป็นระยะๆ อีกซักสิบห้านาทีซึ่งบางวันก็นอนเกินเพลินฝันเข้าไปโน่น สะดุ้งตื่นฟื้นพลิกมาได้ก็ตาลีตาเหลือกกดปุ่มตัวเองให้เป็นเครื่องจักรล่กๆๆ ลงมาแปรงฟัน เตรียมอาหารเช้าเบาๆให้คุณคนเล็ก แล้วปั้นข้า้วติดไปอีกสองก้อนโตๆ เพราะคุณเธอต้องไปวิ่งออกกำลังกายตามกฏของชมรมทุกเช้าที่ร.ร. กินหนักนักเดี๋ยวจุก พอวิ่งเสร็จค่อยแงะข้าวปั้นขี้มือแม่มากินอีกสองก้อนโตๆ ที่ข้างในยัดไส้แซลม่อน ปลาคัทซึโอะ บ๊วย คอมบุ เนื้อผัดปรุงรส .. เปลี่ยนไปเรื่อย
บางครั้งก็เป็นข้าวอบที่เหลือจากตอนเย็นเอามาปั้นๆเข้า ไม่ก็คลุกข้าวใส่เครื่องปรุงรสที่เค้ามีขายสำเร็จเช่น รสไก่ เนื้อยะกินิขุ แล้วก็ปั้นเข้า
แล้วก็เตรียมโอะเบนโตสองที่ของพ่อกับแม่มัน
ระหว่างนั้นก็ดูเวลาเป็นระยะๆ 6:30 ต้องวิ่งไปปลุกเจ้าตัวเล็ก.. 6:50 ทุกอย่างต้่องสรุปให้เสร็จไม่ว่าจะเป็นเบนโต กระติกน้ำ ชาร้อนๆของพ่อมัน จากนั้นก็จัดการล้างหน้าตาแต่งตัวปากก็ร้องเร่งไอ้ตัวเล็กให้ไวๆ .. 7:10 ขับไล่ไสส่งไอ้ตัวเล็กให้ปั่นจักรยานไปร.ร. จากนั้นถ้าทุกอย่างเป็นไปตามเวลาที่กำหนดไว้เป๊ะๆก็จะยังพอมีเวลาจัดการข้าวเช้าตัวเองซึ่งส่วนมากก็คือโอะชะซึเกะ .. ข้าวสวยโรยผงพวกสาหร่ายผสมโน่นนี่แล้วแต่รส เช่น รสปลาแซลม่อน รสบ๊วย .. ราดน้ำร้อนเข้าไป(จริงๆเค้าใ้ช้ชาญี่ปุ่นร้อนๆราด แต่ป้าโซไม่มีเวลาประดิดประดอย) ซดโฮกๆเป็นอันเสร็จสรรพ วิ่งไปเก็บที่นอนไอ้ตัวเล็กที่บางวันเจ้าตัวเก็บไม่ทันแม่มันก็ตามเก็บให้ แง้มประตูบอกอิลุงที่ยังนอนแอ้งแม้งอยู่ว่าชั้นไปทำงานแล้วนะยะ ที่หลับที่นอนอิลุงเ็ป็นคนเก็บเพราะตื่นไปทำงานทีหลัง จากนั้นป้าโซก็เผ่นออกจากบ้านเวลาไม่เกิน 7:25 น. เพราะถ้าเกินจากนี้จะไม่ทันไฟแดงหน้าปากซอยที่จะเปิดไฟเขียวเวลา 7:27 น.
เกินเวลานี้ก็จะเข้าไปไม่ได้ในเส้นทางซึ่งจำกัดเวลาเข้าในช่วง 7:30-8:30 น. อันเป็นช่วงที่นักเรียนเดินไปร.ร.กันเยอะตามถนนเล็กๆสายนี้ถ้าเกินกว่านี้ก็ต้องไปอีกเส้นทางที่อ้อมกว่าหน่อย .. ฟังดูเหมือนโรคจิตกลายๆเลยเนาะ ที่ตารางทุกอย่างต้องเป๊ะๆๆ คงติดโรคตารางเวลาจากคนญี่ปุ่น แม้กระทั่งเวลาไฟเีขียวแดงยังกะได้เป๊ะๆ
อิป้ายเนี่ย .. ด้วยความง่อยของภาษาคันจิหะแรกป้าโซไม่รู้หรอกว่ามันเขียนว่าไร เห็นตะรูปคนจูงมือเด็กก็เดาเอาว่าเป็นเส้นทางที่เด็กเดินไปร.ร.กันเยอะ เห็นคันจิเขียนวันเสาร์ อาทิตย์ วันหยุดเหมือนกัน กับเวลาก็ไม่ได้สนใจนัก คิดว่าเวลาช่วงนั้นเด็กเดินไปร.ร.กันเยอะ ขับรถระวังๆหน่อยนะยะ แต่มีอยู่วันนึงที่ป้าโซขับเข้าไปในเส้นทางนี้ตอนเลยเจ็ดโมงครึ่งไปนิดเดียวเอง ประมาณสองสามนาทีได้ คุณลุงที่คอยยืนดูแลเด็กตรงทางข้ามรถไฟเป็นประจำทุกวันก็โบกมือให้จอดแล้วบอกว่าเวลานี้ห้ามเข้านะคร้าบบบ คราวหน้าช่วยระมัดระวังด้วยเลยถึงบางอ้อ.. ว่าไอ้เวลาที่เค้าเขียนไว้ที่ป้ายน่ะมันคือห้ามเข้ายกเว้นวันเสาิร์อาทิตย์และวันหยุดราชการ คนเรา..มันก็ต้องมีบ้างที่โง่มาก่อนพลันปัญญาเิกิด
พอเ้ข้าเส้นทางปกติได้ก็เหยียบสะบัดถ้าไม่มีรถขับช้ามาเกะกะอยู่ข้างหน้า วันไหนโชคไม่ช่วยรถค้นหน้าขับอืดเป็นเต่าวันนั้นก็ต้องทำใจเพราะอยู่ในเขตห้ามแซง จะไปนึกโกรธเค้าก็ไม่สมควรเพราะเค้าก็ขับตามกฏที่ 40km/hr ระบายได้แค่แหกปากกับตัวเองดังๆว่า เอ๊า..เอาเ้ข้าไป อืดซะให้พอใจเลยคุ่ะคุณลุง อืดได้อืดไปอิฉันกัดฟันรอได้ รอช่วงจังหวะที่จะเข้าทางลัดเพื่อตะบึงได้ต่อไป การเร่งความเร็วเกินพิกัดนี่ก็ทำได้แค่ช่วงที่ไม่ใช่เขตชุมชน รถไม่เยอะ แล้วก็..แฮ่ๆ ไร้หมาต๋า.. ซึ่งส่วนมากคุณตำหนวดจะหลับหูหลับตาช่วงเร่งด่วนเช้าๆ ไม่มาปรากฏร่างให้เห็นนักหรอก ขากลับจากทำงานค่อยเ้อ้อระเหยลอยชายขับดุ๊ยดุ่ยเรื่อยๆได้
ที่นี่จะได้ยินเสียงหวอของรถฉุกเฉินบ่อยมาก เนื่องจากผู้สูงวัยเยอะอัตราความเสี่ยงของสุขภาพก็สูงตามไปด้วย คงจะเดี๋ยวป๊อก..เดี๋ยวป๊อก จะต้องได้ยินเสียงหวอรถฉุกเฉินนี่ทุกวันๆละหลายๆหน ถ้าอยู่บนท้องถนนก็ต้องเหลียวซ้ายแลขวาหน้าหลังดีๆว่ารถนั้นจะมาจากทางไหนแล้วต้องจอดรถแอบข้างทางเปิดถนนให้รถฉุกเฉินตะลุยผ่านไป รถทุกคันบนท้องถนนจะเป็นอย่างนี้หมด เห็นแล้วก็ทึ่งตะลึงๆในความร่วมมือของคนที่นี่ มันเป็นน้ำใจที่สวยงามจริงๆ คนบ้านเราก็คงน้ำใจงามอย่างนี้แหละ แต่ติดตรงบนถนนในกรุงเทพเมืองฟ้าอมรนั้น ถึงแม้อยากขยับเปิดทางให้แต่บางครั้งก็ขยับได้เพียงในใจเพราะไม่สามารถกระดิกกระเดี้ยหลบไปที่ใดได้..
รูปนี้ไปหยิบมาจากกูเกิ้ล ขอขอบคุณค่ะ..
พูดถึงมารยาทการขับรถบนท้องถนนที่นี่ คนส่วนมากจะเื้อื้อกันนะเรื่องเส้นทาง..ป้าโซว่า ถึงแม้อิลุงจะบ่นๆว่าคนไร้น้ำใจในเรื่องการให้ทางสำหรับรถจะเีลี้ยวก็ตาม เหอเหอ..มาขับรถที่เมืองฟ้าอมรของอิฉันเป็นได้ตีอกชกหัวสะอื้นไห้ดิ้นพราดๆเป็นแน่ ปาดได้เป็นปาด แทรกได้เป็นแทรก บีบแตรกันเป็นวงโยธวาทิต กรูจะเลี้ยวขวับไม่ให้สัญญาณเมิงก็ตาไวๆเองก็แล้วกัน ชนเมื่อไหร่อ๊ะๆๆ.. กรูถูกตะพึดตะพืออย่ามาเถียงนะเว้ย เดี๋ยวมีชกมีเสียบมียิง .. อิลุงก็เคยชินกับการขับรถในกรุงเทพฯอยู่หรอกเพราะอยู่มาหลายปี แต่ก็เถียงว่านี่ัมันญี่ปุ่นไม่ใช่เมืองไทย ระบบมันก็ต้องเป็นที่ๆไปเซ่ะ เออ..ตกลงว่าระบบบ้านเราเป็นงั้นฮีเลยรับได้ แต่ระบบที่นี่มันเป็นงี้ถ้าไม่ทำตามกฏสังคมก็รับไม่ค่อยได้ซะงั้น
แรกๆที่เห็นสัญญาณไฟที่(บ้านนอก)นี่ ก็แปลกใจว่าทำไมไม่มีสัญญาณไฟเลี้ยวเลยแฮะ จะมีก็เฉพาะในตัวเมืองที่เป็นสี่แยกใหญ่จริงๆ รถจะเลี้ยวตรงสี่แยกนี่ต้องใจเย็นเพราะต้องรอรถทางตรงให้ผ่านไปก่อนถ้าได้ช่วงที่ไม่มีสวนมาค่อยเลี้ยวไปได้ แต่ก็มีช่วงรถตรงข้ามจะเลี้ยวขวาเหมือนกัน ต่างคนต่างก็ต้องไปจอดรออยู่ที่กลางถนนซึ่งเค้าทำเครื่องหมายไว้ให้ แล้วคอยจ้องว่ารถตรงข้ามที่ตามมาจะตรงมาหรือเปล่า ถ้ายังตรงมาก็ต้องรอต่อไป เพราะฉะนั้นบางครั้งหนึ่งไฟแดงรถเลี้ยวขวาจะผ่านไปได้แค่สี่ห้าคันเท่านั้น แต่ก็ไม่มีปัญหาเพราะถนนที่นี่เชื่อมต่อกันตลอด ไม่เลี้ยวครั้งนี้ก็ตรงไปเลี้ยวอีกเส้นทางนึงได้ ไม่เคยประสบปัญหารถติดหนึบหนับ
การให้ทางจะใช้สัญญาณไฟกระพริบใส่กันครั้งเดียว เช่น ถ้ามีรถฝั่งตรงข้ามจะเลี้ยวขวาและเราอยู่ในระยะที่สามารถชะลอให้เค้าได้ก็จะกระพริบไฟให้เค้าเลี้ยวไปก่อน รถคันที่เลี้ยวก็จะยกมือเป็นพระปางห้ามญาิติข้างนึงเพื่อแสดงความขอบคุณ(เอ๊ะ..เกี่ยวไรกับพระปางห้ามญาิติด้วย) หรือไม่ก็กดแตรสั้นๆครั้งเดียวเป็นการขอบคุณ ถ้ารถที่จะเลี้ยวจากซอยออกมาและรถบนถนนกระพริบไฟให้ทาง พอรถออกมาเข้าสู่ทางตรงได้ก็จะเิปิดไฟขอทางกระพริบวาบๆให้รถคันหลังเป็นการขอบคุณอีกเช่นกัน ไอ้เรื่องกระพริบไฟเนี่ยค่อนข้างจะต่างจากบ้านเราที่บ้านเรากระพริบไฟหมายถึงการขอทางไม่ใ่ช่ให้ทางอย่ามานะเว้ยยย กรูชนแหลกกกก..
บ้านเราคนขับรถเป็นใหญ่ในการใช้ถนน รถเล็กรถน้อยและคนเดินถนนมีหน้าที่ต้องหลบรถใหญ่ ไม่งั้นก็เสี่ยงเอาว่าจะไปเกิดใหม่หรือไม่? แต่ที่นี่กลับกัน คนเดินถนนและรถเล็กรถน้อยเ่ช่นมอไซด์ จักรยาน สามารถใช้ถนนได้อย่างสบายใจ รถใหญ่มีหน้าที่ระวังหลบหลีกเอง เช่นจะัขับแซงรถจักรยานหรือคนเดินอยู่บนไหล่ถนนก็จะต้องเบนรถออกมาให้ได้ระยะและขับแซงด้วยการลดความเ็ร็วลง ถ้ามีรถสวนมาก็ต้องชะลอรอให้รถสวนมาผ่านไปก่อนแล้วค่อยเบนรถออกให้ห่างพวกรถเล็กรถน้อยนั่น ถึงแม้เค้าจะขี่อยู่บนไหล่ทางก็ตามที ชะรอยเป็นเพราะเกรงว่าถ้าขับเฉี่ยวใกล้ๆแล้วแรงลมอาจตีรถให้ล้มได้โดยเฉพาะถ้าท่านผู้เฒ่าทั้งหลายเป็นผู้ขับขี่ ถึงจะไม่ล้มเพราะแรงลมก็อาจเป็นลมล้มพับกระทันหันการระวังไว้เช่นนี้จะได้ไม่ไปเหยียบท่านเข้า..(อันนี้ป้าโซคิดเอง จะคิดน่ากลัวเกินไปมั้ยเนี่ย?)
เพราะความที่คนเดินถนนเป็นใหญ่นี่เองที่บางครั้งก็ทำความรำคาญให้อิลุง โดยเฉพาะชม.เร่งด่วนตอนเช้า เนื่องจากแถวบ้านเป็นร.ร.ประถมช่วงที่ลุงออกไปทำงานนั้นเด็กจะ้ข้ามถนนกันเยอะ ไอ้ข้ามตามสัญญาณไฟน่ะไม่เท่าไหร่แต่พวกเล่นเดินเอ้อระเหยลอยชาย บางคนก็เดินแหย่กันกลางถนนซะงั้น รถที่รอจะเลี้ยวก็ต้องจอดรถท่านเล็กๆพวกนี้ข้ามให้หมดก่อนซึ่งหมดสัญญาณไฟเขียวของรถพอดี พวกอาสาสมัครที่มาคอยยืนกั้นรถให้เด็กก็ไม่ออกปากเร่งเด็กให้เดินเร็วๆ ถึงแม้สิทธิ์คนเดินถนนจะมาก่อนแต่ก็ควรต้องคิดถึงคนอื่นที่ใช้ถนนร่วมกันด้วย สอนใครว่าใครไม่ได้ก็มาลงที่ลูกตัวเอง.. จำไว้นะเอ็ง.. อย่าทำยังเง้ เจอเมื่อไหร่จะเปิดกระจกออกไปด่าซะให้
ป้าโซขับรถที่ญี่ปุ่นนานเท่าอายุการทำงานที่ใหม่นี่พอดีพอดิบ .. จะสองปีอีกไม่กี่เดือนเนี่ย ปีหน้าเดือนกันยาถึงกำหนดต้องไปเปลี่ยนใบขับขี่ใหม่เพื่อต่ออายุละ พูดถึงเส้นทางที่ป้าโซใ้ช้อยู่ก็ไม่ไ้ด้คืบหน้าไปจากปีแรกเลย เพราะไม่ค่อยออกนอกเส้นทางไปไหน จากบ้านไปที่ทำงาน ไปซื้อกับข้าว ไกลหน่อยก็พาลูกไปคลีนิคผิวหนังเรื่องสิวหนุ่ม ล้วนแต่นอกๆเมืองทั้งนั้น ยังไม่เคยขับเข้าตัวเมืองเลยด้วยกลัวป้ายบอกทางต่างๆ ก็มีภาษาอังกฤษกำกับด้วยอยู่หรอกแต่ตัวเล็กมากเป็นอุปสรรคต่อการมองเห็นอย่างยิ่ง ถึงลุงบอกไม่ยากๆ ก็เหอะ.. แต่ก็หมายตาไว้นะว่าซักวันจะต้องลองขับเข้าไปลุ้นดู..
พบกันใหม่บล็อกหน้าขอบคุณที่ติดตาม สวัสดีค่ะ..
Create Date : 09 ธันวาคม 2555 |
Last Update : 9 ธันวาคม 2555 16:13:52 น. |
|
22 comments
|
Counter : 3577 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ablaze357 วันที่: 9 ธันวาคม 2555 เวลา:16:27:11 น. |
|
|
|
โดย: story_dnp วันที่: 9 ธันวาคม 2555 เวลา:17:10:54 น. |
|
|
|
โดย: นุ้ยหนุ่ย IP: 111.191.163.144 วันที่: 9 ธันวาคม 2555 เวลา:18:30:01 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 9 ธันวาคม 2555 เวลา:23:29:35 น. |
|
|
|
โดย: Bkkbear วันที่: 11 ธันวาคม 2555 เวลา:8:40:59 น. |
|
|
|
โดย: หกพันไมล์ วันที่: 11 ธันวาคม 2555 เวลา:11:17:50 น. |
|
|
|
โดย: steelcobra วันที่: 11 ธันวาคม 2555 เวลา:13:02:12 น. |
|
|
|
โดย: aew_ IP: 1.2.152.66 วันที่: 11 ธันวาคม 2555 เวลา:15:03:06 น. |
|
|
|
โดย: Dingtech วันที่: 11 ธันวาคม 2555 เวลา:20:30:52 น. |
|
|
|
โดย: find me pr วันที่: 12 ธันวาคม 2555 เวลา:11:36:12 น. |
|
|
|
โดย: find me pr วันที่: 13 ธันวาคม 2555 เวลา:10:00:49 น. |
|
|
|
โดย: yyswim วันที่: 13 ธันวาคม 2555 เวลา:19:17:21 น. |
|
|
|
โดย: ablaze357 วันที่: 13 ธันวาคม 2555 เวลา:22:04:06 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 14 ธันวาคม 2555 เวลา:6:22:39 น. |
|
|
|
โดย: คนขับช้า วันที่: 14 ธันวาคม 2555 เวลา:13:19:51 น. |
|
|
|
โดย: Bkkbear วันที่: 21 ธันวาคม 2555 เวลา:10:39:31 น. |
|
|
|
โดย: kamaron วันที่: 23 ธันวาคม 2555 เวลา:3:32:40 น. |
|
|
|
โดย: wachi IP: 101.108.26.140 วันที่: 2 เมษายน 2556 เวลา:18:25:38 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
คุรุเม่ ฟุกุโอกะ Japan
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]
|
สวัสดีค่ะ ..
ป้าโซอยู่อำเภอเล็กๆแห่งหนึ่งในจังหวัดฟุกุโอกะ ซึ่งอยู่ในเกาะคิวชู เกาะทางใต้ของญี่ปุ่น
เรื่องราวที่เล่าๆสู่กันฟังนี่ มาจากประสบการณ์ส่วนตัวซึ่งสอดแทรกความคิดเห็นเข้าไปด้วย อันไหนไม่เข้าทีก็อ่านผ่านๆไปละกันนะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามาค่ะ
|
|
|
|
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|