สุทธินี เมธีประภา, รศ.ดร วีณา เชิดบุญชาติ, ทพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ เลขาฯรมว.พม., สุพัฒนา อาทรไผทและสมชาติเจริญอำนวยสุข ร่วมรณรงค์ยุติความรุนแรงในเด็ก สตรี และครอบครัว

ด้วยในวันที่ 25 พฤศจิกายนของทุกปี เป็น “วันยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี” หน่วยงานสตรีจึงรวมพลังจัดกิจกรรมยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ตลอดทั้งเดือนพฤศจิกายน เพื่อสร้างความตื่นตัวและเป็นแนวร่วมในการหยุดการกระทำความรุนแรงต่อเด็กและสตรี เริ่มด้วยสมาคมบัณฑิตสตรีทางกฎหมายแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับ สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จัดการสัมมนาวิชาการเรื่อง “พลังเยาวชน “หยุด” การกระทำความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และครอบครัว” เพื่อเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจถึงสิทธิ หน้าที่อันพึงมีตามกฎหมาย และสร้างภาวะผู้นำ แก่เยาวชน ซึ่งมีกลุ่มสตรีและผู้นำชุมชน และนักศึกษาเข้าร่วมงานจำนวนมาก ที่โรงแรมปริ๊นซ์ พาเลส เมื่อเร็วๆนี้

ในงาน นางปวีณา หงสกุล รมว.พม. ได้กล่าวว่า ปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว เป็นปัญหาสังคมที่มีหลากหลายรูปแบบ อาทิ ความรุนแรงจากการทำร้ายร่างกายหรือจิตใจ, การหน่วงเหนี่ยวกักขัง, การล่วงละเมิดทางเพศ และการทารุณกรรมเด็ก ซึ่งปัญหาเหล่านี้นับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อความสงบสุขของบุคคลในครอบครัวและสังคม ปัญหาสังคมเป็นปัญหาใหญ่ที่ทุกคนไม่ว่าภาครัฐและประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา โดยปัญหาที่ทาง พม.ได้รับการแจ้งมากที่สุดคือ การท้องไม่พร้อม, การค้ามนุษย์ ค้าประเวณี และปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นในรูปแบบของการทำร้ายร่างกาย สามีทำร้ายร่างกายลูกและภรรยา งานนี้จึงเป็นการนำเยาวชนของชาติมาทำความเข้าใจว่า ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวไม่ใช่เป็นปัญหาส่วนตัวแล้ว แต่เป็นปัญหาสังคม ที่เราต้องช่วยกัน เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันในการช่วยแก้ปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และครอบครัวต่อไป

นอกจากนี้ สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ยังร่วมกับ สภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ เตรียมจัดสัมมนาเรื่อง “เดินหน้า แลหลัง 6 ปี กับการบังคับใช้กฎหมายความรุนแรงในครอบครัว ยุติได้จริงหรือ?” ในวันที่ 18 พ.ย. ที่โรงแรมปริ๊นซ์ พาเลส โดยประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ สุพัฒนา อาทรไผท กล่าวว่า การสัมมนาครั้งนี้เพื่อทบทวนสภาวการณ์ความรุนแรง รวมทั้งการใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และระดมความคิด เพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหาที่เหมาะสม รวมใจต่อต้านและขจัดความรุนแรงทุกรูปแบบให้ลดน้อยลง เพราะปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และครอบครัว นับเป็นปัญหาสำคัญทาง สังคม ที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาศักยภาพเด็กและสตรี ส่งผลให้ครอบครัวต้องแบกรับภาระที่ยาวนาน ด้าน สมชาย เจริญอำนวยสุข ผอ.สำนักงานกิจการสตรีและครอบครัว กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้ได้บังคับใช้มา 6 ปีแล้ว แต่ขณะนี้ก็ยังปรากฏว่ามีความรุนแรงในครอบครัวอยู่ ไม่ใช่ ว่ากฎหมายไม่มีประโยชน์ ซึ่งถ้ามองในแง่ดี การมีกฎหมายทำให้คนที่ประสบความรุนแรงในครอบครัวกล้าเปิดเผยมากขึ้น ถ้ามองในแง่ร้าย กฎหมายก็ไม่ได้ยุติปัญหาความรุนแรง ยังคงมีเพิ่มขึ้นทุกปี ถ้าเรามองเป็นโอกาส เราได้เห็นความรุนแรงที่เกิดขึ้นในครอบครัว เรารู้ปัญหาอยู่ตรงไหนบ้าง และจะได้หาแนวทางแก้ไขต่อไป โดยกฎหมายฉบับนี้มุ่งประสงค์ไม่ให้เกิดการกระทำซ้ำ และให้ครอบครัวอยู่กันอย่างมีความสุข ไม่ได้ต้องการให้คนติดคุก.