พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานโครงการตามพระราชดำริ ให้แก่รัฐบาลหรือองค์การต่างๆมากมายหลายพันโครงการ อย่างที่พวกเราได้ทราบกันแล้ว ดิฉัน (พญ.คุณหญิงอัมพร) มีส่วนได้เห็นการทรงงานและการตระเตรียมงานของพระองค์ท่าน ใน โครงการเขื่อนเก็บกักน้ำแม่น้ำป่าสัก ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ให้เกษตรกรในภาคกลางตอนล่างใช้น้ำเพื่อการเพาะปลูก (ลุ่มน้ำป่าสักและลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง) และยังสามารถช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยที่สามารถมาถึงกรุงเทพฯ ได้อีกด้วย
ก่อนสร้างเขื่อนป่าสัก พระองค์ทรงมีความห่วงใยราษฎรที่อาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่ก่อสร้าง ซึ่งมีบ้านเรือนอยู่ประมาณ 3,800 ครัวเรือน ราษฎรไม่เข้าใจเหตุผลจึงมีการต่อต้านเกิดขึ้น พร้อมทั้งเรียกร้องค่าชดเชยมากมาย พระองค์ทรงทราบเรื่องดีทุกประการ แต่ประโยชน์ที่จะบังเกิดนั้นมากมายมหาศาล จึงทรงเตรียมการและหาข้อมูลต่างๆเพื่อชี้ให้เห็นประโยชน์ของการสร้างเขื่อนแห่งนี้ไว้ล่วงหน้าหลายปี
ตามปกติจะมีเจ้าหน้าที่ทำแผนที่อากาศ ภาพถ่ายดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา และข้อมูลฝน ขึ้นทูลเกล้าฯถวายทุกวัน เป็นเวลาหลายสิบปีมาแล้ว ซึ่งดิฉันก็เคยเห็นเขามารอถวายหลายครั้ง เรื่องของดินฟ้าอากาศ ถ้าพระองค์ท่านเห็นพวกเราไม่ใคร่ทราบเรื่องอย่างนี้ ก็ทรงพระเมตตาพระราชทานความรู้ให้
เมื่อต้นปี พ.ศ.2532 ดิฉันมีโอกาสกราบบังคมทูลว่ามีญาติทำงานกรมอุตุนิยมวิทยา ชื่อนายธีระนันท์ รักตะบุตร ขณะนั้นเป็นหัวหน้าฝ่ายพยากรณ์อากาศ พระองค์ท่านจึงทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้เข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ พร้อมกับนายสงกรานต์ อักษร นักอุตุนิยมวิทยา กองพยากรณ์อากาศ ซึ่งได้กราบบังคมทูลรายงานการวิเคราะห์แผนที่แสดงเส้นฝนเท่า (Isohyetal map) ของปริมาณฝนรวมในรอบ 1 ปี ของประเทศไทยใน พ.ศ.2532 พระองค์มีรับสั่งให้ไปศึกษาปริมาณน้ำฝนที่ตกในพื้นที่ลุ่มน้ำป่าสักอย่างละเอียดกว่าเดิม ซึ่งมีสถานีตรวจฝนอยู่เพียง 25 สถานีต่อพื้นที่ 16,120 ตารางกิโลเมตร ทรงเสนอให้เพิ่มอีก 88 สถานี รวมเป็น 113 สถานี ทำให้ได้ข้อมูลปริมาณน้ำฝนที่แม่นยำขึ้น
จะเห็นว่าพระองค์ทรงรอบรู้อย่างถ่องแท้ การศึกษาล่วงหน้าทำให้ทราบ ปริมาณน้ำท่าเฉลี่ยได้ถึง 8,190 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเพียงพอที่จะกักเก็บไว้เพื่อการอุปโภคบริโภคและใช้ในการเกษตรได้ในช่วงฤดูแล้ง
ผลจากการเอาพระทัยใส่ ทรงศึกษาและติดตามข้อมูลด้วยพระราชอุตสาหะ วิริยะของพระองค์ท่านเป็นเวลาถึง 4 ปี เมื่อถึงต้นเดือนพฤษภาคม 2537 รัฐบาลได้เริ่มเปิดโครงการก่อสร้างเขื่อนเก็บกักน้ำ แม่น้ำป่าสัก และเขื่อนสร้างเสร็จตรงกับปีที่เฉลิมฉลองพระชนมพรรษา 72 พรรษา ในปี พ.ศ. 2542 พระองค์พระราชทานชื่อเขื่อนแห่งนี้ว่า เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานเปิดเขื่อนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2542 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเราก็ได้เห็นแล้วว่าเขื่อนแห่งนี้ให้ประโยชน์มหาศาลและยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของประเทศอีกด้วย
พระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเกี่ยวกับเรื่องลมฟ้าอากาศ ซึ่งพระองค์ทรงสนพระทัยรอบรู้เป็นอย่างดี เมื่อครั้งที่ผม (ธีระนันท์ รักตะบุตร) ได้เข้าเฝ้าถวายรายงานสรุปโครงการพระราชดำริ ตรวจวัดปริมาณน้ำฝนที่ตกในบริเวณลุ่มแม่น้ำป่าสัก ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ปรากฏว่าช่วงเวลานั้นได้มีพายุ 2 ตัว เป็นพายุโซนร้อนกับพายุไต้ฝุ่น ก่อตัวอยู่ทางทะเลจีนใต้ ซึ่งเคลื่อนตัวมาทางทิศตะวันตกในแนวเดียวกัน แต่ห่างกันพอสมควร และมีแนวโน้มว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนาม แล้วเลยมาเข้าประเทศไทย หากยังไม่สลายตัวไปเสียก่อน ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาก็ประกาศเตือนมาเป็นระยะๆ ยิ่งใกล้ฝั่งเวียดนามหัวหน้าหน่วยงานนี้ก็แถลงข่าวสัมภาษณ์ออกทีวีให้ระวังพายุโซนร้อนลูกนี้จะเข้ามาอ่าวไทยแล้วจะเคลื่อนขึ้นฝั่งในแนวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และชุมพร ทำให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวเกิดความวิตกกังวลกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น และอาจซ้ำรอยพายุ เกย์ ที่เคยถล่มจังหวัดชุมพรมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระราชหฤทัยและทรงห่วงใยประชาชนทางภาคใต้ที่อาจประสบภัยพิบัติในครั้งนี้ จึงตรัสถามว่า มีความเห็นอย่างไร ผมจึงกราบบังคมทูลความเห็นในทางวิชาการไปว่า พายุโซนร้อนนี้เริ่มเคลื่อนตัวช้าลงและอยู่ห่างฝั่งประเทศเวียดนามพอสมควร ประกอบกับในช่วงเวลาดังกล่าวมีบริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนกำลังจะแผ่ลิ่มลงมาทางใต้เข้าปกคลุมทะเลจีนใต้อยู่พอดี ทำให้พายุโซนร้อนลูกนี้อ่อนกำลังลง ขณะเดียวกัน พายุไต้ฝุ่นที่เคลื่อนตามมาจะช่วยดึงให้พายุโซนร้อนลูกนี้เปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนตัวไปทางเหนือ
พระองค์ท่านทอดพระเนตรแผนที่อากาศและภาพถ่ายดาวเทียมที่นำไปทูลเกล้าฯถวายอยู่นานพอสมควร พร้อมกับรับสั่งว่า ดูในปัจจุบันแล้วเห็นว่า พายุโซนร้อนลูกนี้น่าจะหยุดเคลื่อนตัวแล้วเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนตัว ไม่มีผลกระทบแก่ประเทศไทย หากเข้ามาตามที่เขาประกาศ ภาคใต้เราคงจะแย่แน่ พร้อมกับแย้มพระสรวลเล็กน้อย หลังจากนั้นประมาณสองวัน เหตุการณ์กลับเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มาก เพราะว่าพายุโซนร้อนลูกนี้กลับหยุดการเคลื่อนที่พร้อมกับปรับทิศทางการเคลื่อนตัวไปทางเหนือ ไปขึ้นฝั่งที่ประเทศจีนตอนใต้ ตรงตามที่พระองค์ท่านทรงวินิจฉัยอย่างถูกต้องทุกประการ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเปรียบเสมือน ฟ้า อันกว้างใหญ่ไพศาล เพราะทรงเป็นผู้ ให้ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ความสุขของพระองค์ท่านเกิดจากการทรงงานเพื่อราษฎร หน้าที่ของพวกเราชาวไทยทั้งหลายคือ ทำงานด้วยความขยันหมั่นเพียร ซื่อสัตย์สุจริต ถวายความจงรักภักดีแด่พระองค์ท่าน ซึ่งเท่ากับเป็นการถวายความสุขให้แก่องค์พระประมุขซึ่งทรงเป็นต้นแบบให้แก่พวกเราทั้งหลาย
และในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 86 พรรษา 5 ธันวาคม 2556 นี้ มูลนิธิ คิง เพาเวอร์ ร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ได้ร่วมฉลองวาระอันเป็นมงคลดังกล่าว ด้วยการจัดทำโครงการจัดสร้างพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงงาน (จำลอง) ขนาดความสูง 60 เซนติเมตร หล่อด้วยสำริด เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมบริจาค 50,000 บาท เพื่อรับพระบรมรูปฯ หนึ่งองค์ โดยจัดสร้างจำนวน 9,999 องค์ เงินบริจาคหลังหักค่าใช้จ่าย นำขึ้นทูลเกล้าฯถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเสด็จพระราชกุศลแก่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ เนื่องในโอกาสก่อตั้งครบรอบ 50 ปี