"สตูล"เปิดประตู ประชาคมอาเซียน
"สตูล"เปิดประตู ประชาคมอาเซียน
วิภาวี จุฬามณี
ธรรมชาติที่สวยงาม และวัฒนธรรมที่หลากหลาย ทำให้ "สตูล" มีเสน่ห์ไม่น้อยไปกว่าจังหวัดอื่นๆ
จุดเด่นของสตูลอีกอย่าง คือเป็นเมืองชายแดน มีด่านชายแดนสำคัญ 2 แห่ง ได้แก่ ด่านตำมะลัง อ.เมือง และด่านวังประจัน อ.ควนโดน เชื่อมต่อกับรัฐเคดาห์ และรัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย
ในโอกาสที่ประเทศไทยจะก้าวสู่ประชาคมอาเซียนในปีพ.ศ.2558 สตูลในฐานะที่เป็นประตูด้านทิศใต้ จึงต้อง เตรียมพร้อมรับการมาเยือนของเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว
"สตูลเป็นเมืองสงบ มีวิถีชีวิตเรียบง่าย การท่องเที่ยวของเราจึงไม่เน้นนำเข้าความเจริญจากภายนอก ไม่ต้องการสิ่งก่อสร้างมาก แต่เน้นไปที่การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เพราะมองเห็นว่าการมีส่วนร่วมของประชาชนที่แท้จริง คือประชาชนต้องได้ประโยชน์ ถ้าทำแล้วปากกัดตีนถีบเขาคงไม่อยากมาทำด้วย" นายเหนือชาย จิระอภิรักษ์ ผวจ.สตูล เผยทิศทางการพัฒนาจังหวัด
หนึ่งในตัวอย่างการพัฒนาที่ดึง "จุดเด่น" ของชุมชนมาเป็น "จุดขาย" สร้างรายได้ให้ชาวบ้านยืนได้ด้วยตัวเอง มีให้เห็นแล้วที่ "ศูนย์เรียนรู้ชุมชนตำบลเกตรี" อ.เมือง จ.สตูล
นายกรียา อาดำ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.เกตรี เกริ่นแนะนำว่า ต.เกตรี มีประชากร 80 เปอร์เซ็นต์ นับถือศาสนาอิสลาม อีก 20 เปอร์เซ็นต์นับถือศาสนาพุทธ ส่วนใหญ่เลี้ยงชีพด้วยการทำเกษตรกรรม
ปีพ.ศ.2549 สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสตูล เข้ามาตั้งศูนย์เรียนรู้ชุมชนตำบลเกตรี บนพื้นที่ของศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรเดิม เพื่อเป็นฐานเรียนรู้ทั้งด้านเศรษฐกิจพอเพียง การเกษตร การประมง การปศุสัตว์ การจัดการ พลังงานทดแทน สุขภาวะชุมชน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ประเพณีวัฒนธรรม รวมถึงการจัดการโฮมสเตย์ชุมชน ทุกวันนี้มีคณะมาศึกษาดูงานไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1,000 คน
"ชาวเกตรีอยู่กันแบบสังคมเครือญาติ เรารู้จักกันหมด เพราะทำกิจกรรมร่วมกันตลอด ดังนั้นเวลามีปัญหากระทบกระทั่งกันก็จะใช้วิธีพูดคุย แก้ปัญหากันในพื้นที่ จึงไม่ค่อยมีเรื่องไปถึงโรงพัก"
ผู้ใหญ่กรียาว่าแล้วพาเดินดูฐานการเรียนรู้ต่างๆ เริ่มจากชิมน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพ ทดลองทำขนมพื้นบ้านอย่าง "บุหงาปูดะ" แต่ที่แปลกกว่าใครคือ "กาแฟใส่ไข่" ของกลุ่มสตรีบ้านเกตรี ว่ากันว่าเป็นกาแฟสูตรพื้นเมืองที่สืบทอดกันมากว่า 100 ปี ส่วนผสมประกอบด้วย เมล็ดกาแฟอาราบิก้า น้ำตาลทราย น้ำตาลอ้อย และไข่ไก่ เวลาจะดื่มก็ชงแล้วเติมน้ำตาลหรือนมข้นหวานตามใจชอบ
นอกจากมุ่งพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือการพัฒนาด่านชายแดนสำคัญทั้ง 2 แห่ง ได้แก่ ด่านวังประจัน ซึ่งเป็นประตูเชื่อมโยงทางบก และด่าน ตำมะลัง ประตูทางทะเล
สำหรับด่านวังประจัน ตั้งอยู่บนพื้นที่ 49 ไร่ ได้รับมอบจากอุทยานแห่งชาติทะเลบัน ในจำนวนนี้มีพื้นที่ 19 ไร่ ที่ได้รับอนุมัติเป็นเขตบริการและจัดตั้งตลาดนัดชายแดนไทย-มาเลเซีย
ตลาดนัดแห่งนี้เปิดบริการทุกวัน แต่จะคึกคักมากในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ จะมีชาวมาเลเซียข้ามมาซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในฝั่งไทย ขณะที่คนไทยเองก็ข้ามฝั่งไปซื้อสินค้าที่ด่านวังเกลียน ประเทศมาเลเซีย
นายพิศาล นาแว นายอำเภอควนโดน เล่าถึงทิศทางการพัฒนา เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนว่า เดิมทีบริเวณนี้มีปัญหาเรื่องนักท่องเที่ยวและผู้ค้าจอดรถและตั้งร้านบนพื้นที่ถนน จึงจัดระเบียบใหม่ให้ตั้งร้านอยู่ชิดขอบทาง หาที่จอดรถให้เพียงพอ และมีอส.คอยอำนวยความสะดวก
นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือจากผู้ขับขี่จักรยานยนต์รับจ้าง ให้แต่งกายแสดงสัญลักษณ์ รวมถึงดูแลเรื่องการเก็บค่าโดยสาร ให้ผู้ใช้บริการได้รับความเป็นธรรม
ส่วนบรรยากาศที่ด่านตำมะลัง ซึ่งมีเรือเฟอร์รี่ข้ามฝั่งไปเกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย โดยใช้เวลาเดินทางเพียง 1 ชั่วโมง นั้น ตลอดทั้งวันก็มีผู้มาใช้บริการไม่ขาดสาย
พ่อเมืองสตูลให้ข้อมูลว่า ส่วนมากจะเป็นชาวไทยที่ข้ามไปเที่ยวเกาะลังกาวี ส่วนที่ข้ามมาเที่ยวฝั่งไทย นอกจากชาวมาเลเซียแล้ว ยังมีนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย และตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีคุณภาพ มาแล้วมักจะพักอยู่นานๆ
ทางจังหวัดจึงพยายามจะดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ โดยมีแนวคิดจะตั้งด่านตรวจคนเข้าเมืองที่เกาะหลีเป๊ะ นักท่องเที่ยวจากลังกาวีจะได้นั่งเรือมาขึ้นเกาะหลีเป๊ะได้โดยตรง ไม่ต้องอ้อมมาทำเอกสารที่ด่านตำมะลัง
ขณะนี้ สภาความมั่นคงแห่งชาติ เห็นชอบในหลักการ อยู่ระหว่างการออกแบบ ของบฯ ก่อสร้าง และรอการอนุมัติจากครม.
ทั้งหมดนี้คือโฉมหน้า "สตูล" ในยุคเตรียมพร้อมเปิดประตูสู่ประชาคมอาเซียน
| Create Date : 02 พฤศจิกายน 2556 |
| Last Update : 2 พฤศจิกายน 2556 2:28:59 น. |
|
0 comments
|
| Counter : 858 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 96 คน [