นักวิชาการจุฬาฯจวกยับ พฤติกรรมรัฐสภา นักการเมืองตกต่ำกว่ามาตรฐาน ใช้อำนาจจนลืมความรับผิดชอบต่อประชาชน...

เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 56 ที่คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการจัดเสวนา เรื่อง ปัญหานิรโทษกรรมกับอนาคตของชาติ โดย รศ.มานิตย์ จุมปา อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า โดยหลักสากลแล้ว การเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ได้มีความมุ่งหมายในการสร้างความปรองดอง แต่ไม่มีประเทศไหน มุ่งหมายให้เกิดการยกเว้นเรื่องการทุตริตคอรัปชัน การที่ผู้ชุมนุมออกมารวมตัวคัดค้านนั้น เป็นเรื่องการเคลื่อนไหวเชิงสัญญะ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ทุกฝ่ายมุ่งคัดค้าน พ.ร.บ. ฉบับนี้ ถือว่าเป็นปรากฎการณ์ทางสังคม ซึ่งรัฐบาลควรจะรับฟัง เพราะแยกออกการชุมนุมขับไล่รัฐบาล สะท้อนให้เห็นว่า สังคมไทยไม่เห็นด้วยกับการทุจริตคอรัปชัน อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่า กฎหมายฉบับนี้มีปัญหาเชิงกระบวนการ จากวาระที่ 1 สู่การพิจารณาวาระที่ 2 ได้มีการรวบรัดตัดความ โดยไม่เปิดโอกาสให้ให้ฝ่ายค้านได้อภิปรายอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ สิ่งที่จะสามารถทำให้ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม หายไปได้ มี 2 แนวทาง คือ การที่นายกฯ ประกาศยุบสภา หรือรอเวลาให้สภาผู้แทนราษฎรหมดวาระ

ศ.สุริชัย หวันแก้ว ผอ.ศูนย์ศึกษาสันติภาพและความขัดแย้ง จุฬาฯ กล่าวว่า นับว่า การเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เกือบจะสำเร็จแล้ว หากภาคประชาชนไม่ตื่นตัวร่วมกันคัดค้าน สะท้อนได้ชัดเจนว่า พ.ร.บ.นี้ ทำลายความศรัทธาประชาชน ที่มีความเชื่อมั่นต่อสถาบันรัฐสภา และสถาบันการเมือง เห็นได้ตั้งแต่จากปัญหามหาอุทกภัย เป็นต้นมา รัฐบาลพยายามใช้เสียงข้างมากตามหลักประชาธิปไตยที่ไม่ถูกต้อง ถูกนักการเมืองใช้เป็นพฤติกรรมแบบอหังกา นี่คือสิ่งที่อันตรายที่สุด เพราะเป็นการเมืองเชิงอำนาจ ที่แย่งชิงผลประโยชน์จนลืมความรับผิดชอบต่อประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงทางการเมือง

ศ.สุริชัย กล่าวต่อว่า ไม่เพียงเท่านั้นยังสะท้อนให้เห็นสถานการณ์การเมืองไทยขณะนี้ ว่า พฤติกรรมของรัฐสภาและนักการเมืองต่ำกว่ามาตรฐานที่ควรจะเป็นอย่างยิ่ง และประชาชนก็ฝากอนาคตไว้ด้วยไม่ได้ ขณะเดียวกันผู้นำรัฐประหาร กลับไปจับมือกับผู้นำ พ.ร.บ. นิรโทษกรรม เรียบร้อยแล้ว ยิ่งทำให้ชวนมองว่า นี่คือการสร้างปัญหาให้มากขึ้นหรือไม่ เป็นเกมการต่อรองกันหรือไม่ ซึ่งถ้าหากในพรรครัฐบาล มีคนสำนึกเรียนรู้จะต้องไม่ลืมการสำนึกต่อประชาชนคนไทย ซึ่งไม่ใช่สำนึกต่อคนของตัวเองเท่านั้น ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เอง ก็ควรคิดถึงอนาคตของชาติเป็นหลัก ลดการสร้างเงื่อนไขเกมการต่อรองทางการเมือง ไม่ควรต่อสู้กันเพื่อเอาชนะรอบเดียวหรือชั่วข้ามคืน และลดการเผชิญหน้า ก็จะช่วยให้ประเทศเดินต่อไปได้ รวมทั้งจะช่วยปรับปรุงสถาบันรัฐสภาให้ดีขึ้น