กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศเตือนชาวอเมริกันทั่วโลก ระวังภัยการก่อการร้ายครั้งใหม่ โดยกลุ่มอัล-เคดา และกลุ่มติดอาวุธ โดยควรหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีชาวอเมริกันอยู่รวมกลุ่มกันจำนวนมาก...

กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ประกาศเตือนระวังภัยก่อการร้ายทั่วโลกต่อต้านสหรัฐฯ โดยกลุ่มก่อการร้ายอัล-เคดา และกองกำลังติดอาวุธกลุ่มอื่นๆ อีกทั้งเตือนพลเมืองอเมริกันทั่วโลก ให้เฝ้าระวังภัยขั้นสูง ทั้งนี้ คำประกาศเตือนภัยระบุถึงเป้าหมายที่อาจถูกโจมตี ได้แก่ สถานที่จัดการแข่งขันกีฬา สำนักงาน โรงแรม และสถานที่สำคัญอื่นๆ ตั้งแต่ย่านพักอาศัย ไนต์คลับ ร้านอาหาร สถานประกอบศาสนกิจ โรงเรียน พื้นที่สาธารณะ ห้างสรรพสินค้า และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ที่มีชาวอเมริกันชุมนุมกันเป็นจำนวนมาก

โดยแผนการโจมตี อาจรวมถึงปฏิบัติการพลีชีพของกลุ่มคนร้าย การลอบสังหารบุคคลสำคัญ การลักพาตัว การจี้ยานพาหนะและการวางระเบิด พื้นที่ปฏิบัติการอาจเกิดขึ้นได้ทั้งในยุโรป เอเชีย แอฟริกา และตะวันออกกลาง

ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ได้อ้างแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ มาจากคำขู่ของกลุ่มพลังปฏิวัติเสรีภาพประชาชนในยุโรป ซึ่งกลุ่มนี้อ้างเกี่ยวข้องเหตุระเบิดสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงอังการา ของตุรกี เมื่อช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา นอกจากนั้น กองกำลังกลุ่มนี้ อยู่ระหว่างการพยายามโจมตีผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในภูมิภาคตะวันออกกลางและทวีปแอฟริกาตอนเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเลบานอน อิรัก แอลจีเรีย ลิเบีย ซาอุดีอาระเบีย และเยเมน นอกเหนือจากเหตุวุ่นวายภายในประเทศที่มีอยู่แล้วในปากีสถาน อัฟกานิสถาน และอินเดีย เช่นเดียวกับความรุนแรงจากการประท้วงในอียิปต์ ซีเรีย และตูนิเซีย

ขณะเดียวกัน รัฐบาลสหรัฐฯ ยังได้เตือนระวังภัยการเดินทางทางเรือ ผ่านพื้นที่ใกล้แหลมแอฟริกาและทะเลแดงตอนใต้ จากปัญหาโจรสลัด ส่วนความคืบหน้าเหตุกองกำลังติดอาวุธอัลเชบับ จากโซมาเลีย บุกยึดจับตัวประกันจำนวนมาก ภายในห้างสรรพสินค้ากลางกรุงไนโรบี ของเคนยา เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางการเคนยาใช้เวลานานกว่า 4 วัน คลี่คลายสถานการณ์ยุติลงแล้ว โดยมีผู้เสียชีวิตทั้งหมดกว่า 72 ศพ

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลชาติตะวันตกได้เตรียมใช้มาตรการจำกัดเส้นทางการเงินสนับสนุนกลุ่มอัลเชบับ ซึ่งตามรายงานของสหประชาชาติ เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า กลุ่มอัลเชบับ หาเงินได้เฉลี่ยปีละกว่า 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการส่งออกสิ่งผิดกฎหมายไปสู่กลุ่มชาติภูมิภาคอ่าวเปอร์เชีย อีกทั้งเรียกเก็บภาษีค่าคุ้มครองจากรถบรรทุกสินค้าสู่ท่าเรือในโซมาเลีย นอกเหนือจากการกรรโชกทรัพย์ธุรกิจขนาดเล็กในพื้นที่อิทธิพล และได้รับเงินบริจาคสนับสนุนจากชาวโซมาเลียในต่างประเทศ.