จากเหตุการณ์ระเบิดบริเวณถนนบรรทัดทอง เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 57 ที่ผ่านมา ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. เดินเท้าเคลื่อนขบวนเรียกแขกไปตามท้องถนน ครั้งนี้ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ความต้องการเลือดฉุกเฉินเพิ่มมากขึ้น โดยในเย็นวันเดียวกัน "สภากาชาดไทย" ได้ประกาศขอรับบริจาคเลือดเป็นการเร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บที่กระจายรักษาตัวอยู่ตามโรงพยาบาลต่างๆ และนั่นทำให้หลายโรงพยาบาลมีเลือดสำรองไม่เพียงพอ และมีความต้องการเลือดเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับทางสภากาชาดไทย ที่ยังไม่มีเลือดสำรองเพียงพอ จึงจำเป็นต้องร้องขอไปในวันนั้น
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ "สถานการณ์เลือดสำรอง" เริ่มดีขึ้น เนื่องจากมีผู้เดินทางมาบริจาคเลือดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเป็นกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยกันเอง แต่ในนั้นก็ยังมีประชาชนที่ไม่ได้สนใจเรื่องการเมือง เดินทางมาร่วมบริจาคด้วยเช่นกัน
จากการเปิดเผยของ แพทย์หญิงสร้อยสอางค์ พิกุลสด ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ กับ "ไทยรัฐออนไลน์" ถึงความต้องการโลหิตว่า ขณะนี้สถานการณ์และความต้องเลือดกลับสู่สภาวะปกติแล้ว หลังจากได้มีการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง สภากาชาดไทย ก็มีปริมาณโลหิตสำรองอย่างเพียงพอ โดยในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา มีประชาชนมาบริจาคเลือดเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า คือ 1,800 ยูนิต จากจำนวนผู้บริจาคปกติ 600 ยูนิตต่อวัน
"ส่วนความต้องการของโรงพยาบาลต่างๆ อย่างโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลกลาง และโรงพยาบาลรามาธิบดี ที่ขอรับโลหิตจากสภากาชาดไทยในช่วงเกิดเหตุ ก็กลับสู่สภาวะปกติเช่นเดียวกัน โดย รพ.ที่มีสภาวะขาดแคลนดังกล่าว ได้มีการขอสำรองโลหิตเพิ่มเติมเผื่อกรณีฉุกเฉิน และฝากเชิญชวนประชาชนที่มีสุขภาพแข็งแรง เข้ามาบริจาคโลหิตอย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องรอเฉพาะเหตุการณ์เกิดสถานการณ์ความต้องการเลือดฉุกเฉินเท่านัั้น เพราะเลือดที่ได้รับบริจาคมาจะเก็บได้แค่ 21 วัน หรือ 35 วันเท่านั้น ขึ้นอยู่กับน้ำยาที่ใช้ในการจัดเก็บ เราถึงมีเลือดไม่เพียงพออยู่บ่อยครั้ง แต่หลังจากที่ได้รับบริจาคมา เลือดก็จะอยู่กับสภากาชาดไทยได้ประมาณ 5 วันเท่านั้น เนื่องจากมีโรงพยาบาลต่างๆ มาขอรับอยู่อย่างต่อเนื่อง" แพทย์หญิงสร้อยสอางค์ กล่าว
ขณะที่ "ไทยรัฐออนไลน์" สอบถามความต้องการเลือดสำรองไปยังโรงพยาบาลสงฆ์ ด้านนางจตุพร พลประสิทธ์ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ เจ้าหน้าที่ธนาคารเลือด ของโรงพยาบาลดังกล่าว ระบุว่า ทางโรงพยาบาลขอรับเลือดบริจาคมาจากสภากาชาดไทย เนื่องจากทางโรงพยาบาลเราไม่ได้มีศูนย์รับบริจาคเลือดโดยตรง ซึ่งแต่ละครั้งจะขอรับเลือดจากสภากาชาดไทย จะอยู่ที่จำนวน 10-20 ถุง ต่อกรุ๊ปเลือด เพราะเลือดจะมีอายุเพียงแค่ 35 วันเท่านั้น และทางโรงพยาบาลก็ไม่ค่อยมีกรณีผู้ป่วยที่ต้องใช้เลือดจำนวนมาก จึงขอรับมาทีละน้อยเท่าที่จำเป็น โดยปกติจะใช้ประมาน 300 ถุงต่อเดือน ส่วนใหญ่ใช้กับคนไข้อายุรกรรม และการผ่าตัด แต่อย่างไรก็ตาม หากเกิดกรณีฉุกเฉินขึ้น หรือเลือดที่เตรียมไว้มีปริมาณไม่เพียงพอต่อความต้องการ เราก็มีโรงพยาบาลในเครือข่ายที่สามารถให้ความช่วยเหลือ แลกเปลี่ยนเลือดกันได้ เช่น โรงพยาบาลรามาธิบดี หรือโรงพยาบาลราชวิถี
นอกจากนี้ "ไทยรัฐออนไลน์" ยังสอบถามไปทางโรงพยาบาลรามาธิบดีด้วย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ระบุว่า ขณะนี้ทางโรงพยาบาลมีจำนวนเลือดสำรองเพียงพออยู่แล้ว ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่า โรงพยาบาลรามาธิบดี ขาดแคลนเลือดนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เนื่องจากทางโรงพยาบาลได้ประสานกับสภากาชาดไทย ถึงความต้องการเลือดอยู่โดยตลอดเวลา และยังประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนร่วมบริจาคเลือดที่โรงพยาบาลอยู่อย่างต่อ เนื่องด้วย
อย่างไรก็ตาม น้ำใจคนไทยก็ไม่เคยเหือดหาย หากใครมีความพร้อม ก็สามารถไปบริจาคเลือดได้ ที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ถนนอังรีดูนังต์ ได้ทุกวันโดยไม่เว้นวันหยุด เพราะเลือดมีอายุสั้น เก็บได้เพียงแค่ 35 วันเท่านั้น.