กรณีทุจริตที่เกิดขึ้นในกรมสรรพากร จน ก.คลัง ตั้งชุดทำงานสอบข้อเท็จจริง จนได้หนอนบ่อนไส้มาลงโทษแล้ว ส่วนตัวการข้างนอกเป็นหน้าที่ดีเอสไอ ลากตัวมาลงโทษ จนในที่สุดออกหมายจับได้ 5 คน ยังไม่ชัดว่าเป็นตัวการใหญ่หรือไม่ แต่ค่าหัวทำไมสูงถึงหัวละ 1 ล้านบาท...

เป็นเรื่องเป็นราวโด่งดังและสร้างความเสียหายแบบเงียบๆ ให้แก่ประเทศไม่น้อย ที่กำลังมีแนวโน้มจะมาแทนที่คดีฉ้อโกงของ "สมีคำ" และคดีฉ้อโกง "เครดิตสหกรณ์ยูเนี่ยนคลองจั่น" คือ คดีการฉ้อโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ "VAT" ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จับมือกันทำงาน จนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้ 5 ราย พร้อมอายัดทรัพย์สินเป็นเงินในบัญชีธนาคาร คอนโดมิเนียม ที่ดิน และรถยนต์หรู มูลค่าหลายร้อยล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีทรัพย์สินอีกจำนวนมากที่ยังตามอายัดคืนแผ่นดินไม่ได้

ทั้งนี้ เพราะตัวเลขที่รัฐสูญเสียไปเกือบ 4,200 ล้านบาท ซึ่งจะเห็นได้ว่าคดีนี้ผู้เสียหายเป็นรัฐเอง คงจะไม่น่าแปลกใจที่สังคมจะตั้งข้อสงสัยว่า เจ้าหน้าที่รัฐเองจะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในขบวนการโกงครั้งนี้ โดยนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิิบดีดีเอสไอ เอง ก็ออกมาบอกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เปิดไฟเขียวให้ดีเอสไอ และ ปปง. ดำเนินการสอบสวนอย่างเต็มที่ ให้นำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษและตามยึดทรัพย์คืนคลังหลวง

หลังจาก ดีเอสไอ กับ ปปง. มาทำคดีนี้ อย่างเต็มตัว ข่าวก็ไปเข้าหูขุนคลัง อย่าง นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จนมีรายงานข่าวสะพัดว่า การโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม 4 พันล้านบาทนี้ เป็นจุดแตกหักให้นายกิตติรัตน์ตวัดปากกาเด้ง นายอารีพงษ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง ที่กินแหนงแคลงใจกันมาพักใหญ่จากเรื่องนี้ ให้ไปอยู่ในตำแหน่งเลขาธิการ ก.พ.ร.ด้วย

ส่วนในชั้นสอบสวนของคดีของดีเอสไอเอง ก็สาวไปจนถึงหัวโจ๊กขบวนการแล้ว 5 คน ที่ได้กล่าวไว้ตอนต้น และการตั้งรางวัลนำจับ หัวละ  1 ล้านบาท รวม 5 ล้านบาท เพื่อหวังเอาตัวมาเค้นความจริง เพื่ออาจจะสาวถึงต้นตอและตัวการมาลงโทษ รวมทั้งตามอายัดยึดทรัพย์สินที่รัฐต้องสูญเสียคืนมา

โดยผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับคือ 1.นายวีรยุทธ แซ่หลก หรือนายธนยุทธ ดลธนโกเศศ อายุ 28 ปี 2.น.ส.สายธาร แซ่หลก อายุ 32 ปี 3.นายสุรเชษฐ์ มหารำลึก อายุ 27 ปี 4.นายประสิทธิ์ อัญญโชติ อายุ 51 ปี และ 5.นายกิตติศักดิ์ อัญญโชติ อายุ 28 ปี ในข้อหาร่วมกันออกใบกำกับภาษีปลอม เพื่อใช้ในการขอภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือเรียกอีกอย่างว่า เครดิตภาษี ซึ่งหมายจับออกมา 5 คนนี้ ก็ตาสีตาสาธรรมดา ไม่รู้ว่าไปรู้กลโกงแบบนี้จากไหน

ทางด้าน นางศิวาพร ชื่นจิตต์ศิริ รองอธิบดีดีเอสไอ ที่รับผิดชอบคดีนี้ กล่าวว่า หลังจากคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษได้รับเรื่องนี้ไว้เป็นคดีพิเศษเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากกระทรวงการคลังได้มาร้องทุกข์ให้ตรวจสอบถึงขบวนการแล้ว ชุดทำงานของดีเอสไอก็ได้ลงไปตรวจสอบตั้งแต่ต้น จนสืบทราบว่า นายวีรยุทธเป็นคนหลอกลวงประชาชนตามต่างจังหวัด รวบรวมเอาสำเนาบัตรประชาชนมาจัดตั้งบริษัทที่ตั้งขึ้นมาหลอกๆ รวม 33 บริษัท และมีการทำธุรกิจร่วมกันภายใน 33 บริษัท ซึ่งโดยพื้นฐานแล้ว ทั้ง 5 คนนี้น่าจะรู้จักกันมาก่อน เพราะตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่า ทั้ง 5 คน มีชื่อเป็นผู้บริหารร่วมกันในหลายบริษัท และในแนวทางการสืบสวนอื่นประกอบ ทำให้เชื่อได้ว่าทั้ง 5 คนนี้เป็นตัวการสำคัญของขบวนการ จึงได้อนุมัติศาลออกหมายจับ และ ปปง.ก็ตามอายัดทรัพย์สิน

สำหรับการติดตามตัวผู้ต้องหากลุ่มนี้ ได้จัดชุดติดตามสะกดรอยตามแล้ว มีทั้งกบดานอยู่ในประเทศไทยและหลบหนีออกนอกประเทศ โดยไปที่ฮ่องกงคนหนึ่ง แต่ก็ไม่พบหลักฐานเอกสารการเดินทาง เชื่อได้ว่าเป็นการลักลอบออกทางแนวตะเข็บชายแดนไป  ซึ่งก็ได้มีการแบ่งชุดติดตามตัว คาดว่าจะติดตามตัวมาดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน

เมื่อถามว่า ถ้าได้ตัวมาแล้วจะสอบปากคำให้ทั้ง 5 คนนี้ซัดทอดคนอื่นเพิ่มอีกหรือไม่ รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า เชื่อว่าทั้ง 5 คน คงจะไม่ซัดทอดใครเพิ่มเติม สำหรับเรื่องที่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเองเข้าไปรู้เห็นกับขบวนการนี้ ทางกระทรวงการคลังเองก็มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบภายใน และมีการส่งรายชื่อมาแล้ว 19 คน แต่เสียชีวิตแล้ว 1 คน ซึ่งยอมรับว่า รายชื่อบางส่วนที่ตรงกับแนวทางการสืบสวน ดีเอสไอเองก็ส่งเรื่องในสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไปสอบสวนดำเนินการลงโทษ ซึ่งหากกระทรวงการคลังมีการสอบสวน และได้เจ้าหน้าที่ของสรรพากรที่เข้าไปรู้เห็นเพิ่มเติมก็ส่งเรื่องไปที่ ป.ป.ช.ได้ทันที อาจเป็นเพราะขั้นตอนของสรรพากรหรือไม่นั้น ที่เปิดช่องโหว่ให้เจ้าหน้าที่การโกงครั้งนี้ โดยส่วนตัวมองว่า น่าจะเป็นที่ตัวบุคคลมากองสรรพากร และขบวนการนี้ใช้เป็นช่องทางในกว่าขั้นตอนต่างๆ ของสรรพากร

"ส่วนตัวมองว่า น่าจะเป็นที่ตัวคนที่ไม่ทำตามขั้นตอนระเบียบและกฎหมาย เพราะขั้นตอนระบบระเบียบต่างๆ กระทรวงการคลังวางไว้หมดแล้ว อาจมีจุดเล็กน้อยที่ทำให้คนพวกนี้ถือโอกาสใช้เป็นช่องทาง แต่กระทรวงการคลังก็คงจะมีการหารือและหามาตรการใหม่แล้ว" นางศิวาพร กล่าว

อย่างไรก็ดี แม้การโกงภาษีมูลค่าเพิ่มครั้งมโหฬารครั้งนี้ จะได้ข้าราชการระดับปฏิบัติการที่ทุจริตต่อหน้าที่ 19 คน แต่ก็ทำให้ข้าราชการในกระทรวงการคลังระดับบิ๊กๆ เก้าอี้ร้อนกันเป็นทิวแถว และยังเป็นตัวอย่างให้กระทรวง หรือหน่วยงานของรัฐอื่นๆ ได้เห็นจุดจบของการโกงแผ่นดิน ว่ามีบทสรุปอย่างไร เรื่องนี้ คงต้องติดตามแบบตาไม่กระพริบว่าจะมีไอ้โม่งระดับบิ๊กๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่.