เหยี่ยวข่าวไทยรัฐโร่แจ้งความ หลังมี SMS ข่มขู่คุกคามรุนแรงถึงขั้นจะเอาชีวิต หลังได้นำเสนอกรณี สตง.มีมติฟัน 11 ขรก.อุทยานฯ โยงทุจริตฝายแม้ว รองเลขาฯ สมาคมนักข่าวเชื่อ สาเหตุมาจากการทำหน้าที่...
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สน.บางซื่อ นายเชษฐ์ สุขสมเกษม รองเลขาธิการสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้นำนายเกรียงไกร ภู่ระย้า อายุ 48 ปี ผู้สื่อข่าวสายสิ่งแวดล้อม สังกัดหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ พร้อมด้วยนายอังคาร ดวงตาเวียง ทนายความจากสภาทนายความ เข้าพบ ร.ต.ท.เฉลิมพล ลาศร พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ เพื่อร้องทุกข์ขอให้ดำเนินคดีกับคนร้าย ซึ่งส่งข้อความทางเอสเอ็มเอสมา ข่มขู่จะเอาชีวิตนายเกรียงไกร รวม 3 ข้อความ กรณีนายเกรียงไกรได้เสนอข่าวทุจริตฝายแม้ว อุทยานทุ่งแสลงหลวง นายเกรียงไกรผู้เสียหายในคดีนี้ให้การว่า
ตนได้ไปหาข่าวที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประจำ และติดตามประเด็นการทุจริต โครงการอนุรักษ์ทรัพยากรที่ดินและป่าไม้พื้นที่อนุรักษ์ เพื่อลดผลกระทบภาวะวิกฤติโลกร้อน หรือฝายแม้ว ในเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง จ.พิษณุโลก ตั้งแต่ปี 2551 ต่อมาสำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินหรือ สตง.ตรวจสอบพบทุจริตจริง ในลักษณะจัดทำเอกสารปลอมและเท็จในโครงการดังกล่าว สร้างความเสียหายแก่รัฐกว่า 2 ล้าน 7 แสนบาทเศษ และมีมติเมื่อวันที่ 18 กันยายน แจ้งให้อธิบดีกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรวม 11 คน โดยได้ข่าวมาจากสำเนาเอกสารราชการที่ถูกต้อง โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับเช้าวันที่ 19 ก.ย.2556 ได้เสนอเป็นข่าวหน้า 1 หัวรอง ปรากฏว่าในวันเดียวกันได้รับเอสเอ็มเอสส่งมายังโทรศัพท์มือถือ ซึ่งทาง นสพ.ไทยรัฐ ต้นสังกัดได้มอบให้ครอบครองเบอร์โทรศัพท์ไว้เพียงผู้เดียว เป็นข้อความยาว 5 บรรทัด ใช้ภาษาหยาบคายรวม 3 ครั้ง ทำนองว่าตนเป็นนักข่าวที่ทุจริต รับเงินมาจากแหล่งข่าว เพื่อเสนอข่าวให้คนร้ายเดือดร้อน ให้หยุดการเสนอข่าว คนร้ายรู้จักบ้าน ครอบครัวของตน ให้ระวังตัวให้ดี ลูกปืนราคาไม่กี่บาท โดยส่งมาจากหมายเลขหนึ่ง เมื่อลองโทรกลับไปก็พบว่าปิดเครื่องไปแล้ว
นายอังคาร ดวงตาเวียง ทนายความ กล่าวว่า คนร้ายใช้โทรศัพท์มือถือ ซึ่งคาดว่าน่าจะตามตัวได้ไม่ยาก เว้นแต่จะเป็นเบอร์ที่ไม่จดทะเบียน ซึ่งข้อความทั้งสามครั้งเข้าข่ายผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานดูหมิ่นซึ่งหน้าหมิ่นประมาท ข่มขู่ผู้อื่นให้ตกใจกลัว และความผิดต่อเสรีภาพ เพราะเจตนาขู่เข็ญให้นายเกรียงไกรหยุดเสนอข่าว โดยขู่จะประทุษร้าย เพราะอ้างว่าให้ระวังลูกกระสุนปืน ซึ่งแจ้งความดำเนินคดีไว้ ส่วนตำรวจจะมีความเห็นในสำนวนอย่างไรก็เป็นดุลยพินิจของตำรวจ
ด้านนายเชษฐ์ สุขสมเกษม รองเลขาธิการสมาคมนักข่าวฯ กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า สาเหตุถูกข่มขู่มาจากการปฏิบัติหน้าที่ ในการเสนอข้อเท็จจริงอันเป็นประโยชน์ต่อสังคมในประเด็นสาธารณะ เป็นการรายงานข่าวความคืบหน้าของส่วนราชการทั่วๆ ไป นายเกรียงไกรไม่เคยคิดแค้นกับข้าราชการคนหนึ่งคนใด หรือมีสาเหตุโกรธเคืองกับใครมาก่อน จึงไม่ใช่การข่มขู่เพราะเรื่องส่วนตัวอย่างแน่นอน และถือว่าเป็นการคุกคามสื่อเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการแสดงข้อเท็จจริง ไปสู่ประชาชน ให้เกิดความกลัวเพื่อให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งนายเกรียงไกรไม่กลัวคำขู่ และจะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปอย่างกล้าหาญ เพื่อให้ประชาชนทราบข้อเท็จจริงอย่างรวดเร็ว ครบถ้วนและถูกต้อง หากผู้ที่ได้ผลกระทบจากการเสนอข่าวนี้ไม่เห็นด้วย อย่างไรก็ควรไปใช้สิทธิทางศาล ไม่ควรใช้วิธีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและโดยนายเกรียงไกรขอให้สมาคมฯช่วยเหลือ ซึ่งทางนายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ นายกสมาคมฯ ได้ประสานยังไป นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ นายสุนทร พยัคฆ์ อุปนายกฯสภาทนายความ สั่งการให้นายอังคาร มาช่วยเหลือตามบันทึกข้อตกลงร่วม ซึ่งจะติดตามผลการสอบสวนทุกระยะจนกว่าจะถึงที่สุด.