65ปีการทูตไทย-พม่า สื่อสัมพันธ์ผ่านวัฒนธรรม
65ปีการทูตไทย-พม่า สื่อสัมพันธ์ผ่านวัฒนธรรม
คอลัมน์ รายงานพิเศษ พงษ์ผกา ภวภูตานนท์
งานแสดงวัฒนธรรมฉลองครบรอบ 65 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-พม่า ภายใต้การจัดการของสถานทูตไทยประจำย่างกุ้ง ที่จัดงานต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งยังประกอบด้วยความร่วมมือและการสนับสนุนจากทางการพม่าในส่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมที่ทำให้งานนี้สำเร็จขึ้นได้
นายพิษณุ สุวรรณชฎ เอกอัครราชทูตไทย ณ นครย่างกุ้ง กล่าวยินดีสำหรับงานฉลองครบรอบ 65 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-พม่า พร้อมขอบคุณความร่วมมือจากทางการพม่า
การแสดงในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากวงสวนพลู ประเทศไทย คณะนักร้องประสานเสียงประเภทขับร้องโดยไม่มีดนตรีบรรเลงประกอบ ก่อตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ.2543 โดย นางดุษฎี พนมยงค์ เป็น ผู้อำนวยการคณะ และ นพ.กิตติพร ตันตระรุ่งโรจน์ เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง
ปัจจุบันมี นายไกวัล กุลวัฒโนทัย เป็นผู้อำนวยเพลง และ นาย เรม่อน โมลิน่า ลิโจโก้ เจอาร์ เป็นวาทยากรให้ในการแสดงครั้งนี้
นายพิษณุมองว่า เป้าหมายทางการทูตและวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศนั้น ไม่ว่าจะเหมือนหรือต่างกันเช่นใด ก็เป็นไปเพื่อการเดินหน้าความสัมพันธ์ไปสู่ความเป็นสากลในอนาคต อาจจะมีบางครั้งบางคราวที่ระดับความสัมพันธ์ขึ้นๆ ลงๆ บ้าง แต่ก็ถือเป็นเรื่องปกติคล้ายกับการประสานเสียง แต่หากจะกล่าวถึงปัจจุบันก็เรียกได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยและพม่าอยู่ในระดับที่ดีเลิศเลยทีเดียว
นางดุษฎีให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกและการเตรียมพร้อมสำหรับงานแสดงในฐานะตัวแทนประเทศว่า ได้รับเชิญจากสถานทูตให้มาเผยแพร่วัฒนธรรม มองว่าโจทย์ครั้งนี้ท้าทาย และซ้อมหนักมาก เพื่อการฝึกซ้อมอย่างประณีต การขับร้องประสานเสียงไม่ใช่การขับร้องหมู่ แต่ละคนต้องร้องในทำนองของตน เพื่อประสานเป็นเพลง ซึ่งบางเพลงอาจมี 4-5 แนวไปจนถึง 30 แนว ต่อเพลงเลยก็เป็นได้ ส่วนตนอยากให้ความงดงามแบบไทยออกสู่สายตาสากลด้วยวิธีสากลเป็นซึ่งการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญเช่นกัน
ชุดการแสดงทั้งหมดประกอบด้วยกัน 3 องก์ องก์ที่ 1 Opening by Suanplu เป็น เพลงสากล หรือเพลงบรอดเวย์ องก์ที่ 2 The Breath of Friendship เป็นเพลงอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และพม่า องก์ที่ 3 Come & Join จะเป็นเพลงที่เป็นเอกลักษณ์ของไทยประกอบด้วยการบรรเลงเครื่องดนตรีไทย
ทันทีที่เสียงขับร้องของเพลง Kuang Ma Lay (Young Lady) ซึ่งเป็นเพลงพม่าดังขึ้น ก็ได้รับการปรบมือดังสนั่นไปทั้งโรงละครแห่งชาติกรุงย่างกุ้ง รวมทั้งการแสดงที่จบลงไปด้วยความประทับใจ
งานเฉลิมฉลองในครั้งนี้ มีการออกแบบตราสัญลักษณ์เฉลิมฉลอง 65 ปี ความสัมพันธ์ไทย-พม่า ขึ้นมาเป็นพิเศษ โดยน.ส.วณิชชยา สาระรัตน์ นายช่างศิลปกรรมชำนาญงาน กลุ่มศิลปประยุกต์ฯ สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม
ภาพรวมของสัญลักษณ์เป็นเลขอารบิก 65 หมายถึงการเฉลิมฉลอง 65 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-พม่า ตรงใจกลางดวงตราสัญลักษณ์ ด้านในวงกลมประดิษฐ์ ดวงจันทร์และเอกลักษณ์ของสองประเทศ คือ พระปรางค์ วัดอรุณของไทย และเจดีย์ชเวดากองของพม่า แสดงถึงความสัมพันธ์ทางการทูตที่โดดเด่น
ถัดลงมารองรับด้วยธงชาติไทยและธงชาติพม่าที่เชื่อมติดกัน ส่วนบนผืนธงได้นำดอกไม้ของทั้ง 2 ชาติมาประดับประดากันอย่างงดงาม อันความถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่กำลังผลิบาน หลังดำเนินมาอย่างมั่นคงยาวนานครบ 65 ปี และจะแน่นแฟ้นมั่นคงยาวนานสืบไปในอนาคต
ทั้งนี้ ยังเป็นโอกาสอันดี ที่มีการจัดการอบรมการพัฒนาศักยภาพผู้นำ โดย นายปรียกร มิมะพันธุ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เดล คาร์เนกี้ (ประเทศไทย) ในหัวข้อ ?Accererating Leadership Impact on Work Effectiveness?
นายปรียกรกล่าวว่า การที่บริษัทได้รับโอกาสในการเข้ามาจัดงานอบรมสัมมนาด้านการพัฒนาศักยภาพผู้นำให้กับข้าราชการระดับสูงของพม่านั้น เป็นโครงการการอบรมต่อเนื่องที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ในหัวข้อการสัมมนาที่ว่าด้วยเรื่องการเปลี่ยนแปลง (Change) มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมให้กับข้าราชการพม่าเพื่อรับมือกับการพัฒนาสมัยใหม่
ในเรื่องผลกระทบจากการเปิดประเทศ การบริการจัดการความเปลี่ยนแปลง การปกครอง การบริหาร การโยกย้าย สืบเนื่องมาถึงการอบรมครั้งนี้ที่ว่าด้วยเรื่องการทำเช่นใดเพื่อเป็นผู้นำ ไม่ใช่ผู้จัดการ มองบทบาทของตนเองให้ชัดเจนและแบ่งแยกว่า ประสิทธิภาพของการจัดการในบทบาทของผู้จัดการ และการนำในบทบาทของการเป็นตัวอย่างที่ดีในผู้นำเป็นอย่างไร โดยจะสร้างแรงกระตุ้น แรงบันดาลใจในการทำงานให้กับข้าราชการที่มาร่วมอบรมกับทางเดล คาร์เนกี้ ประเทศไทยอย่างไร
นายเฟรุส บิน ชุบ กล่าวว่า การอบรมครั้งนี้ทำให้เห็นขอบเขตการทำงานว่าควรจะมอบหมายงานให้ลูกน้องในองค์กรอย่างไร เพราะหัวหน้างานก็มีหลายแบบ ทั้งแบบที่เก็บงานไว้ทำคนเดียวเพราะไม่ไว้ใจลูกน้อง หรือโยนงานให้ลูกน้องทำหมด
ดังนั้น การอบรมในครั้งนี้จึงเป็นการถ่ายทอดเทคนิคในด้านสร้างสมดุลของการบริหารงานภายในองค์กร เพราะถ้าไม่มีต้นแบบผู้นำองค์กรที่ดีแล้ว การจะรับมือความเปลี่ยนแปลงที่เข้ามาท้าทายองค์กรนั้นย่อมทำได้ยากเช่นกัน
Create Date : 05 ตุลาคม 2556 |
Last Update : 5 ตุลาคม 2556 6:13:09 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1173 Pageviews. |
|
|
|
|
|