เสน่ห์ญี่ปุ่น : 10-ไปชอปปิ้งกันเถอะ
สวัสดีครับ ในการไปเที่ยวญี่ปุ่นกับทัวร์ครั้งนี้มีรายการไปชอปปิ้งยังแหล่งชอปปิ้งใหญ่ ๆ หลายแห่ง แทบจะทุกเมืองที่ผ่านไป แต่ละแห่งก็มีผู้คน สินค้า ร้านค้า และบรรยากาศคึกคักทั้งสิ้น วันนี้จึงขอนำภาพร้านค้าและบรรยากาศของแหล่งชอปปิ้งต่าง ๆ เหล่านั้นมาฝากครับ
1. โกเทมบะ พรีเมี่ยม เอ้าท์เลท (Gotemba Premium Outlet) เป็นศูนย์รวมสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังของญี่ปุ่น และแบรนด์เนมชั้นนำระดับโลกมาไว้ด้วยกันที่นี่ ตั้งอยู่บนเชิงภูเขาไฟฟูจิ ริมทางด่วนโทเมอิ ที่เชื่อมระหว่าง ภูเขาฟูจิ-อุทยานแห่งชาติฮาโกเน่ กับมหานครโตเกียว บนพื้นที่กว่า 400,000 ตารางเมตร และสถานที่จอดรถอันกว้างขวางถึง 1,700 คัน
โกเทมบะ เอ้าท์เลท แบ่งออกเป็น 2 โซน คือ โซนตะวันออก (East Zone) และ โซนตะวันตก (West Zone) โดยมีสะพานเชื่อมต่อถึงกัน โซนตะวันตก คือ โซนด้านหน้าของโกเทมบะ ซึ่งรถรับส่งจะมาจอดที่นี่ ส่วนโซนตะวันออกนั้นติดกับฮาโกเน่ มีสวนกุหลาบ และชิงช้าสวรรค์ด้วย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของเอ้าท์เลทแห่งนี้ และในช่วงที่ข้ามสะพานไปยังโซนตะวันออกนั้นเอง ในวันที่อากาศแจ่มใส จะสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจนสวยงาม
(ภาพจากอินเทอร์เน็ต)
โกเทมบะ เอ้าท์เลท มีร้านค้าแบรนด์เนมมากกว่า 200 ร้าน เช่น Gucci, Anna Sui, Armani, Coach, Hugo, Boss, Prada, Kate Spade Versace, Yves Saint Laurent, Rive Gauche, Gap ฯลฯ และร้านอาหาร 23 แห่ง นับว่าเป็นเอ้าท์เลทที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น
(คลิกที่ภาพจะขยายใหญ่ขึ้น)
2. ชินจูกุ (Shinjuku) เป็นเขตศูนย์กลางทั้งในด้านการปกครอง ด้านการท่องเที่ยว และด้านวัฒนธรรมของกรุงโตเกียว ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันตกและเป็นหนึ่งใน 23 เขตพิเศษของกรุงโตเกียว
ย่านชินจูกุแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งใหญ่ ๆ ด้วยกันคือ
(1) ฝั่งทิศตะวันตก เป็นย่านธุรกิจที่เต็มไปด้วยอาคารสำนักงานสูงระฟ้า โรงแรมหรู และเป็นที่ตั้งของอาคารศาลาว่าการ Tokyo Metropolitan Government ซึ่งเป็นศูนย์กลางการปกครองของมหานครโตเกียว
(2) ฝั่งทิศตะวันออก เป็นย่านแห่งสีสันที่เต็มไปด้วยศูนย์การค้า ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ร้านขายสินค้าแฟชั่น ร้านขายสินค้าลดราคาและสินค้ามือสอง ร้านอาหาร และย่าน Kabukicho ซึ่งเป็นแหล่งบันเทิงยามราตรีที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น
3. ฮาราจูกุ (Harajuku) เป็นย่านท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับชาวต่างชาติ และยังเป็นทั้งย่านสำหรับการชอปปิ้ง แหล่งแฟชั่นของวัยรุ่นญี่ปุ่น แหล่งวัฒนธรรม และแหล่งธรรมชาติในใจกลางเมือง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเขตชิบูย่า (Shibuya) ที่ตั้งอยู่ในด้านทิศตะวันตกและเป็นหนึ่งใน 23 เขตพิเศษของกรุงโตเกียว
(ภาพจากอินเทอร์เน็ต)
ย่านฮาราจูกุแห่งนี้ไม่ได้มีแฟชั่นสำหรับวัยรุ่น แต่ยังมีทั้งศูนย์การค้า ร้านเสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่นสำหรับทุกเพศทุกวัย รวมทั้งช็อปแบรนด์เนมหรูๆ ร้านขายสินค้าไอดอลและดาราที่แฟน ๆ ต้องแวะมา ร้านอาหาร ร้านเครปญี่ปุ่นที่โด่งดังและคาเฟ่น่ารัก ๆ ตลอดจนศาลเจ้าและสวนสาธารณะที่มีพื้นที่สีเขียวอันกว้างขวาง เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมและเป็นย่านที่นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศไม่ควรพลาด
ถนนสายสำคัญของย่านฮาราจูกุ คือ
(1) ถนนทาเคชิตะ (Takeshita Dori) เป็นถนนคนเดินที่มีระยะทางเพียง 400 กว่าเมตร ถนนแห่งแฟชั่นของญี่ปุ่นที่สองข้างทางเรียงรายไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารสำหรับวัยรุ่นไปจนถึงวัยทำงาน เสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่นที่นี่มีให้เลือกหลากหลายสไตล์ ตั้งแต่แบบน่ารักๆ ที่สามารถใส่ที่ไทยได้โดยไม่แปลกตา ไปจนถึงชุดสำหรับแต่งคอสเพลย์และแฟชั่นแบบหลุดโลก ร้านที่แนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวในถนน Takeshita Dori มีอาทิ Daiso, Disney Store, Calbee PLUS, Matsumoto Kiyoshi เป็นต้น
(2) ถนนโอโมเตะซันโด (Omotesando) เป็นถนนที่โอบล้อมด้วยต้นไม้อันร่มรื่นตลอดสองข้างทาง และเต็มไปด้วยร้านค้าและศูนย์การค้าดีไซน์สวยๆ ทั้งสไตล์โมเดิร์นและตะวันตก เรียกได้ว่าเป็นถนน Champs-Élysées แห่งโตเกียวก็ว่าได้ ร้านต่างๆ ในย่านนี้มีตั้งแต่ระดับแบรนด์ทั่วไป จนถึงช็อปแบรนด์เนมหรูๆ เลยทีเดียว
4. โอไดบะ (Odaiba) เป็นแหล่งชอปปิ้งและความบันเทิงของโตเกียว ถ้าดูจากแผนที่แล้ว Odaiba มีสภาพเป็นเกาะอยู่ที่อ่าวโตเกียว ในสมัยเอโดะ ค.ศ.1603-1868 เกาะ Odaiba ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นป้อมปราการ (คำว่า Daiba แปลว่าป้อมปราการ) ป้องกันการรุกรานของข้าศึก อีก 100 กว่าปีต่อมา เกาะโอไดบะ ได้ถูกถมเพิ่มเพื่อใช้ประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัย ตึก สำนักงาน และ ท่าเรือ การถมทะเลในตอนนั้นถือว่าเป็นเรื่องใหม่ในวงการก่อสร้างมาก ในปี ค.ศ. 1990 มีโรงแรม และศูนย์การค้ามาเปิดที่โอไดบะ และเริ่มมีสิ่งก่อสร้างใหม่ๆ เกิดขึ้น เช่นตึก Fuji TV Building, Telecom Center และ Tokyo Big Sight ตอนนี้โอไดบะเป็นเมืองใหม่ของโตเกียว มีผังเมืองสวยงาม ตึกรูปทรงแปลกๆ และมีห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง
แต่เนื่องจากคณะของเรามีเวลาจำกัด จึงมีโอกาสได้เข้าไปชมเพียงห้างเดียวคือห้าง Diver City Tokyo Plaza
ห้างนี้มีสินค้าแบรนด์เนมหลายยี่ห้อคล้ายบ้านเรา เช่น Uniquo, H&M, Lacoste ฯลฯ และร้านอาหารที่อยู่ในศูนย์อาหารชั้นล่างหลายร้าน เมื่อไปสั่งอาหารที่ร้านใดและชำระเงินแล้ว ทางร้านจะให้ใบเสร็จและอุปกรณ์รอเรียกกลับไปนั่งรอที่โต๊ะอาหาร เมื่ออาหารปรุงเสร็จจะส่งสัญญาณเรียกมายังอุปกรณ์ เราจึงเดินไปรับอาหารกลับมาที่โต๊ะอีกทีหนึ่ง ทำให้ไม่ต้องไปยืนรอที่หน้าร้าน สะดวกดีครับ
ภายในห้างยังมีพิพิธภัณฑ์หุ่นกันดั้มที่แสดงประวัติความเป็นมาของหุ่นกันดั้มตั้งแต่ยุคแรกจนถึงยุคปัจจุบัน แต่ต้องเสียค่าเข้าชม และมีร้านจำหน่ายหุ่นกันดั้มทุกรุ่นทุกแบบ
ที่หน้าห้างมีหุ่นกันดั้มสูง 18 เมตรตั้งอยู่ รายละเอียดสมจริงทุกสัดส่วน หุ่นกันดั้มสามารถปล่อยควัน เปิดไฟที่ตัว หันหัวไปมาได้ โดยมีเวลาการแสดงให้ชมฟรีเป็นรอบ ๆ
(คลิกที่ภาพจะขยายใหญ่ขึ้น)
เมื่อได้เวลาอันสมควรเราเดินทางออกจากเมืองโอไดบะไปยังสนามบินฮาเนดะ เพื่อเดินทางกลับประเทศไทย ด้วยสายการบินแจแปนแอร์ไลน์ (JAL) เที่ยวบินที่ JL 033 ออกจากโตเกียวเวลา 00.05 น. ถึงสนามบินสุวรรณภูมิเวลา 05.05 น. เช้าวันรุ่งขึ้น เป็นอันจบทริปญี่ปุ่นครั้งนี้ด้วยความประทับใจและโดยสวัสดิภาพ
อ่านบันทึกชุดนี้ตั้งแต่ตอนที่ 1 - ตอนที่ 9 คลิกที่นี่
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชมบันทึกชุดนี้มาโดยตลอด แล้วพบกันใหม่ทริปหน้าครับ.
Create Date : 07 มิถุนายน 2559 |
|
18 comments |
Last Update : 11 มิถุนายน 2559 11:12:50 น. |
Counter : 3143 Pageviews. |
|
|
|
ชอบภาพทางเดินที่ฟูจิซังอยู่ด้านหลังค่ะ
สินค้าญี่ปุ่นชอบแพคเกจจิ้งเขานะคะ
โดยเฉพาะขนม น่าหยิบ น่าเสียตังมาก ๆ ค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
mambymam Music Blog ดู Blog
คนบ้านป่า Home & Garden Blog ดู Blog
ทองกาญจนา Travel Blog ดู Blog