ได้มีโอกาสไปกินข้าวกับเพื่อนซี้ + ไปดูโดโจ(สนามยูโด)ของอำเภอใกล้ๆบ้าน
เมื่อ7ปีที่แล้วตอนที่มาเรียนภาษาที่ญี่ปุ่นใหม่ๆได้มีโอกาสได้รู้จักกับเพื่อนที่เรียนห้องเดียวกันเรียกได้ว่าเรียนกันตั้งแต่เบสิกเริ่มต้นของภาษาญี่ปุ่นกันเลยทีเดียวเพื่อนคนนี้เป็นคนไต้หวัน บ้านของเพื่อนคนนี้อยู่ใกล้กับโกดังที่ผมทำงานแรกๆก็ไม่รู้ว่าเค้าทำงานอะไรแต่พอเรียนไปเรื่อยๆเลื่อนชั้นก็ยังเกาะติดกันไปจนจบโรงเรียนสอนภาษาระหว่างที่เรียนกันไปนั้นก็รู้ว่าเพื่อนไต้หวันคนนี้ทำงานเกี่ยวกับรถเหมือนกันก็สนิทกันดีแต่ไม่ตีกัน เพราะว่างานเกี่ยวกับรถเป็นงานคนละอย่างผมทำรถเล็กแต่เพื่อนทำรถใหญ่ ก็ไม่ต้องตัดราคาแย่งกันซื้อขายหรือว่าปกปิดแหล่งธุรกิจของกันและกันต่อจากโรงเรียนสอนภาษาแล้วได้ไปเรียนโรงเรียนสายวิชาชีพแห่งนึงทั้งคู่ไม่มีที่ไปก็เลยตัดสินใจไปเรียนต่อโรงเรียนนี้ด้วยกัน อีก2ปีจบจากโรงเรียนนี้แล้วเพื่อนคนนี้ได้กลับไต้หวันไป ส่วนผมก็ยังวงเวียนอยู่กับชีวิตนักเรียนต่อไปอีก หลังจากนั้นเพื่อนไต้หวันคนนี้ก็ไปไปกลับๆญี่ปุ่นเพราะทำธุรกิจเกี่ยวกับรถ ไปมาก็ยังเจอกันตลอดจากสนิทมากตั้งแต่สมัยเริ่มเรียนก็ยังสนิทกันเหมือนเดิมถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยได้เจอะเจอกันก็ตามอาทิตย์นี้เพื่อนไต้หวันคนนี้จะกลับไต้หวันแล้ว และจะมาใหม่อีกตอนกลางๆเดือนมกราคมก็ถือเป็นโอกาสอันดี เพราะวันนี้จะไปดูโดโจของอำเภอที่เพื่อนคนนี้อยู่ด้วยพอดีเลยนัดกันกินข้าว ไม่รู้ว่าจะกินอะไรกันดีก็กินกันง่ายๆแหละสิ่งที่เลือกออกมาก็คือ ราเม็ง ราเม็งร้านนี้อร่อยคนเยอะ แต่ไปกินทุกครั้งก็มีที่นั่งทุกครั้งไป รอไม่นานก็มาต่างคนต่างกินกันคนละชาม ของผมเลือกแบบเผ็ดสุดกินแล้วยังธรรมดา(เผ็ดของคนญี่ปุ่นไม่ได้เศษเสี้ยวเผ็ดของคนไทยเลย)ส่วนเพื่อนไต้หวันเนื่องจากมาร้านนี้เป็นครั้งแรก ผมเลยเลือกให้เป็นเผ็ดเล็กน้อยก็พอดีที่เลือกเผ็ดน้อยเพราะกินไปก็เหงื่อตกไปท่าทางเผ็ดของคนญี่ปุ่นจะใกล้เคียงเผ็ดของคนไต้หวัน หลังจากราเม็งชามโตหมดไปอิ่มไปตามๆกัน แต่ไม่รู้เพราะอะไรอยากไปกินทาโกยากิต่อพอดีเลยมา2คนแบ่งไปกันคนละ4ลูกไม่เยอะไม่น้อยจนเกินไป กับขนมไทโกะ(เป็นรูปปลาข้างในยัดใส้ครีม)ก็แบ่งขนมกันคนละครึ่งตัว จากที่อิ่มอยู่แล้วก็กลายเป็นอิ่มมากๆ อิ่มเรียบร้อยแล้วก็ขับรถไปส่งเพื่อนคนนี้ที่บ้านแล้วจะไปคุยเรื่องโดโจต่อกับอาจารย์ที่อำเภอดีที่เพื่อนคนนี้ติดรถไปด้วยเลยสามารถหาโดโจได้ไม่ยาก (ก็แน่ละมันอยู่อำเภอนี้ถ้าไม่รู้จักพื้นที่ใกล้เคียงก็แย่ละ)เช็คมาจากอินเตอร์เน็ทจะมีซ้อมกันวันอังคารกับพฤหัสสำหรับเด็กนักเรียนเริ่มซ้อม19.00-20.00 ส่วนบุคคลทั่วไปเริ่มซ้อม20.00-21.00 ถือเป็นเวลาที่ลงตัวสำหรับผมมาก เพราะจันทร์พุธ ศุกร์ เสาร์ผมไปซ้อมโคโดกังตามปกติ ส่วนอังคาร พฤหัส ติดเรียนที่โรงเรียนเลิกมาก็ยังสามารถมาซ้อมที่อำเภอนี้ต่อได้ ถึงที่โดโจไม่ได้คิดอะไร เปิดประตูเข้าไป ผมพลาดไปซะแล้ว แรกๆกะว่ามันคงจะมีห้องกั้นหรือโต๊ะที่เรียกว่าแผนกธุรการก่อนที่จะเข้าไปถึงเสื่อตาตามิที่เค้าซ้อมกัน ปรากฏว่าโดโจแห่งนี้เปิดเข้าไปปุ๊ปคนที่ซ้อมกันอยู่ในนั้นทุกคนจ้องมองมาที่ผมกันหมดเออขอตัวไปตั้งหลักก่อนปิดประตูกลับเข้าไป เดี๋ยวรอเลิกค่อยเข้าไปใหม่พลาดไปจริงๆกันสิ่งที่เรียกว่า ไดอิจิอินโช คือความประทับใจแรกพบ สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญของคนญี่ปุ่นมีหนังสือเขียนไว้ว่า คนญี่ปุ่นตัดสินคนจากการเจอกันใน7วินาทีแรกถ้ามารยาทดีหรือว่าดูแล้วไปกันได้ก็จะทำให้บรรยากาศการคุยกันหรือสิ่งที่จะทำต่อไปมันง่ายแต่7วินาทีแรกที่ผมทำไปคือเปิดประตูแล้วปิดประตูกลับลงไปซะงั้น พลาดแล้วเดี๋ยวค่อยเข้าไปแก้กันใหม่สายตาผมเร็วใช้ได้ แว็บเดียวที่เปิดประตูชะโงกหน้าเข้าไป 1วินาทีแว็บนั้นผมนับจำนวนคนได้7คนคนที่ยืนอยู่ใกล้สุดคนนึงท่าทางจะเป็นอาจารย์กำลังสอนลูกศิษย์คู่นึงที่กำลังคลุกกันอยู่ในท่านอน(จำได้ว่าเป็นโยโกชิโฮ) ด้านหลังคนที่คาดว่าน่าจะเป็นอาจารย์ที่ยืนอยู่มีลูกศิษย์อีก2คนกำลังเข้าท่าอยู่ส่วนถัดไปไกลๆอีกมุมนึงน่าจะเป็นอาจารย์ทั้งคู่กำลังซ้อมคิเมโนคาตะ (น่าจะใช้เพราะเห็นกำลังยกดาบเตรียมฟันกันอยู่) เค้าซ้อมกันถึง21.00ก็ถึงเวลาที่น่าจะเลิกแล้ว คิดอยู่ว่าเวลานี้น่าจะเป็นเวลาที่สมควรเข้าไปคุยที่สุดเพราะถ้าไปคุยตอนที่กำลังเดินออกมาทุกคนจะมีความรู้สึกว่าอยากกลับบ้านคงไม่อยากคุยกันในรายละเอียดเท่าไหร่แต่กลัวว่าเดี๋ยวเปิดเข้าไป เค้ายังไม่เลิกซ้อมกันจะต้องไปเจอกับสายตา7คู่เหมือนเดิม(ผมว่าผมมองแว็บเดียวไม่ผิด นับได้7คน)แต่ถ้าหากทางออกของโดโจมี2ทาง แล้วเค้าเลิกกันแต่ไปออกกันอีกทาง มิแย่หรอกหรือเอาเป็นว่าให้เพื่อนไต้หวันเฝ้าประตูนี้ไว้ก่อนขอเดินวนรอบนึงดูว่ามีทางออกทางอื่นอีกรึเปล่าพอดีมาดึกด้วยทุกอย่างมืดสนิทก็เดินเช็คอย่างรวดเร็วจนครบรอบและแน่ใจว่ามีประตูเข้าออกทางเดียวเอาใหม่รวบๆความกล้าเพื่อที่จะโผล่เข้าไปอีกครั้งจะได้ถามให้จบๆกันไปแล้วจะได้กลับบ้านกันซะที เปิดเข้าไปทุกคนเลิกซ้อมกันแล้ว แต่ยังมีอาจารย์คู่นึงที่ยุ่งอยู่กับดาบไม้ยังไม่เลิกซ้อมกันที่เหมือนกันกับครั้งแรกคือทุกคนยังหันมามองเป็นตาเดียวกันเหมือนเดิมเข้ามาแล้วคราวนี้ไม่ถอย เดินเข้าไปหาคนที่คาดว่าน่าจะเป็นอาจารย์และเริ่มการสอบถามว่าถ้าจะมาซ้อมมาเรียนด้วยจะต้องทำอะไรยังไงบ้างอาจารย์(ใช่อาจารย์จริงๆด้วย)บอกว่ายังเร็วไปที่จะคิดว่าจะมาเรียนขอให้มาดูการเรียนการซ้อมซักครั้ง2ครั้งก่อนตัดสินใจ ก็ไม่มีปัญหา เดี๋ยวมาดูใหม่ มาให้เช้าหน่อยวันพฤหัสจะได้ดูว่าบรรยากาศตอนซ้อมจริงๆเป็นยังไงบ้างบทสนทนาใกล้จะจบลง อาจารย์ดันถามว่ามีชุดยูโดรึยัง (อ้าวเห็นผมเป็นเด็กหัดใหม่จริงๆ)ก็ตอบไปว่ามีแล้วครับ มีซ้อมกับชมรมที่มหาลัยบ้างเป็นครั้งคราว ถัดจากนั้นอาจารย์ที่ยุ่งอยู่กับคิเมโนคาตะคู่นั้นก็เดินเข้ามาใกล้ๆจึงได้คุยกันต่อไปอีกหน่อยนึง พร้อมกับคำถามที่มากันเป็นชุดๆทำยังกับว่ามาสมัครงานเลยครับ 1.คำถามแรกคือว่าเรียนที่มหาลัยแล้วทำไมไม่ซ้อมที่มหาลัยแรกๆคิดว่าใครโผล่หน้าเข้ามาดูและก็ออกไป (จริงๆด้วย ไดอิจิอินโช7วินาทีแรกของผมมันถูกมองไม่ดีตั้งแต่ผมชะโงกหน้าเข้ามาและปิดประตูลงไปในครั้งแรก) -มีซ้อมก็จริงแต่ว่าผมคิดว่าแค่อาทิตย์ละครั้งไม่เพียงพอครับก็เลยต้องมาหาที่ซ้อมข้างนอกกันต่อ 2.อาจารย์ดั้ง7ถามต่อว่ามีพื้นฐานมั้ย เห็นพุงปลิ้นออกมาเชียวและยังบอกต่อว่ายูโดเป็นกีฬาที่ต้องซ้อมหนักนะ(ขู่กันตั้งแต่แรกเลยครับ) -เข้าใจครับว่าการซ้อมกีฬาทุกชนิดมันก็ต้องมีความตั้งใจจริงที่จะซ้อมกันอยู่แล้วครับการซ้อมหนักไม่น่าจะเป็นปัญหาครับ ส่วนเรื่องพุงผมก็กำลังพยายามลดน้ำหนักอยู่ครับ(จริงๆแล้วเพิ่งกินเสร็จ พออิ่มแล้วพุงมันจะโผล่ออกมาเด่นชัดกว่าตอนปกติ) 3.นอกจากมหาลัยแล้วเคยซ้อมที่ไหนอีกมั้ยที่โดโจแห่งนี้ซ้อม อังคาร พฤหัส และเสาร์ มาได้นะ แล้วตอนนี้อยู่ระดับไหนดั้งหรือคิว -ก่อนหน้านี้และตอนนี้ผมมีโอกาสไปซ้อมที่โคโดกังครับ ตอนนี้และต่อไปก็กะว่าจะไปซ้อม จันทร์ พุธ ศุกร์ เสาร์ที่โคโดกังเหมือนเดิม แต่ตั้งใจจะเพิ่มวันอังคาร กับพฤหัสมาซ้อมที่นี้ครับผมเพิ่งได้โชดั้งมาไม่นานเองครับเลยต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมครับ 4.อาจารย์อีกท่านนึงถามต่อว่าซ้อมอาทิตย์ละ4วันไหวเหรอ แล้วยังจะมาเพิ่มที่นี่อีก2วัน เพื่ออะไร -อาจารย์ก็น่าจะรู้ระบบเลื่อนสายของโคโดกังอยู่แล้วครับว่ามันต้องแข่งขันเก็บแต้มและรอเวลาตามที่กำหนดไว้แล้วผมที่เป็นต่างชาติไม่ได้อยู่ญี่ปุ่นไปตลอดผมก็อยากที่จะไปให้ถึงดั้งที่สูงเท่าที่จะทำได้ก่อนที่จะกลับประเทศครับ2วันนี้ไม่ใช่ว่าผมไม่ไปซ้อมที่โคโดกังนะครับ แต่ไปไม่ได้เพราะมหาลัยกว่าจะเลิกก็6โมงเย็นแล้ว ไปถึงซ้อมได้เต็มที่ก็แค่ครึ่งชั่วโมงเองครับผมถึงได้มาหาโดโจที่ใกล้ๆบ้าน และโดโจที่นี่ก็ลงตัวในเรื่องเวลาของผมพอดีเพราะผมเลิกจากมหาลัยแล้วก็สามารถที่จะมาทันซ้อมที่นี้ได้ครับ 5.อาจารย์ได้บอกต่อว่าโคโดกังอาจารย์ก็มีไปอยู่บ่อยๆ ส่วนใหญ่ก็วันอังคารกับวันเสาร์แล้วอาจารย์ที่สอนคุณคือใคร -เค้าเป็นอาจารย์หมุนเวียนกันครับแต่อาจารย์ที่ดูแลผมตั้งแต่แรกมาจนถึงบัดนี้คืออาจารย์ยามาโมโตครับ(ยามาโมโต ไหน เพราะโคโดกังมี2ยามาโมโต) อ้อ อาจารย์ยามาโมโต ซันชิโร่ครับ 6.เอาเป็นว่าวันพฤหัสก็ลองมาดูการเรียนการซ้อมก่อนแล้วกันพยายามอย่าให้บาดเจ็บละกัน มีทำประกันมั้ย -มีครับชมรมที่มหาลัยบังคับให้ทำประกันอยู่แล้วครับไม่งั้นซ้อมไม่ได้แต่เรื่องพยายามไม่ให้บาดเจ็บไม่ทันแล้วครับ เพราะว่าผมบาดเจ็บไปแล้วตอนก่อนจะได้โชดั้งขาผมหักครับ เดี๋ยวเดือนนี้ปลายเดือนจะไปผ่าตัดเอาเหล็กที่อยู่ด้านในออกครับ 7.แล้วเจอกันวันพฤหัสละกันอย่าลืมเอาชุดยูโดมาด้วยละ เออ ก็ไหนอาจารย์บอกว่าวันพฤหัสแค่มาดูการเรียนการซ้อมไม่ใช่เหรอครับแล้วต้องเอาชุดยูโดมาด้วยเหรอครับ (ใจนึงก็งงว่ามันเร็วไปมั้ยอีกใจนึงก็ดีใจว่าเค้าให้ผมเริ่มซ้อมด้วยเลยแสดงว่าการมาดูโดโจครั้งนี้ไม่เสียเปล่าจริงๆ) ได้ครับวันพฤหัสเลิกเรียน6โมงเย็นก็จริงแต่จะพยายามรีบมาครับ วันนี้ขอตัวก่อนครับ ขอโทษที่มารบกวนครับ (อยู่ญี่ปุ่นมาก็นานแล้วนานๆทีจะได้ใช้คำพูดแบบมีมารยาทมากๆแบบคนญี่ปุ่น) 3ทุ่มนิดหน่อยแล้วก็ไปส่งเพื่อนไต้หวันระหว่างทางและกลับบ้านตอนที่ออกมาขึ้นรถ อาจารย์ก็ทยอยกันออกมาปิดไฟจนมืดสนิท ถ้าไม่ได้อยู่แถวนี้ผ่านมามองจากภายนอกคงไม่รู้ว่าเป็นโดโจสรุปโดยรวมวันนี้พลาดตอนโผล่เข้าไปครั้งแรก แต่ครั้งที่2ไม่พลาดเพราถ้าไม่เข้าไปครั้งที่2อาจารย์ทั้งหลายก็จะออกมาและไม่มีโอกาสได้พูดคุยสอบถามในเรื่องต่างๆ(ถึงจะสอบถามแต่ก็คงไม่สามารถคุยกันในรายละเอียดได้เพราะบรรยากาศภายนอกที่เป็นสวนสาธารณะนั้นหนาวมากๆ)ไว้เจอกันวันพฤหัสครับผม
Create Date : 04 ธันวาคม 2555 |
Last Update : 4 ธันวาคม 2555 21:14:40 น. |
|
3 comments
|
Counter : 1428 Pageviews. |
 |
|