แม้นานเนาก็ยังห่วงยอดดวงเสน่หา...
 
อันว่าเมืองไทย... ตอนที่ ๔

ต่อจากเรื่อง "อันว่าเมืองไทย...ตอนที่ ๓"
ที่เขียนเมื่อวานนี้

คุณลุงผมขาวหน้าแหลมเหมือนหนูยกมือขึ้น ถามหนุ่มเวียตนามด้วยคำถามอันยืดยาวว่า

ที่ว่าเป็นเวียตนามอพยพ อยากจะถามว่ามีประเทศตั้งหลายประเทศให้เลือกไปมิใช่หรือ ประเทศที่เคยเป็นเมืองขึ้นอย่างฝรั่งเศส หรืออย่างอเมริกาที่น่าจะอ้าแขนรับ ทำไมจึงไม่เลือกไป ทำไมถึงเลือกญี่ปุ่น

คุณลุงถามไม่เกรงใจคนตอบ และจบคำถามนั้นด้วยการมองหน้าหนุ่มเวียตนามด้วยสายตาอันคมกริบ ข้าพเจ้านึกดีใจที่เป็นคนไทยเป็นครั้งแรกในวันนี้...

อาจจะเป็นโชคดีของน้องหนูเวียตนามหนุ่มเหน้านั่น เพราะเธอไม่เข้าใจคำถามอันยืดเยื้อและวกวน ที่ข้าพเจ้าเขียนนั่นได้พยายามลำดับความแล้ว

หนุ่มเวียตนามนั่งไปทางข้างขวาของข้าพเจ้า โดยไม่รู้ตัวแกจะหันมาหาข้าพเจ้าทุกครั้งเหมือนต้องการกำลังใจ แม้เวลาที่นึกคำใดไม่ออก แกก็จะหันมามองหน้าข้าพเจ้า อายุที่ห่างกันเกือบ ๒๐ ปีนั่น อาจจะทำให้แกรู้สึกเหมือนข้าพเจ้าเป็นญาติหรือที่พึ่งทางใจไปก็เป็นได้

กลับมาที่ปัญหาน่าถีบ

หนุ่มเวียตนามพยายามตอบ แต่แกไม่เข้าใจคำถาม คุณลุงที่เป็นผู้รับผิดชอบหรือพี่เลี้ยงนางงาม ได้อธิบายให้แกฟังว่า ทำไมถึงมาญี่ปุ่น

นายตรัง หนุ่มเวียตนามก็เล่าไปใหม่ว่า พ่อแม่พี่น้องพากันมาญี่ปุ่นหมด เหลือผมคนเดียวที่มาทีหลังสุดเพราะติดเรียนหนังสือ แล้วแกก็หันมาหาข้าพเจ้าประมาณขอกำลังใจ
ข้าพเจ้ายิ้มให้และพยักหน้าน้อยๆ ทำนองว่า ทำได้ดีที่สุดแล้วนะหนู...

คุณลุงหน้าหนูผี พยักหน้าแบบไม่เข้าใจคำถามก็แล้วไปเหอะ ไม่รู้จะถามต่อยังไง

นั่นทำให้ข้าพเจ้านึกรู้ไปว่า ปัญหาใดไม่อยากตอบ ก็ทำเป็นไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นซะก็หมดเรื่อง ในวงเล็บ อันไหนด่าได้ก็ด่า...

มีคำถามเกี่ยวกับภาษาน่าสนใจดังนี้

ตัวอักษรในภาษาเวียตนามนั้น มีตัวอักษรจีนเหมือนตัวอักษรคันจิในภาษาญี่ปุ่น บัดนี้ยังมีการใช้กันอยู่อีกหรือไม่ หรือว่ามลายหายสูญไปหมดแล้ว

น่าเสียใจเมื่อได้ฟังคำตอบว่า นอกจากภาษาพูดที่ยังคงเหลืออยู่แล้ว ภาษาเขียนนั้นแทนด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษหมด แม้ในตำราเรียนก็ตาม หนุ่มเวียตนามเล่าไม่สะทกสะท้านอันใด

ข้าพเจ้านึกในใจถึงการสูญเสียเอกราชทางวัฒนธรรมที่เวียตนามได้รับ หลังจากผ่านประสบการณ์อันบอบช้ำจากการเป็นเมืองขึ้น และสงครามเวียตนาม

เป็นครั้งที่สองใหญ่ๆในวันนี้ ที่ทำให้ข้าพเจ้าดีใจที่เกิดมาเป็นคนไทย...

หากการสูญเสียเอกราช จะหมายแค่การตกเป็นเมืองขึ้นอย่างออกหน้าออกตา
เราก็คงจะเป็นเอกราชอย่างยืดอกภาคภูมิมาจนถึงทุกวันนี้
ต่อไป เราคงจะต้องหวนคิดถึงการเสียเอกราชด้านวัฒนธรรมกันบ้าง

ตัวอักษร เป็นวัฒนธรรมที่เปลี่ยนรูปมาเป็นตัวตนเป็นรูปแบบให้ได้เห็นได้อ่าน ช่างเถอะว่าจะดัดแปลงมาจากอักษรใดๆ
เพราะนั่นได้แสดงถึงความพยายามที่จะพัฒนาวัฒนธรรมนั้นๆให้มีลักษณะเฉพาะของตนเอง

ตัวอักษรที่เคยมีในโลก แล้วต้องมีอันมลายหายสูญไปนั้น มีความหมายลึกซึ้งมากในแง่การสูญสลายทางวัฒนธรรม

ข้าพเจ้าเหลือบไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของหนุ่มเวียตนาม เห็นยิ้มสุดท้ายที่แกส่งให้หลังตอบคำถามนั้น
แล้วก็เศร้าใจอยู่เงียบๆ...

สร้อยสัตตบรรณ

พรุ่งนี้ เป็นคิวของสาวฟิลิปปินส์



Create Date : 29 กรกฎาคม 2550
Last Update : 2 สิงหาคม 2550 10:01:02 น. 2 comments
Counter : 435 Pageviews.  
 
 
 
 
แม่หญิงที่รัก

ฟังแล้วอดใจหายลึกๆ ไม่ได้เช่นกัน ด้วยตัวอิฉันเองนั้นมีเชื้อสายเวียตนามอยู่จางๆ เพราะต้นตระกูลของพ่อนั้นเป็นญวนที่เข้ามาตั้งรกรากตั้งแต่ต้นรัตนโกสินทร์ ดังนั้นสิ่งที่หลงเหลืออยู่ก็คงเป็นเพียง ประวัติที่มา

่ส่วนตัวอิฉันเองแล้วเคยคิด "อยากจะ" เรียนรู้ภาษานี้อยู่เหมือนกัน
แต่เมื่อเห็นการถ่ายถอดเสียงออกมาเป็นภาษาโรมันแล้ว
อิฉันก็ขอถอดใจ เพราะอ่านตามไม่ถูกจริงๆ

 
 

โดย: เหวียน แมงด๊ด (นางไม้หน้า3 ) วันที่: 29 กรกฎาคม 2550 เวลา:14:23:45 น.  

 
 
 
 
 

โดย: majoreenu วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:19:39:01 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

majoreenu
 
Location :
Chiba Japan

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ข้อความในหน้านี้
เป็นของที่เจ้าของสงวน
ห้ามเอาไปไม่บังควร
จงคิดครวญให้จงนาน

อาจโดนตบกะโหลก
เอาหัวโขกเสียบประจาน
เพราะเจ้าของเป็นคนพาล
ทรงเสน่ห์และเล่ห์กล

ฮุ ๆ ฮุ ๆ ๆ
อีกฮุ ๆ ฮุ ๆ ๆ

สร้อยสัตตบรรณ
เจ้าของบล็อก

....................................................

สร้อยสัตตบรรณ หรือกรกุณารี
ก็คนคนเดียวกัน...

ฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯ


ความคิดถึงที่อ่านได้
[Add majoreenu's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com