|
สามคำที่เขียนผิด
สืบเนื่องจากหนังสือที่แปลไป ลองอ่านๆดู ก็พบว่าเขาไม่ได้แก้สำนวนที่เพียรกลั่นกรองออกมาแต่อย่างใด ดีใจว่ามันคงโอเคในแง่บรรณาธิการ
แล้วก็ได้พบว่า ตัวเองเขียนหนังสือผิดมาตั้งนานอยู่สามคำ เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการสะกดคำมาก และพบว่าตัวเองจะขัดข้องมากหากเห็นใครเขียนหนังสือผิด เพราะคิดไปขนาดที่ว่า คนที่เขียนหนังสือผิดก็เหมือนคนใส่เสื้อลืมติดกระดุม เดินอ้าอกออกมานอกบ้าน หรือลืมรูดซิป อ้าอะไรก็แล้วแต่... มันน่าอายถึงเพียงนั้น...
คำที่ได้รับการแก้ไขให้ถูกต้องมีดังนี้ ๑. ปิติ ซึ่งแปลว่าปลาบปลื้ม ยินดีนั้น ที่ถูกต้องต้องเขียนโดยใช้สระอี เป็น ปีติ ด้วยมีรากคำมาจากคำว่า ปรีติ หลงใช้สระอิมาทั้งชีวิตเลย อ๊าย อาย... ๒. พาล ซึ่งต้องการจะแปลว่าทำท่าว่า คำที่ถูกต้องต้องใช้ น หนู สะกด เช่นประโยคที่ว่า พานให้คิดว่าเขาก็เป็นคนอย่างนั้นไปด้วย หลงใช้คำว่า พาล มาตั้งนานในความหมายนี้ เพราะเป็นคนพาลไง...
ส่วนคำสุดท้ายที่โดนแก้นั้น คงต้องขอพูด(เขียน) ยาวหน่อย เพราะหัวแข็ง...
๓. มุขตลก เขาแก้ให้เป็น มุกตลก มาแล้วไง... คำเจ้าปัญหา ถกกันมิมีวันจบสิ้นเลิกรา และไม่ยอมเลิกด้วย... นี่...
สองคำแรกที่ได้รับการแก้ไขนั้นถือเป็นการมาติดกระดุมและรูดซิปให้อย่างที่รู้สึกอายเมื่อปรากฏต่อสาธารณชนในอาการแต่งตัวไม่เรียบร้อยไปตามนั้น และต่อไปนี้ก็จะไม่เขียนผิดอีก หนูสัญญา...
แน่นอนว่า ก่อนที่จะยอมอย่างนั้น ก็ตามคลิกที่หน้าพจนานุกรมราชบัณฑิตฯ ที่พึ่งที่เดียวเพื่อยีนยันความถูกต้อง จึงได้รู้ว่าตัวเองเขียนผิดมาเนิ่นนาน นับได้เกือบครึ่งศตวรรษ ในวงเล็บ ตามอายุที่ล่วงเลยมาจนถึงวันนี้
ส่วนคำว่ามุขตลกนั้น ก็ตามเช็คด้วย แล้วพบว่าในนั้นเขาก็เขียนอย่างที่โดนแก้มาด้วยคือใช้ ก ไก่กุ๊กๆ ไม่ใช่ ข ไข่ อยู่ในเล้า อย่างที่เราเคยใช้
อยากจะผ่านเรื่องความหมายว่า มุขแปลว่า ปาก หรือแปลว่า หน้า เช่นคำว่า มุขปาฐะ ที่แปลว่าเรื่องที่เล่าสืบทอดด้วยปาก คือไม่ได้จดจารไว้ให้เป็นลายลักษณ์อักษร หรือคำว่า มุขเด็จ จัตุรมุข ซึ่งพวกนี้เป็นคำเรียกสถาปัตยกรรมที่สร้างไว้อยู่ทางด้านหน้าของตัวอาคาร มีชื่อเรียกกันไปตามนั้น
อยากจะผ่านความหมายคำว่ามุก ไปเหมือนกัน เพราะมันมีความหมายเดียว คือ หอย ว่าหอยมุก และเป็นคำไทย ในขณะที่คำว่ามุข นั้นเป็นบาลีสันสกฤต
ภาษาไทยเรามีคำต่างประเทศปะปนอยู่มากมาย มากกว่าคำไทยเองเสียด้วยซ้ำ ก่อนที่ฝรั่งจะมารุ่งเรือง เราก็รับภาษาแขก คือบาลี สันสกฤตมาใช้กันเก๋ก่อนหน้านั้นเนาเนิ่นนานนม ภาษาเขมรนั่นก็อีกที่ใช้กันอยู่ในภาษาไทย คำราชาศัพท์นั้นส่วนใหญ่เป็นภาษาขอมทั้งนั้น ไม่ว่าจะ เขนย(หมอน) ขนน(หมอนอิง) ขนอง(หลัง) พระกรรบิด(มีด)
นั่นก็เป็นเพราะว่าเรื่องราชสำนักและพิธีกรรมพราหมณ์นี้เรารับอิทธิพลมาจากเขมรอีกทอดหนึ่งแต่โบราณกาล ไม่ได้รับมาจากอินเดียโดยตรง เพื่ออ้างอิงบรรทัดบน ก็จะต้องขอบอกว่า ดินแดนสุวรรณภูมินี้แต่ก่อนอารยธรรมขอมปกคลุมไปทั่วก่อนที่จะมีอาณาจักรสุโขทัย ปราสาทหินที่มีอยู่ในละโว้(ลพบุรี) กาญจนบุรี(ปราสาทเมืองสืงห์) และภาคอีสานตอนล่างไม่ว่าจะเป็นปราสาทพิมาย ปราสาทพนมรุ้ง เขาพระวิหาร เหล่านี้เป็นหลักฐานยืนยันได้ชัดแจ้งดี
มาถึงเขมรได้อย่างไรก็ไม่รู้ เพียงต้องการจะบอกว่ามีภาษาอื่นอยู่ในภาษาไทยเยอะแยะเท่านั้นเอง เพราะว่ามันมีที่มา เพียงแต่เราไม่ได้นึกไปให้ถึงเท่านั้นเอง แล้วก็ไม่จำเป็นว่าคำไทยจะต้องบวกกับคำไทยเท่านั้น บวกกับคำต่างประเทศก็ได้
คำบาลีสันสกฤตที่เอามาผสมกับคำไทยแล้วใช้กันอยู่ก็มีตั้งเยอะแยะ
เพราะฉะนั้น หรือดังนั้นก็ได้ คำว่ามุขตลก จะขอเขียนอย่างนี้แหละ ฮึ...
ถ้าเขียนว่า มุกตลก อย่างที่ราชบัณฑิตฯว่า จะขอแปลว่า หอยตลก
ต่อจากนี้ไปจะใช้คำว่าหอยตลกเวลาใครพูดอะไรขำๆดีกว่า เช่น อุ๊ย...ฉันตามหอยตลกเธอไม่ทัน
ถ้าเขาถามความหมาย ก็จะสามารถอธิบายได้อย่างมีหลักการอ้างอิง เปิดพจนานุกรมให้ดูด้วยได้อีกต่างหาก
เดี๋ยวจะหาว่าไม่มีหลักการ...
Create Date : 17 มกราคม 2551 |
Last Update : 17 มกราคม 2551 17:39:00 น. |
|
1 comments
|
Counter : 466 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: นางไม้หน้า3 วันที่: 22 มกราคม 2551 เวลา:8:40:13 น. |
|
|
|
|
majoreenu |
|
|
Location :
Chiba Japan
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]
|
ข้อความในหน้านี้ เป็นของที่เจ้าของสงวน ห้ามเอาไปไม่บังควร จงคิดครวญให้จงนาน
อาจโดนตบกะโหลก เอาหัวโขกเสียบประจาน เพราะเจ้าของเป็นคนพาล ทรงเสน่ห์และเล่ห์กล
ฮุ ๆ ฮุ ๆ ๆ อีกฮุ ๆ ฮุ ๆ ๆ
สร้อยสัตตบรรณ เจ้าของบล็อก
....................................................
สร้อยสัตตบรรณ หรือกรกุณารี ก็คนคนเดียวกัน...
ฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯ
ความคิดถึงที่อ่านได้
|
|
|
|
พลาดทั้งเรื่องการสะกด
และ blog นี้
หนูก็ผิดไปแย้ว เหมืองกัง