แม้นานเนาก็ยังห่วงยอดดวงเสน่หา...
 
เวียนเทียน

เวียนเทียน

เรื่องนี้เขียนไว้นานแล้ว คือตั้งแต่วันที่เวียนเทียนในวันวิสาขบูชาที่อัพไว้ที่กลุ่มต่างประเทศพิสัย นึกไปนึกมาก็เอามาลงดีกว่า เพราะระยะนี้ไม่ได้อัพบล็อกเลย เดี๋ยวเขาจะว่าว่าไม่ใส่ใจ
เขียนไว้ว่าดังนี้...

วัดปากน้ำญี่ปุ่นอยู่ห่างจากบ้านประมาณหนึ่งชั่วโมงขับรถ ข้าพเจ้าออกจากบ้านตอนเกือบสิบโมงเช้า
เครื่องถวายสังฆทานนั้นทางวัดจัดไว้ให้ เราก็แค่จ่ายสตางค์ หรือจะจัดไปเองก็ได้ แต่คนส่วนใหญ่ก็มักจะไปซื้อเอาข้างหน้าทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่คนที่เตรียมใจไปวัดล่วงหน้าอย่างข้าพเจ้า
หลายคนนำน้ำดื่ม กระดาษชำระ กระดาษทิชชู่ และของใช้สิ้นเปลืองอื่นๆไปถวายเพิ่ม บางคนก็ถวายเงินบำรุงค่าอาหารกลางวัน ฯลฯไปพร้อมกันด้วย

วันวิสาขบูชาปีนี้ตรงกับวันพฤหัส ทำให้พุทธบริษัทมีน้อยกว่าที่เคยเห็น เมื่อฉันอาหารกลางวันเสร็จแล้ว หลวงพ่อหรือหลวงลุง หรือพระอาจารย์ แล้วแต่ใครจะเรียกท่านซึ่งเป็นรองเจ้าอาวาส ก็นำสวดและทำพิธีบังสุกุลเป็น ก่อนจะปล่อยพวกเราไปทานอาหารกลางวัน
ช่วงนี้ใครจะถวายสังฆทานก็สมทบถวายได้ในตอนนี้
หลวงพี่ พระที่ส่งเมลมาบอกกำหนดการเวียนเทียน พยักหน้าให้ข้าพเจ้านำของถวาย เงอะๆงะๆเก้ๆกังๆประสาข้าพเจ้า แล้วก็ถวายของสังฆทานไปจนได้ มีอีกหลายคนที่ถวายตอนนี้เช่นกัน เพราะมาช้ากว่าเพล ทุกๆอย่างอะลุ้มอล่วยไปตามสภาพภูมิประเทศ และสถานการณ์อย่างที่ต่างคนก็ต่างร่วมรู้กันโดยไม่ต้องให้อธิบายนาน

รอบๆตัวที่นั่งอยู่ มีคนไทยที่พูดภาษาเหนือเสียเป็นส่วนมาก นั่งฟังเขาเงียบๆ รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ไม่รู้เสียเป็นส่วนมาก ที่ดูไม่เบื่อเลยคือการแต่งกาย มีตั้งแต่แต่งตัวแบบเป็นกันเองกับวัดมาก คือเสื้อตัวกางเกงตัว ถ้าไม่เกรงใจก็เห็นจะนุ่งชุดนอนมา ประมาณนั้น กับที่แต่งตัวแบบคนที่จะไปทำธุระนอกบ้าน เช่นข้าพเจ้า
ที่รื่นเริงแก่สายตามากคือ บางคนก็แต่งตัวเหมือนเทพีวันสงกรานต์ ทำให้นึกถึงคำที่ว่า 'พอไปวัดไปวาได้' สมัยนี้แม้ที่เที่ยวจะไม่ใช่วัดแล้ว เธอก็ยังแต่งตัวสวยอย่างเฉพาะกาลไปวัดอยู่เช่นเดิม
ขนตาหนาเป็นแผงสีดำกว่าดำที่กระพริบอยู่เหนือดวงตาที่ทาอายแชโดว์สีดำสนิทนั้นยังติดตามาแม้จนวันนี้
ผ้าไหมสีแดงก่ำกับจตุตามรามเทพองค์เท่าจานรองแก้วบนหน้าอกแห้งๆนั่นอีก
ปล่อยแม่นากไว้ที่ศาลาวัด แล้วไปเดินรอบๆวัดกันดีไหม...

ในบริเวณวัดจะมีคนนำดอกไม้เวียนเทียนมาขาย และแน่นอนว่าเงินนั้นเราก็ใส่ลงไปในตู้บริจาคดังรูปที่ถ่ายมาประกอบด้านล่างนี้
ที่นี่ดูจะเป็นประเพณีที่จะมีคนใจบุญนำของที่ร้านตนเองมาทำทานให้สัตว์ผู้ยากรับประทานฟรี
แรกๆนั้นข้าพเจ้าอายมากไม่กล้าต่อแถวรับอาหาร เดี๋ยวนี้คล่องแคล่วต่อแถวนั้น แล้วก็ย้ายไปแถวนี้
เจ้านั้นส้มตำอร่อย เดี๋ยวก็ไปต่อแถวหมูปิ้ง เสร็จก็ย้ายไปแถวก๋วยเตี๋ยว โห... คนเรานี่มันพัฒนาจริงๆ
เราก็จะทานอาหารกันด้านนอกระหว่างที่พระท่านฉันเพล เสร็จแล้วเราก็เข้าไปฉันต่อ เอ้อ... กินต่อข้างในอีก
โห... ไม่อายเลยเดี๋ยวนี้ นานๆจะได้กินอาหารหลากรสที่ไม่ใช่ฝีมือตัวเองบ้าง

กลับมาสู่การเวียนเทียนรอบโบสถ์กันเถิดนะคะ

พระทั้งวัดในตอนนี้มีอยู่ ๔ รูป ดูทะแม่งๆแต่ก็เอาเถอะ
ท่านก็เดินนำไปพร้อมกับต้นโพธิ์ที่มีกำหนดจะปลูกหลังจากเวียนเทียนเสร็จแล้ว
ตามด้วยแม่ชีจำนวนหนึ่ง พวกเธอมาถือศีลบำเพ็ญธรรม ไม่โกนหัว นุ่งห่มขาวเท่านั้น ข้าพเจ้าไม่เคยเข้าคอร์ส เลยเล่าไม่ได้
เราๆอันประกอบด้วยเทพีวันสงกรานต์ นางเอกหนังไทย นางอิจฉา(ข้าพเจ้า) และนางอื่นๆก็พากันเดินตามกันไป
ข้าพเจ้าถ่ายรูปไว้เป็นระยะๆตามนิสัยชอบบันทึก แต่ไม่ได้ถ่ายรูประทึกใจไว้เพราะมัวแต่ร้องกรี๊ดสลบอยู่
คือ
ไฟจากดวงเทียนนั้นวูบไหวไปต้องกับผมยาวสยายเต็มแผ่นหลังของผู้หญิงคนที่เดินอยู่ด้านหน้า
ผมยาวสยายนั้นหยิกน้อยๆตามธรรมชาติ มันจึงพองฟูเหมือนจะเชิญชวนเปลวเพลิงให้มาสู่ราวกับกวักมือเรียก
เมื่อผ่านการกวักเรียกเป็นรอบที่สามแล้ว พระเพลิงก็ไม่ขัดศรัทธาใครเช่นกัน
ไฟลามเลียผมจากกลางหลังขึ้นไปที่ต้นคออย่างรวดเร็ว เจ้าของยืนนิ่งมิรู้ร้อนหนาวแต่ประการใด
ส่วนเจ้าของไฟที่ลนก็มัวแต่งุนงงกับภาพที่อยู่ตรงหน้า เธอบอกกับใครๆว่า เธอมีปัญหากับขา เดินไม่ค่อยถนัด คงจะเดินเอนหน้าเอนหลังจึงเอาไฟไปจิ้มผมเขาเข้า
หลายมือพากันตบไปที่ผมเธอคนโชคร้าย แล้วไฟก็แพ้แรงใจกับอานิสงส์ที่ได้เวียนเทียนในวันนี้
'พี่ผมไหม้' ที่ข้าพเจ้าเรียกเธอโดยไม่ได้ตั้งใจในตอนหลังนั้น หันมาบอกคนถวายพระเพลิงเธอว่า 'ไม่เป็นไรๆ'
ใจดีแท้ๆ...
อาการตกใจขวัญหายนั้นไม่มี นึกอีกที เธอไม่ได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนหัวเธอเลยแม้สักน้อย
จะให้ตกใจกระไรได้

เมื่อดับเพลิงเสร็จเราก็เข้าโบสถ์ไปไหว้พระ แล้วก็ไปช่วยกันขุดดินปลูกต้นโพธิ์ไว้ด้านหลังโบสถ์
ข้าพเจ้าก็กลับบ้าน

ดูรูปบรรยากาศในวันนั้นได้ในบทความหน้าต่างประเทศพิสัย
เขียนที่หน้านี้เพราะเห็นใครๆก็มาหน้านี้ เอาเข้าจริงกลุ่มบล็อกที่จัดๆเอาไว้ตัวเองก็ยังงงๆว่ามันต่างกันยังไง

นะคะ...


สร้อยสัตตบรรณ

สนใจตามไปดูรูปได้ที่หน้านี้





Create Date : 18 ตุลาคม 2550
Last Update : 18 ตุลาคม 2550 8:12:06 น. 4 comments
Counter : 436 Pageviews.  
 
 
 
 

สวัสดีเจ้าค่ะ
โถ นังมดก็มัวไปมะงุมมะงาหราอยู่รายถนนเสียได้
อ่านแล้วบรรยากาศของคน คล้ายๆ ในคลาสเรียนภาษาของหนู เมื่อครั้งยังใฝ่ศึกษา ในเรื่องของที่มา และการแต่งกาย ที่ทำให้ลืมไปว่ามาเรียนหนังสือ และสถานที่ก็เรียกว่าโรงเรียน
แต่จะต่างกันตรงในคลาสไม่มีนางเทผี เอ๊ย เทพี


 
 

โดย: นางไม้หน้า3 วันที่: 24 ตุลาคม 2550 เวลา:22:02:07 น.  

 
 
 

คิดถึงนะเจ้าคะ
 
 

โดย: นางไม้หน้า3 วันที่: 28 ตุลาคม 2550 เวลา:22:48:54 น.  

 
 
 
โถ....
 
 

โดย: พี่ยุ้ย (majoreenu ) วันที่: 29 ตุลาคม 2550 เวลา:7:02:33 น.  

 
 
 
แวะมาราตรีสวัสดิ์ค่ะ
 
 

โดย: นางไม้หน้า3 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2550 เวลา:0:01:28 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

majoreenu
 
Location :
Chiba Japan

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ข้อความในหน้านี้
เป็นของที่เจ้าของสงวน
ห้ามเอาไปไม่บังควร
จงคิดครวญให้จงนาน

อาจโดนตบกะโหลก
เอาหัวโขกเสียบประจาน
เพราะเจ้าของเป็นคนพาล
ทรงเสน่ห์และเล่ห์กล

ฮุ ๆ ฮุ ๆ ๆ
อีกฮุ ๆ ฮุ ๆ ๆ

สร้อยสัตตบรรณ
เจ้าของบล็อก

....................................................

สร้อยสัตตบรรณ หรือกรกุณารี
ก็คนคนเดียวกัน...

ฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯ


ความคิดถึงที่อ่านได้
[Add majoreenu's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com