บริหาร การจัดการ การตลาด พัฒนาตนเอง พัฒนาความคิด กลยุทธ์ ธรรมะ จักรราศี ฯลฯ
จัดตั้งธุรกิจ ปรับปรุงกิจการ | ไขความลับสมองเงินล้าน | การเขียนแผนธุรกิจ | บริหารคน บริหารงาน | พัฒนาความคิด
พระไตรปิฎกฉบับหลวง | แด่องค์กรที่แสนรัก | สุขใจกับเด็กสมาธิสั้น
Group Blog
 
All Blogs
 

โบนัส กับดักเพื่อทำให้พนักงานอยู่ได้นาน

เมื่อดูจากสถิติการออกจากงานของบางบริษัทฯต่าง โดยทั่วไปพบว่า มีพนักงานลาออกในเดือนพฤศจิกายน และ ธันวาคม น้อยกว่าทุกๆเดือน และ มีคนลาออกในเดือนมกราคมจำนวนมาก จากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่าบริษัทฯในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ มักจะออกโบนัสในเดือนธันวาคม ซึ่งทำให้คิดได้อีกแง่ว่า คนทำงานที่ต้องการลาออกจากบริษัทฯส่วนใหญ่ ก็จะรอคอยโบนัสออกก่อนที่เขาจะออกจากบริษัทฯ แต่ไม่ใช่เพียงคนที่จะออกจากบริษัทฯเท่านั้นที่คิดเช่นนี้ ผมว่าคนทำงานทุกคนก็หวังและต้องการโบนัสเช่นกัน...

ผมเองก็เป็นพนักงานกินเงินเดือนบริษัทฯ มีความเข้าใจและความต้องการเช่นเดียวกับคนทำงานทั่วไป ทั้งๆที่รู้ว่า โบนัสเป็นกับดักทางความคิด และ การสร้างความหวังให้กับพนักงานก็ตาม แต่คนทำงานส่วนใหญ่ กลับไม่ได้คิดเช่นนี้..

ทำไมผมถึงบอกว่า มันคือกับดักทางความคิด และ เป็นการสร้างความหวังให้กับพนักงาน ก็เพราะว่า "โบนัส" ของหลายต่อหลายบริษัทฯ ขึ้นกับผลประกอบการว่า กำไรมากน้อยเพียงใด หากมีผลกำไรก็จะปันผลมาเป็นโบนัส เพื่อตอบแทนความทุ่มเทของพนักงาน แต่พนักงานทุกคนก็ทำงานไม่เท่ากัน ดังนั้น บางบริษัทฯ เลยเอาผลงานของแต่ละคนมาคิดสัดส่วนของโบนัสที่จะได้รับด้วยเช่นกัน เพื่อทำให้คนทำงานได้ทำงานได้เต็มที่ทั้งปี ซึ่งโบนัส กลายมาเป็นเครื่องมือในการบริหารและ เครื่องมือในการบีบบังคับให้พนักงานทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อพวกเขาจะได้โบนัสได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

แต่บริษัทฯต่างชาติ ที่เขาคิดเงินพนักงานเป็นปีบางบริษัทฯ ก็ใช้ "Fix Bonus" หรือ เงินเดือนๆที่ 13 หรือ เดือนที่ 14 ในการจูงใจให้พนักงาน ได้มีความรู้สึกว่า เขาได้รับโบนัส พิเศษ เพิ่มมากขึ้น

เงินที่มาจากความทุ่มเทในการทำงาน หรือเงินที่ควรจะได้นั้น ใครๆก็ต้องหวังกันทั้งนั้น มันทำให้พนักงานรู้สึกว่า หากจะลาออกก็ต้องรอให้ได้เงินในส่วนนี้ก่อน... บริษัทฯ ที่เก่งมากๆในการดึงคนให้ทำงานกับเขานานๆ ก็จะใช้โบนัส ทั้ง 2 แบบนี่แหละในการดึงคน เพราะว่า พนักงานที่จะลาออก ก็จะมีความรู้สึกว่าไม่อยากสูญเสียเงินในส่วนนี้ไป หากเกิดลาออกก่อนที่จะได้รับมัน...

ผมขอยกตัวอย่างให้เห็นว่า หากคุณได้อยู่กับบริษัทฯหนึ่ง ที่มีการให้ โบนัส ที่เป็นเงินเดือน เดือนที่ 13 กับพนักงานทุกคน เดือน ธันวาคม และ ให้เงินเดือนเดือนที่ 14 ในเดือน กุมภาพันธ์ ซึ่งประมาณตรุษจีน ซึ่งแค่นี้ ก็ทำให้พนักงานที่จะลาออก ในช่วงปลายปี ต้องคิดหนักอย่างมาก หากจะลาออกเดือน พฤศจิกายน เพราะทำงานอีก 3 เดือน ก็จะได้เงินเดือน เพิ่มอีก 2 เดือน...

และหากบริษัทฯ จัดผลงานของปีที่แล้ว จะแบ่งโบนัสออกเป็น 3 งวด โดย ผลงานของเดือน กุมภาพันธ์ ถึง พฤษภาคม จะออกโบนัส ตอนเดือน มิถุนายน ผลงานของเดือน มิถุนายน ถึง เดือน กันยายน จะออกเดือน ตุลาคม และ ผลงานของเดือน ตุลาคม ถึง เดือน มกราคม จะออกเดือน กุมภาพันธ์ จะทำให้คนทำงานในบริษัทฯนี้ ยิ่งต้องคิดหนักเพราะ จะมีเงินจากผลงานของเขามาเกือบ ทุกๆช่วงของปี

ผมแค่ยกตัวอย่างแนวทางการจัดระบบบริษัทฯ ที่เขาใช้โบนัสในการดึงคนมาให้เห็นเท่านั้นว่า จริงๆแล้ว การที่บริษัทฯ มีระบบโบนัสที่ดีนั้น ก็ทำให้คนทำงานมีความรู้สึกที่จะอยู่กับบริษัทฯได้นานขึ้น แต่ถ้าเปรียบกับบางบริษัทฯ ที่ไม่ยอมจ่ายโบนัสฯ มัวแต่บอกว่า ขาดทุน กำไรน้อย ปีนี้เลยงดจ่าย ซึ่งกำไรหรือขาดทุนส่วนใหญ่ บริษัทฯ เกือบทุกบริษัทฯ ไม่มีใครกล้าบอกตัวเลขที่แท้จริงให้กับพนักงานทั่วไปได้รับทราบหรอก ดังนั้น มันเลยเป็นกล่องดำ ที่เป็นช่องทางให้กับบางบริษัทฯ เอามาเป็นข้ออ้างในการไม่จ่ายโบนัสฯให้กับพนักงาน ซึ่งแทนที่จะใช้โบนัส ในการดึงดูดพนักงาน แต่กลับใช้ในการ ขับไล่พนักงานให้ออกไปหางานใหม่

ผมไม่อยากให้เรื่องโบนัส กลายมาเป็นเรื่องที่บั่นทอนประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน หรือ ทำลายบริษัทฯ และ ผมก็ไม่อยากให้พนักงานคิดแต่เรื่องรายได้ที่จะได้รับเพิ่มเท่านั้น ผมพบสัจธรรมอย่างหนึ่ง ในชีวิตคือ "สิ่งที่ได้มามักต้องแลกกับสิ่งที่จะต้องสูญเสียไปเสมอ" การทำงานก็เพื่อแลกเงินมา การซื้อของได้ของมาก็ต้องแลกด้วยเงินที่ให้เขาไป การได้ของสิ่งใดมาผู้ให้ย่อมจะหวังที่จะได้สิ่งหนึ่งสิ่งใดตอบแทนเสมอ ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ...

"จงทำงานของตนเองให้ดีที่สุด เพื่อให้ผลงานเหล่านั้น กลายเป็นผลลัพธ์ที่คุณต้องการ"


ตามอ่านต่อกรุณากดที่นี่ครับ...



Is bonus your career mind trap?



[ บทความใน JobsDB.com ] - [ บทความใน At Office ]

[ บทความทั้งหมด ] - [ บทความล่าสุด / สมุดเยี่ยมเยือน ]


"จงทำงานของตนเองให้ดีที่สุด เพื่อให้ผลงานเหล่านั้น กลายเป็นผลลัพธ์ที่คุณต้องการ"




 

Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2549    
Last Update : 19 มิถุนายน 2550 12:25:18 น.
Counter : 5725 Pageviews.  

น้ำมันขึ้น ของแพง เงินเดือนลด

แต่ก่อนนี้ ผมรู้สึกไม่ดีกับน้ำเปล่าที่ราคาเท่าน้ำมัน ซึ่งเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคอย่างเห็นได้ชัดจริงๆ แต่มาวันนี้ น้ำมันขึ้นราคา เกือบเท่าตัว จนตอนนี้ผมคิดว่า ผมยอมให้น้ำเปล่าราคาเท่าน้ำมันแบบเดิมยังจะดีเสียกว่า เพราะน้ำมันขึ้นราคาอย่างนี้ ทำให้ค่าใช้จ่ายในการขนถ่ายสินค้าเพิ่มมากขึ้น ขนาดสิ่งอุปโภคพื้นฐานไม่ว่า น้ำ ไฟ หรือ แม้นแต่อาหารคาวหวาน ก็ขึ้นรากันแบบ เป็นลูกโซ่ ทำให้ค่าใช้จ่ายต่อคนเพิ่มมากขึ้น มากขึ้นทุกวัน ในขณะที่เงินเดือน หรือ รายได้ของคนส่วนใหญ่ยังคงเท่าเดิม

จากข้อมูลในช่วงเวลานี้ อัตราเงินเฟ้อในประเทศเพิ่มขึ้น 4-5% ตัวเลขนี้หมายถึง เราต้องจ่ายเงินเพื่อใช่จ่ายกับสิ่งดำรงชีพสิ่งเดิมๆ แต่เราต้องใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้นอีก 4-5% หรืออธิบายง่ายๆ คือ สินค้าแต่เดิมราคา 100 บาท คุณจะต้องจ่ายเงิน 105 บาทเพื่อซื้อสินค้าตัวเดิมในราคาปัจจุบัน นี่เป็นของหลักร้อย แต่ถ้าของชิ้นนั้น ราคา 100000 บาท คุณก็จะต้องจ่ายเงิน 105000 บาท ในการซื้อสินค้านั้น นั่นหมายถึงเงินของคุณมีค่าน้อยลงจากเดิม

สิ่งเหล่านี้ ทำให้ คนหาเช้ากินค่ำ หรือ อย่างพนักงานเงินเดือนน้อยๆ ต้องมีชีวิตอยู่อย่างขัดสนทำให้คนจนๆ ตาดำๆ ที่เคยอยู่อย่างขัดสน ยิ่งทำให้เขาอยู่จำกัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น คนที่มีรายได้ต่ำกว่า 7000 บาท ก็ได้ปรับเงินเป็นจำนวน 7000 บาท แต่คนที่เกินกว่านั้นไม่เท่าไหร่หละ พวกเขามีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น แต่รายได้คงที่ ก็เท่ากับ ลดเงินเดือนพวกเขา ทำให้ไม่มีอะไรจะกินกันแล้ว

สิ่งที่จะทำได้สำหรับคนหาเช้ากินค่ำ หรือ คนทำงานเงินเดือนน้อยๆ ในตอนนี้ ก็ต้องประหยัดค่าใช้จ่ายอย่างสุดฤทธิ์ เพื่อทำให้ค่าใช้จ่ายลดลง ซึ่งเป็นหนทางที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้กัน เพราะการลดค่าใช้จ่ายนั้น สามารถทำได้ในทันที การลดค่าใช้จ่ายที่ดี ไม่ใช่ไม่ใช้เลย แต่ควรจะใช้จ่ายอย่างเหมาะสม และ สมควรแก่การจ่าย อย่างเช่น บางคนมีค่าใช้จ่ายบางเดือนเกี่ยวกับ การไปดื่ม ไปเที่ยว ช๊อปปิ๊ง ก็ต้องลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเหล่านั้นลง ให้มาก โดยเอาเงินส่วนต่างมาใช้กับปัจจัย 4 จะดีเสียกว่า

การหาทางออกอีกทางจากเศรษฐกิจอย่างนี้ ก็คือ หางานพิเศษทำ เพื่อหารายได้ให้ได้เพิ่มมากขึ้น แต่ใช่ว่าจะหางานพิเศษได้กันทุกคน แต่ไม่ใช่ไม่ออกหากันเลย ซึ่งถ้าไม่หา ไม่เสนอตัวออกไป แล้ว งานที่ไหนจะเข้ามาหาเรา สมัยนี้ ต้องสร้างโอกาสให้กันตนเองให้มาก ถึงจะสามารถมีโอกาสที่ดีสำหรับชีวิต อย่างงานพิเศษ ถ้าไม่ลงมือหา หรือ อยู่เฉยๆรอให้มีงานพิเศษฯ มันคงเป็นโอกาสเพียง หนึ่งในล้าน ที่จะเกิดเช่นนั้น บางคนต้องออกไปซื้อสินค้ามาขายตามตลาดนัด บางคนก็ขายตรง บางรายก็หางานพิเศษยามเลิกงานทำ ซึ่งก็แล้วแต่ความถนัดและโอกาสของแต่ละบุคคล

ทั้งการประหยัด และ การหารายได้เพิ่ม นอกจากเป็นการยืดระยะเวลาของพิษเศรษฐกิจที่จะส่งผลถึงคนทำงานแล้ว หากเราสร้างความประหยัดให้เกิดกับเราอย่างยั่งยืน และ สร้างรายได้เพิ่มให้กับตัวเราขึ้นเรื่อยๆ ขยันและอดทนทำงานหนัก สิ่งเหล่านี้ หากทำอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ จะส่งผลดีให้สามารถสร้างฐานะที่ดีขึ้นได้อย่างยั่งยืนมากขึ้น


จงเปลี่ยนวิกฤติที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ให้เป็นโอกาสอันดีที่จะเปลี่ยนแปลงนิสัยเดิมๆ ให้ดีขึ้น เพื่อสร้างอนาคตของคุณ



ตามอ่านต่อกรุณากดที่นี่ครับ...



Fuel Price rises, Cost of living increases…and our salary decreases?



[ บทความใน JobsDB.com ] - [ บทความใน At Office ]

[ บทความทั้งหมด ] - [ บทความล่าสุด / สมุดเยี่ยมเยือน ]




 

Create Date : 26 ตุลาคม 2548    
Last Update : 19 มิถุนายน 2550 12:27:27 น.
Counter : 1424 Pageviews.  

มีงานเสี่ยงกับชีวิต ใครอยากจะไปทำบ้าง...

ถ้าผมถามคุณว่า งานเสี่ยงกับชีวิต คุณจะทำไม๊...? หลายคนจะตอบว่า "ไม่" และหลายคนก็อาจจะงงกับคำถามว่า ผมหมายถึงอะไร...

ถ้าคุณมองรอบๆ ข้างๆตัวคุณ คุณจะเห็นคนทำงานมากมาย เขาก็ทำงานของเขาไปตามหน้าที่การงาน คนขับรถรับจ้าง คนเข็นรถขายของ คนขายของบนทางเท้า พนักงานบริษัทฯ พนักงานขับรถ พนักงานทำความสะอาด ฯลฯ ไม่ว่ามองในมุมไหน ก็มีแต่คนทำงานกันทั้งนั้น...

คำถามที่ผมถามว่า "งานเสี่ยงกับชีวิต ใครจะไปทำบ้าง" มันอาจจะจุดประเด็นให้คุณ ได้มองถึงงานของคุณ หรือ งานที่คุณจะไปทำว่า มันเสี่ยงกับชีวิตของคุณมากน้อยเพียงใด มันคุ้มค่ากับการเสี่ยงชีวิตหรือไม่ และแน่นอนครับ งานทุกงานก็มีความเสี่ยงกับชีวิตมากน้อยแตกต่างกันไป อย่างเช่น พนักงานทำความสะอาด ก็ต้องเสี่ยงกับสารเคมี และ น้ำยาต่างๆ ที่ใช้ในการทำความสะอาด และ สำหรับบริษัทฯ ใหญ่ๆ ที่เป็นระบบ ก็จะสร้างระบบป้องกันความเสี่ยง ให้กับพนักงาน เรียบร้อยแล้ว อย่างเช่น ต้องใส่ถุงมือ รองเท้าบู๊ท หรือ มีผ้าปิดปากเวลาปฏิบัติงาน สิ่งเหล่านี้ก็เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่มีต่อพนักงาน แต่พนักงานบางส่วนกลับไม่ยอมทำตามบ้าง หรือ ไม่ยอมปิดจมูกเวลาปฏิบัติบ้าง ซึ่งพวกเขาเปิดโอกาสของความเสี่ยงกับการเจ็บป่วย หรือ รับสารพิษเข้าร่างกายอย่างมากทีเดียว

อย่างช่างก่อสร้าง ก็ต้องเสี่ยงกับความสูง เสี่ยงกับปูน ทรายเข้าไปยังร่างกาย เขาเหล่านั้นบางคนก็มีการป้องกันบ้าง บางคนก็ไม่ป้องกันตัวเองเลย เห็นแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้...

ขนาดงานทางด้าน IT ที่คนทั่วไปคิดว่าปลอดภัยมากที่สุดแล้ว ยังมีผลข้างเคียงจากแสงของจอคอมพิวเตอร์ กระแสไฟฟ้า รวมไปถึง กระแสแม่เหล็กต่างๆ ที่ส่งออกมาจากเครื่อง บางบริษัทฯ ก็จัดให้มีแผ่นกรองแสงสำหรับจอคอมพิวเตอร์ให้ เพื่อป้องกันไม่ให้แสงเข้าตาพนักงานมากจนเกินไป

ผมเห็นคนที่ทำงาน กับที่ทำงานที่มีระบบอย่างดี มีสิ่งของเพื่อสร้างให้เกิดความปลอดภัยในที่ทำงาน บางคนก็ปฏิบัติตามกฎ แต่ผมกลับเห็นคนทำงานบางคน ละเลยในความปลอดภัยของตัวเอง เขากำลังเอาชีวิตของเขาเข้าไปเสี่ยงกับสิ่งที่ไม่น่าจะเสี่ยง ในเมื่อสามารถป้องกันความเสี่ยงได้ ก่อนเกิดเหตุการณ์ ทำไมไม่ทำ... ซึ่งหากโชคร้ายเกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้นมา แล้วทำให้แขนขาหัก หรือ หัวแตก ไม่สามารถทำงานได้ ก็จะทำให้สูญเสียรายได้ หรือ อาจจะทำให้ไม่สามารถทำงานต่อไปได้ แทนที่จะเป็นคนหาเงิน ก็จะกลับกลายเป็นภาระให้คนอื่นแทน...

Safety First - โปรดใส่ใจเรื่องความปลอดภัย ไม่ว่าคุณจะทำงานทางด้านอาชีพใดก็ตาม...



ตามอ่านต่อกรุณากดที่นี่ครับ...



A Job to Risk your Life. Want to give a try?



[ บทความใน JobsDB.com ] - [ บทความใน At Office ]

[ บทความทั้งหมด ] - [ บทความล่าสุด / สมุดเยี่ยมเยือน ]




 

Create Date : 05 กันยายน 2548    
Last Update : 19 มิถุนายน 2550 12:32:57 น.
Counter : 1549 Pageviews.  

ใครจะไปเป็นมือระเบิดพลีชีพบ้าง...

เกิดการระเบิดขึ้น เมื่อวันที่ 7 เดือน 7 กลางกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นเหตุให้เกิดความตื่นตระหนกกับความปลอดภัยทั่วทั้งประเทศอังกฤษ... จริงๆการกระทำเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้นเลยในโลก แล้วทำไมพวกเขาถึงกล้าที่จะกลายเป็นมือระเบิดพลีชีพกัน... แล้วถ้าเป็นคุณ... คุณจะกล้าทำไม๊...

ที่น่าสังเกตุคือ เขาเต็มใจไปตาย หรือ ว่าเขาถูกหลอกให้ไปตายนี่สิ... เป็นสิ่งที่น่าสนใจ...

อย่างในเหตุการณ์ครั้งนี้ ความคิดเห็นของผม เหมือนกับ ตำรวจอังกฤษ ที่คิดว่า พวกเขาไม่ใช่มือระเบิดพลีชีพ แต่ผมว่าพวกเขาถูกหลอก อาจจะถูกว่าจ้างด้วยราคาแพง เพื่อขนของจากที่หนึ่ง ไปอีกที่หนึ่ง เท่านั้น...

ผมให้ข้อสังเกตุกับงานบางงานที่ให้ค่าตอบแทนสูงเกินไป อาจจะเป็นงานที่น่าสงสัย ยิ่งเป็นงานง่ายๆ แล้วได้ค่าตอบแทนสูงมากเท่าไหร่ ยิ่งน่าสงสัยมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็อาจจะเป็นอย่างนี้ก็ได้ ซึ่งตามหลักของความเป็นจริง หากเป็นงานง่ายๆ คนจ้างงานจะยอมจ่ายแพงๆ หรือ? คิดตามหลักจิตวิทยาแล้ว ความเป็นไปได้แทบจะไม่มี ซึ่งโดยปกติแล้ว คนจ้างงานย่อมอยากที่จะจ้างแรงงานราคาถูก หรือ เหมาะสมกับงาน ส่วน คนทำงานนั้น ต้องการที่จะได้ค่าแรงสูงๆ นี่เป็นความจริงของชีวิต ที่ทำให้เกิดความขัดแย้งกันบ่อยๆ ระหว่างนายจ้าง กับ ลูกจ้าง

การอยากได้รายได้หรือเงินเดือนสูงๆ นั้น จึงเป็นจุดที่มีคนเอางานบางอย่างที่กล่าวอ้างว่าให้ผลประโยชน์สูง มาล่อ แต่ความต้องการแฝงของงานนั้น อาจจะต้องการอะไรบางอย่างจากผู้เป็นเหยื่อเข้ามาทำงานนี้ก็ได้ จะเห็นได้จาก จดหมายอิเล็คโทรนิคส์ในช่วงนี้ จะมีการแจ้งหาคนเข้าทำงาน รายได้ดี ทำงานน้อยๆ ผมว่างานเหล่านี้ ก็ใช้จิตวิทยาทางด้านนี้เช่นกัน... มันอาจจะจริงหรือไม่จริง นั่นเป็นสิ่งที่ต้องพิสูจน์ แต่ผมก็เชื่อของผมอย่างหนึ่งว่า การทำงานนั้นไม่ใช่ทำกันง่ายๆ แล้วได้เงินมามากๆ แต่การที่จะได้เงินมาจากการทำงานนั้น มันต้องแลกจากการทำงาน จากความรู้ หรือ ประสบการณ์ที่เรามี เราทำ ที่เราสร้างขึ้นมา

คนวางระเบิดพลีชีพเป็นตัวอย่างที่ดี สำหรับการหางานในสมัยนี้ เพราะว่า มีงานมากมายที่เอาความต้องการของคนทำงานว่าอยากได้เงินมากๆ ทำงานสบายๆ เป็นจุดในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ และมีคนมากมายที่หลงเข้าไปในวงจรของคนหลอกลวง แต่นั่นแหละ บางงานอาจจะเป็นงานที่ได้เงินทองมากมายโดยทำงานเพียงเล็กน้อยจริง แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น ใครหละอยากจะมาแนะนำให้คุณหาเงินแบบเขา... สู้เขาทำหนักขึ้นได้เงินมากขึ้นไม่ดีกว่าหรือ...

"งานง่ายๆ เงินดีๆ มันอาจจะมีอะไรแอบแฝงอยู่..."




ตามไปอ่านต่อที่นี่ครับ...



Interested in being hired as a suicide bomber?



[ บทความใน JobsDB.com ] - [ บทความใน At Office ]

[ บทความทั้งหมด ] - [ บทความล่าสุด / สมุดเยี่ยมเยือน ]




 

Create Date : 09 สิงหาคม 2548    
Last Update : 19 มิถุนายน 2550 12:31:29 น.
Counter : 1390 Pageviews.  


wbj
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 210 คน [?]




ต้องการสอบถาม กรุณาติดต่อทางเมล์ที่ wbjoong@gmail.com หรือ 062 641 5992, 062 826 1544

วิทยากรเชิงกิจกรรม

วิทยากรกระบวนการ

ที่ปรึกษาธุรกิจ

ด้านการบริหารจัดการ

การตลาดและการประชาสัมพันธ์

การบริหารทรัพยากรมนุษย์

การวางแผนกลยุทธ์

วิจัยธุรกิจ

IT Dashboard



ไม่ได้ ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้...
ต้องได้ ต้องดี ต้องมี ต้องง่าย
และ ทำให้ดีกว่าดีที่สุด



<< Main Menu >>



ดวงถาวร


ดวงตามวันเกิด



ดวงตามปีเกิด






;b[^]pN 06' ไรินนื ่นนืเ "รินนื ๋นนืเ c:j06'

ต้องการสอบถาม โทร 062-641-5992, 062-826-1544
ติดต่อทางเมล์ที่ wbjoong@gmail.com
Line ID : wbjoong

ที่ปรึกษาธุรกิจ ด้านการบริหารจัดการ การตลาดและการประชาสัมพันธ์ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ และ การวางแผนกลยุทธ์ วิทยากรเชิงกิจกรรม, วิทยากรกระบวนการ นักวิจัยการดำเนินงานธุรกิจ Executive & Management Coach

ไม่ได้ ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้... ต้องได้ ต้องดี ต้องมี ต้องง่าย และ ทำให้ดีกว่าดีที่สุด
<< Main Menu >>
Friends' blogs
[Add wbj's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friends


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.