เป็นห่วง...สั้นๆแต่กินใจ












...เป็นห่วง สั้นๆแต่กินใจ...



เวลาที่พี่ได้รับรู้มาว่าเจ้าหญิงของพี่ไม่สบายใจ

ความรู้สึกที่มันเกิดขึ้นมามีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น

เป็นห่วง ซึ่งมันจะเกิดขึ้นโดยที่พี่ไม่รู้ตัวเลย


อยู่ๆมันก็วิ่งขึ้นมา ณ วินาทีที่พี่ได้รู้ว่า
จิตใจของเจ้าหญิงของพี่ได้รับการกระทบกระเทือน

พี่
อยากทำอะไรก็ได้ แค่ให้เจ้าหญิงของพี่รู้สึกดี

อยากทำอะไรก็ได้
แค่ให้รู้ว่าเจ้าหญิงของพี่ยิ้มแล้ว

อยากทำอะไรก็ได้
ที่จะสามารถแบ่งเบาส่วนนั้นออกมาได้บ้าง

อะไรก็ตามที่พี่คนนี้
จะสามารถทำเพื่อเจ้าหญิงของพี่ได้

รับรองเลยว่าพี่จะไม่ลังเลที่จะทำ จะปฏิบัติ

- - -

พี่ยินดีจะรับฟัง
เพราะอย่างน้อยการที่น้องได้ระบายให้พี่ฟัง

พี่ก็ภูมิใจที่ได้เป็นผู้รับรู้ปัญหา
แม้ไม่รู้หรอกว่าจะช่วยอะไรได้บ้างมั้ย


แต่ก็จะช่วยให้สุดความสามารถที่พี่คนนี้มีเลย

และอีกสิ่งที่มีให้คือกำลังใจ
และรอยยิ้ม

เพราะ
พี่จะเป็นที่ว่างให้เจ้าหญิงของพี่ได้นั่งลงพักผ่อน

ก่อนที่เจ้าหญิงของพี่จะไปสู้กับปัญหา
นั้นอีกครั้ง ด้วยกำลังใจที่เข้มแข็ง


พี่จะกุมมือน้องไว้เสมอ
นะ จะอยู่เคียงข้างเผชิญในทุกๆ
ปัญหาไปด้วยกัน





รักเจ้าหญิงของพี่ตราบชั่วฟ้าดินสลาย



<.นายกันชน.>





*****************************************







Free TextEditor






































































































 

Create Date : 01 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 1 พฤษภาคม 2553 10:14:12 น.
Counter : 617 Pageviews.  

จากใจของหมา.......

































จากใจ
ของหมา.......


1. ชีวิตของฉันอย่างมากก็จะสิ้นสุดเพียงแค่
10-15 ปีเท่านั้น

การต้องแยกจากเธอไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ
นับเป็นความปวดร้าวอย่างยิ่งของฉัน..



จึงโปรดสังวรให้จงหนักก่อนจะรับฉันเข้ามาในชีวิต

2.
ให้
เวลากับฉันสักหน่อยเพื่อทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่าเธอต้องการอะไรจากฉัน


3.



จงเชื่อมั่นในตัวฉัน เพราะเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับความเป็นอยู่
ของฉัน


4.



อย่าโกรธฉันให้นานนัก
และอย่าลงโทษฉันด้วยการกักขัง

เธอมีทั้งหน้าที่การงาน ความบันเทิงและมิตรสหาย
แต่
ฉันนั้น.......มีเพียงเธอ


5.



พูดกับฉันบ้าง แม้ฉันจะไม่เข้าใจคำพูด แต่ฉันก็เข้าใจเธอได้จากน้ำเสียง

6.



พึงระลึกอยู่เสมอว่า...ไม่ว่าเธอจะปฏิบัติอย่าง
ไรต่อฉัน
ฉันจะไม่มีวันลืมเลือนเลย

7.



โปรดอย่าทุบตีฉัน
เพราะแม้ฉันจะทุบตีเธอกลับไม่ได้
แต่
ฉันก็สามารถกัดหรือข่วนตะกุยเธอได้
ซึ่ง
เป็นสิ่งที่ฉันไม่อยากกระทำเลย


8.



ก่อนจะดุด่าฉันสำหรับท่าทีที่คล้ายไม่เชื่อฟัง
ดื้อดึง เกียจคร้าน

ขอจงได้ถามตัวเธอเองก่อนว่า
เกิดสิ่งผิดปกติกับตัวฉันหรือไม่

บางทีอาจจะมาจาก
เรื่องของอาหาร หรือถูกทิ้งไว้กลางแดดนานเกินไป

หรือ
หัวใจของฉันแก่ชราและอ่อนล้าเสียแล้ว


9.



ดูแลฉันเมื่อยามแก่เฒ่าด้วย
เพราะวันหนึ่งเธอก็ต้องเป็นเช่นนั้น


10.



อยู่กับฉันเมื่อช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตมาถึง
ขอ
อย่าได้พูดเป็นอันขาดว่า "ฉันทนดูไม่ได้

ขออย่าให้มันเกิดขึ้น
ต่อหน้าเลย" เพราะ

เรื่องราวทั้งหมดจะง่ายขึ้นหากเธออยู่ด้วย







ขอบคุณบทความดีดีจาก thaireaderclub.com





























Free TextEditor







































































































 

Create Date : 01 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 1 พฤษภาคม 2553 10:09:23 น.
Counter : 271 Pageviews.  

ฟื้นฟูชีวิตหลังเซ็นใบหย่า





















การร้างลามิใช่เรื่องที่ใครอยาก
ให้เกิดขึ้น


แต่ถ้าชีวิตคู่ต้องเดินทางมาหยุดตรงคำ
ว่า “หย่า” โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้
ก็ควรต้องหันมาหาวิธีเยียวยารักษาอาการ “เจ็บ”…จริงไหมคะ



ชีวิตสมรสที่ล้มเหลว
ร้อยทั้งร้อยคงไม่ได้จบแฮปปี้เอ็นดิ้งแบบการ์ตูนดิสนีย์
แต่น่าจะจบแบบโศกนาฏกรรมสุดรันทดเสียมากกว่า ไหนจะเรื่องเอกสารเซ็นใบหย่า
แบ่งสมบัติ เรียกค่าเลี้ยงดู ใครจะรับผิดชอบเรื่องลูก
แถมยังต้องจัดระบบการเงินใหม่
ทั้งที่ใจอยากจะนอนทอดอาลัยตายอยากสูบบุหรี่ปุ๋ยมองเพดานอยู่อย่างนั้น
ไม่อยากกินข้าวกินปลาหรือลุกขึ้นมาทำอะไรต่อมิอะไรอย่างที่มนุษย์มนาเขาทำ
กัน

























แทนที่จะมัวจ่อมจมอยู่กับวังวนแห่งความเศร้าหรือโกรธแค้น
ลุกขึ้นมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้สดใสกว่าเก่า ดีกว่าไหมคะ


ลุกขึ้นมาจากเตียง

ก่อนอื่นพยายามแข็งขืนฝืนใจลุกขึ้นมาจากเตียงให้ได้เสียก่อน
อย่ามัวแต่ปล่อยตัวหัวหูกระเซอะกระเซิงเป็นผีบ้า หา
ความเจริญหูเจริญตามิได้
ลุกขึ้นมาเตรียมตัวรับสถานการณ์อีกหลายอย่างที่จะประดังประเดมาจากการหย่า

อย่ามัวอุดอู้อยู่ในห้องขณะที่อีกฝ่ายอาจกำลังเดินเรื่องในชั้นศาล
หรืออาจกำลังจัดการกับบัญชีร่วมในธนาคารอยู่ก็ได้



บาล๊านซ์ตัวเองให้ดี


อย่าเอาใจไปมุ่งจดจ่ออยู่เฉพาะ
เรื่องใดเรื่องหนึ่งเท่านั้น
เช่น ความเสียอกเสียใจ อาชีพการงาน
ลูกๆ หรือการออกเดทกับหนุ่มรายใหม่ แทนที่จะวิ่งออกไปไขว่คว้าเรื่องนอกตัว
สู้หันมาเสริมสร้างอารมณ์ความรู้สึก “ภายใน” ให้ดีขึ้นมิดีกว่าหรือ
ต้องยอมรับว่านี่คือเวลาที่เราจำเป็นต้องเห็นแก่ตัว
และเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เรื่องอื่นๆค่อยว่ากันทีหลัง



เพื่อนก็สำคัญ


ตอน
ช่วงแต่งงานหวานแหววแต๋วจ๋ากับสามี ก็หายหัว ไม่ค่อยออกจากกรงทอง
มาพบหน้าค่าตาเพื่อนฝูงบ้างเลย ครั้นถึงคราวอับจนสูญเสียผัวรัก
จะหวนกลับมาเพื่อนก็เซย์กู้ดบายไปหมดแล้ว ไม่เป็นไร ยอม
รับว่าตัวเองผิดซะ แล้วเดินหน้ารื้อฟื้นความสัมพันธ์กับเพื่อนเสียใหม่
อย่ากลัวว่าเพื่อนจะไม่ต้อนรับ เพื่อนแท้ไม่ทิ้งกันหรอกน่า
อาจจะงอน
บ้างนิดๆหน่อยๆ ไปง้อเดี๋ยวก็หาย
ไม้เด็ดคือชวนเพื่อนฝูงออกไปทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น
เล่นกีฬาหรือเดินช้อปปิ้ง เดี๋ยวก็ซี้กันเหมือนเดิมแล้ว



ให้รางวัลตัวเองบ้าง


ในช่วงเวลาสุดแสนรันทดเช่นนี้ เราต้องตื่นขึ้นมาทุกเช้า
แล้วสร้างพลังใจเพื่อฝ่าฟันโลกภายนอกทุกวัน
เหนื่อยขนาดนี้ต้องไม่ลืมให้รางวัลตัวเองบ้าง
ลองหาเวลาว่างให้ตัวเองได้ผ่อนคลาย เช่น ไปนวดหน้านวดตัว ลาพักร้อน
อ่านหนังสือดีๆสักเล่ม หรือออกไปขี่จักรยานไกลๆก็สดชื่นดีเหมือนกันนะ



เขียน…เขียน…เขียน

ผู้หญิงบางคนอารมณ์หดหู่ตกต่ำถึงขีดสุด
ทำใจยอมรับความเจ็บปวดไม่ไหว นอนไม่หลับตาค้างอยู่ค่อนคืน
ถึงขนาดต้องอาศัยยานอนหลับเข้าช่วย ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อร่างกายเลย
ถ้านอนไม่หลับจริงๆ ลองลุกขึ้นมาเขียนระบายความรู้สึกลงกระดาษดีไหม
เขียนๆๆๆเข้าไป ดีไม่ดีพิมพ์ออกมาขายเป็นเล่มได้ด้วย
มีผู้หญิงหลายรายเอาความเจ็บปวดของตัวเองออกมาเขียนเป็นหนังสือรวยไม่รู้
เรื่องมาเยอะแล้ว


ทำใจให้อภัยเพื่อตัวเราเอง

ผลการ
วิจัยรายงานว่า
การให้อภัยเป็นปัจจัยที่ช่วยลดความดันโลหิตและบรรเทาอาการเครียดวิตกกังวล
ได้ชะงัดนัก การหย่าอาจทำให้เราโมโหโกรธาจนแทบอยากแล่นไปฉีกอกให้หายแค้น
แต่โปรดจำไว้ว่าการใช้พลังงานทั้งหมดทุ่มเทไปกับอารมณ์รุนแรงในแง่ลบเช่นนี้
ไม่เป็นผลดีกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่เลย
พยายามทำใจให้ผ่านพ้นช่วงเวลานี้ให้ได้ เพื่อชีวิตที่ดีกว่าในวันข้างหน้า



แบ่งแยกอารมณ์ให้ถูก


ตามปกติในช่วงสองสามเดือนหลังจากหย่า
แม่ม่ายอย่างเรามักจะเหี่ยวเฉา
แม้แต่เห็นการ์ดเชิญไปร่วมงานแต่งงานก็ยังรู้สึกชีช้ำ จนแทบอยากฉีกทิ้ง
เพราะไม่อยากเห็นคนอื่นมีความสุขในขณะที่เราทุกข์แสนสาหัส
ควรรแบ่งแยกให้ถูกระหว่าง
ความเจ็บช้ำจากรักครั้งเก่ากับมุมมองที่มีต่อความรักโดยรวม
อย่าพาลมองความรักหรือการรแต่งงานเป็นเรื่องเลวร้ายจนปิดใจไม่ยอมเปิดรับ
สิ่งใหม่ๆเข้ามาในชีวิต ควรแบ่งแยกให้ถูก
เมื่อสบายใจแล้วเราจะสามารถมองการแต่งงานที่ผ่านมาได้ทะลุปรุโปร่ง
รู้ว่าอะไรคือปัญหาอะไรคือสาเหตุ
จะได้หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดขึ้นอีกกับชายหนุ่มรายต่อไป



เดทด้วยความระมัดระวัง

สาวบางรายโดดเข้าร่วมวงเดทชนิดสายฟ้าแลบ
เพียงเพื่อต้องการใครสักคนมาเยียวยารักษาแผลใจ
ซึ่งผู้หญิงที่แต่งงานครั้งที่สองเร็วเกินไปมักหย่าร้างเร็วด้วยเช่นกัน
เรียกว่าก้นหม้อข้าวไม่ทันดำว่างั้นเถอะ
การรีบร้อนหาคนมาดามอกไม่เป็นผลดีอย่างยิ่ง นอกจาก
ไม่ทันได้เรียนรู้กันและกันอย่างถ่องแท้แล้ว
ยังอาจสูญเสียความมั่นใจยิ่งกว่าครั้งแรก
ไม่เห็น
ต้องรีบร้อนเลยนี่นา ค่อยดูค่อยๆเดทก็ได้
ใช้เวลาสนุกสนานเอนจอยกับชีวิตไปเรื่อยๆดีกว่า

ไม่ต้องกลัวว่าตัวเองจะตกพุ่มม่ายไปตลอดชีวิต
ถึงเวลาพร้อมเมื่อไรความรู้สึกในใจจะบอกเราเองนั่นแหละ












ขอบคุณข้อมูลข่าวดีๆจาก







Free TextEditor







































































































 

Create Date : 01 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 1 พฤษภาคม 2553 9:51:27 น.
Counter : 297 Pageviews.  

ผมรักผู้หญิงสามคน











ไม่ผิดใช่ไหมที่จะรักใครได้พร้อมกัน

ผม
เป็นผู้ชายที่หลงรักผู้หญิง พร้อมกันสามคนครับ

รักมาก . รักจนไม่รู้ว่า
ผมรักใครมากกว่าใคร ...

รู้แต่ว่า . ผม ... ไม่สามารถเลือกใคร
เพียง
คนหนึ่งคนเดียวได้ .
ไม่สามารถขาดใครคนหนึ่งคนใดได้


 ผู้หญิงคนแรก

เป็นคนที่คอยดูแล เอาใจใส่
ห่วงใย
ผมเสมอ
  ผมรู้ว่าเธอรักผม
มากกว่าชีวิตของเธอเสียอีก
  หลายปี
มาแล้ว ที่เธอทำงานหนักเพื่อผม
ทำงานหนักยิ่งกว่าคนรับใช้ผมเสียอีก
แม้
บางครั้งเธอดูจะจู้จี้ขี้บ่นไปบ้าง .
แต่ทั้งหมดทั้งสิ้น
ผมรู้สึก
ได้ด้วยหัวใจว่า .
ผมเป็นคนที่เธอรักที่สุดในโลก
  ถึงแม้ว่าในนาที
นี้
เราจะอยู่ห่างไกลกันบ้าง ..
  แต่เธอ .
ยังอยู่ในหัวใจของผมเสมอ
ผมยังจำอ้อมกอดอันอบอุ่นของเธอ
  สายตาอัน
อ่อนโยน . หัวใจที่พร้อมจะร้องไห้
เมื่อเวลาที่ผมเจ็บปวด

ผู้หญิงคนที่สอง
เป็นคนที่ผมใกล้ชิดที่สุดคนนึง
  ใน
วันนี้ . เธอเป็นกำลังใจให้ผมต่อสู้
เป็นที่ปรึกษา
เวลาที่ผมมีปัญหา      
เป็นคนที่ผมยอมที่จะแสดงความอ่อนแอออกมาให้
เห็น..    
เธอเป็นคนแรกที่จะยื่นมือมาดึงให้ผมลุกขึ้นในวันที่ผมพลาด
ล้มลง..
และเมื่อผมเงยหน้ามาสบตากับเธอ .
  ผมก็จะรู้ในทันทีว่า .
ผม
จะต้องสู้ต่อไป


ผู้หญิงคนที่สาม.


ร่าเริง บริสุทธิ์
  ดวงดาอันซุกซนของเธอ
ทำให้ผมมีรอย
ยิ้มได้เสมอ
แม้ในเวลาที่แสนเหน็ดเหนื่อย    
ผมรู้สึกถึงการมีความ
สุขที่สุดในโลกเมื่อมีเธออยู่ในอ้อมกอด
  ผมชอบแอบมองเธอเวลาเธอนอนหลับ
.
  ชอบแอบสูดดมเส้นผมของเธอ กลิ่นยาสระผมจาง
  มันทำให้ผมมีความ
สุขเหลือเกิน .      
เธอเป็นคนที่ทำให้ผมรู้สึกแทบตายเมื่อเห็นเธอเจ็บ
ปวด
คำพูดเพียงคำสองคำของเธอ
สามารถทำให้โลกทั้งโลกสว่างสดใสอย่าง
ไม่น่าเชื่อ

ในความรู้สึกของผม
ผม
คงรู้สึกว่า
ผมเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลกได้ ...

ถ้าวันนึง . ผมกลับมาถึงบ้าน

แล้วพบเธอทั้งสามคน
อยู่
ในบ้านผมพร้อม  ๆ   กัน
ผมคงเป็นคนที่มี
ความสุขที่สุดในโลก
ที่ได้ยินเพียงคำพูดบางคำ

จากพวกเธอ 

" หิวไม๊ลูก"......

"เหนื่อยมั๊ยค๊ะที่รัก " ......

" หนูคิดถึงพ่อค่ะ"...







Free TextEditor







































































































 

Create Date : 01 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 1 พฤษภาคม 2553 8:47:58 น.
Counter : 312 Pageviews.  

บทความดี ๆ สำหรับคนทำงาน(ลองอ่านให้จบสิ)












บทความดี ๆ สำหรับคนทำงาน



ชนะโทรไปบริษัท
นี้เป็นหนที่สองในรอบสัปดาห์นี้

บริษัทนี้เป็นลูกค้ารายใหม่ที่เขา
กำลังติดตามเรื่องอยู่

เสียง
ของโอเปอร์เรเตอร์ซึ่งรับสายด้วยเสียงที่เป็นมิตร และอ่อนโยนกล่าวว่า

"
สวัสดีคะบริษัทเอบีซีอิงค์
ยินดีต้อนรับคะ "

คุณชนะกล่าวว่า " ผมขอเรียนสายกับคุณสมจิต ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์หน่อยครับ
"

โอเปอร์เรเตอร์กล่าวทักขึ้นมาว่า
"
นั่นคุณชนะใช่ไหมคะ"
ชนะรู้สึกแปลกใจความสามารถใน
การจดจำเสียงของพนักงานคนนี้ได้

เขากล่าวตอบด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความประทับใจ
" ใช่แล้วครับ ขอบคุณที่จำได้ครับ
" เธอกล่าวว่า

"
ยินดีคะ ดิฉันจะโอนสายให้นะคะ "
หลังจากที่ชนะสนทนาเรื่องงานกับสม
จิตจบ

ชนะจึงถามสมจิตขึ้นมาว่า " คุณ
พนักงานรับโทรศัพท์ของคุณหน่อยครับ
เธอเก่งจริงๆเลยที่จำเสียงผมได้
เป็นการให้บริการที่เกินความคาดหวังของผมจริงๆ
เลยครับ

ผมเองไม่ได้เป็นลูกค้าประจำ
และก็ไม่ได้โทรมาบ่อยๆ

ขนาดที่เธอจะจำเสียงผมได้ด้วย
เธอมีเคล็ดลับอะไรครับ "

สมจิตพูดว่า " เธอชื่อเรณูคะ เธอได้รับคำชมอย่างนี้บ่อยๆ
หากคุณฟังเรื่องของเธอมากขึ้นกว่า
นี้คุณจะยิ่งประทับใจ

สนใจฟังไหมละคะ" ชนะรีบกล่าวตอบด้วยความกระตือรือร้นว่า
" สนใจสิครับ ช่วยกรุณาเล่าให้ฟังหน่อยครับ "
สมจิตเริ่มต้นเล่าอย่าง
อารมณ์ดี "
คุณเรณูเธอตาบอดคะ
เธอจึงต้องอาศัยการฟังเพียงอย่างเดียว
ทำให้เธอสามารถจดจำชื่อคนได้ดี
เธออาศัยอยู่ที่สมุทรปราการและมาทำงานที่ออฟฟิศ
นี่

ซึ่งอยู่แถวดอนเมือง ซึ่งถือว่าไกลมากโดยเฉพาะสำหรับเธอ
ซึ่งต้องเดินทางโดยรถเมล์เหมือนคนปกติ
ส่วนใหญ่ก็จะมีคนตาดีอย่างพวกเรา
ที่คอยช่วยดูสายรถเมล์

และส่งเธอขึ้นรถให้ เธอไม่เคยมาสายเลย
และก็ไม่เคยเรียกร้องขอรถรับส่งแต่
อย่างใด

ไม่เหมือนพนักงานปกติของพวกเราหลาย
คน

ตอนที่เราย้ายสำนักงานจากในเมือง ต้องขอรถรับส่งให้ด้วย
แถมหลายๆคนที่มีรถส่วนตัวก็ยังมาทำงานสาย
พร้อมกับเหตุผลสารพัด
คิดแล้วอายแทนคนตาดีเลยคะ "

เธอหยุดเว้นจังหวะสักครู่ก่อนจะ
เล่าต่อว่า

" คุณเรณูมีทัศนคติที่ดีมากๆกับงานของเธอ
เธอเคยเล่าให้ดิฉันฟังว่าสำหรับเธอแล้ว
การรับโทรศัพท์ไม่ใช่งานแต่มันคือชีวิต
เงินเดือนที่บริษัทให้กับเธอ ทำให้เธอสามารถเลี้ยงตัวเอง
และครอบครัวได้อย่างดี นอกจากนี้เธอยังมีเงินเหลือกว่า
ครึ่งสะสมไว้อีก

ที่จริงแล้วเพื่อนคนตาดีหลายคนเคย
หยิบยืมจากเธอในยามฉุกเฉิน

คุณเรณูกล่าวว่าบริษัทเรา
เพื่อนร่วมงาน ลูกค้า และสังคมมอบโอกาส

ให้เธอได้พิสูจน์ว่าเธอมีคุณค่าและสามารถมีส่วนร่วมสร้างสรรค์
ประโยชน์

ให้กับสังคมได้
เธอบอกว่าเธอพยายามทำงานของเธออย่างสุดความสามารถ

ซึ่งรวมทั้งพยายามจำชื่อของผู้ที่โทรเข้ามาด้วย
เธอบอกว่าทุกคืนก่อนเข้านอน เธออยากรีบนอนไวๆ
เพื่อจะได้รีบตื่นขึ้นมาทำงาน
เธออดใจรอจะมาทำงานไม่ไหว

แหมอย่าหาว่าดิฉันบ่นเลยคะ
แต่พวกตาดีๆอย่างพวกเรากลับภาวนา

ให้ถึงวันหยุดเร็วๆเสียนี่กระไร" สมจิตจบเรื่องด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ
อย่างคนอารมณ์ดี
เมื่อชนะมาเล่าเรื่องนี้ให้กับผม
ฟังในรถระหว่างที่เราเดินทางไปพบลูกค้าที่นวนคร

ผมจึงเสริมความเห็นของผมไปว่า "
เราน่าจะเล่าเรื่องนี้ให้คนที่มาเข้าอบรม

กับเราฟังบ้างนะ
บ่อยครั้งเรามักจะได้ยินคนบ่นว่างานหนัก

หรือไม่ก็ปัญหาเรื่องงานมีมาก
สิ่งที่คุณเรณูมีแตกต่างกับเรา

ไม่ใช่ว่าเธอตาบอดหรอกครับ
ความจริงพวกเราต่างหากที่บอด

เราทัศนคติบอดไงละ เราได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆมากมาย
จากนายจ้างจนเคยชินกระทั่งมองไม่เห็นคุณค่าของสิ่งเหล่านั้น
ยิ่งนานวันเรายิ่งเรียกร้องมากขึ้น
โดยเฉพาะช่วงปลายปีแบบนี้

ในขณะที่คุณเรณูกลับมองแตกต่างกับ
เราอย่างสิ้นเชิง

บางคนเบื่องานจนอยากลาออกไปอยู่กับ
บ้านเฉยๆ

มัน ทำให้ผมนึกถึงคำพูดของ Dr. Denis Waitley
ผู้แต่งหนังสือขายดีชื่อ 'The psychology of winning'
เขายกรายงานวิจัยในอเมริกาที่
บอกว่าผู้เกษียณอายุออกจากงานไป

โดยไม่มีภารกิจอะไรทำมีอายุเฉลี่ย
เพียงแค่เจ็ดปีเท่านั้น

พวกเขาตายเพราะความรู้สึกด้อยคุณ
ค่า

หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่าเฉาตายนั่น
เองครับ

เราบางคนมีโอกาสได้ทำงานในสิ่งที่
ตนเองรัก

ในขณะที่คนจำนวนมากไม่มีโอกาสอย่าง
นั้น

อย่างไรก็ตามเรามีสิทธิที่จะ
เปลี่ยนมุมมองโดยหันมารัก

และหลงใหลในสิ่งที่เราทำได้
โดยไม่ต้องรอให้ตาบอดแบบคุณเรณูก็ได้ "








Free TextEditor







































































































 

Create Date : 01 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 1 พฤษภาคม 2553 8:45:37 น.
Counter : 300 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.