ดาวพฤหัสบดี (Jupiter)





ภาพดาวพฤหัสบดี



           
ดาวพฤหัสบดีเป็นเทห์วัตถุที่มีความสว่างมากเป็นอันดับที่ 4 ของท้องฟ้า
(รองจาก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และ ดาวศุกร์ 
แต่บางครั้งดาวอังคารอาจสว่างกว่า)
และเป็นที่รู้จักกันมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ 
ด้วยการค้นพบดวงจันทร์บริวารทั้งสี่ของกาลิเลโอ อันได้แก่  ไอโอ, ยูโรปา,
แกนีมีด และ คัลลิสโต  ดวงจันทร์ทั้งสี่ดวงจึงได้ชื่อว่าเป็น
“ดวงจันทร์กาลิเลียน” 

           
ดาวพฤหัสบดีถูกเยี่ยมเยือนเป็นครั้งแรกโดย ยานไพโอเนียร์ 10 ในปี พ.ศ. 2516
ติดตามด้วย ไพโอเนียร์ 11, วอยเอเจอร์ 1, วอยเอเจอร์ 2, ยูลิซิส
และล่าสุดคือ ยานกาลิเลโอ 

           
ดาวพฤหัสบดีเป็นดาวเคราะห์ก๊าซ  โดยที่ไม่มีพื้นผิวเป็นของแข็ง
แต่เต็มไปด้วยก๊าซซึ่งมีความหนาแน่นสูงกดทับกันลึกลงไป 
เมื่อเรามองดูดาวเคราะห์เหล่านี้สิ่งที่เรามองเห็นคือ
บรรยากาศชั้นยอดเมฆ(ซึ่งมีความหนาแน่นเบาบางกว่า 1 หน่วยบรรยากาศ) 

           
ชั้นบรรยากาศของดาวพฤหัสบดีประกอบด้วยไฮโดรเจน 90% และ ฮีเลียม10%
ซึ่งปะปนด้วยมีเทน น้ำ และแอมโมเนีย เพียงเล็กน้อย 
ลึกลงไปด้านล่างเป็นชั้นเมนเทิลชั้นนอกที่ประกอบไปด้วยไฮโดรเจนและฮีเลียม
เหลว
และแมนเทิลชั้นในที่ประกอบไปด้วยไฮโดรเจนที่มีสมบัติเป็นโลหะและแกนกลางที่
เป็นหินแข็งมีขนาดเป็น 2 เท่าของโลก

จุด
แดงใหญ่

            เป็นที่รู้จักมานานกว่า 300 ปี
จุดแดงใหญ่มีรูปวงรี แผ่ออกไปเป็นบริเวณกว้างถึง 25,000 กิโลเมตร
ใหญ่พอที่จะบรรจุโลกได้ 2 ใบ  
จุดแดงใหญ่นี้เป็นพายุที่เกิดขึ้นในชั้นบรรยากาศของดาวพฤหัสบดี
ซึ่งมีอายุมากกว่า 300 ปี และยังไม่ทราบว่าพายุนี้จะจางหายไปเมื่อไร 

วง
แหวนของดาวพฤหัสบดี
            จากการสำรวจของยานวอยเอเจอร์ 1
ทำให้เราทราบว่าดาวพฤหัสบดีมีวงแหวนเช่นเดียวกับดาวเสาร์
แต่มีขนาดเล็กและบางกว่ามาก  
ประกอบไปด้วยเศษหินและฝุ่นที่มีขนาดเล็กและไม่มีน้ำแข็งเป็นองค์ประกอบ
จึงทำให้มันไม่สว่างมากนัก(หินและฝุ่นสะท้อนแสงอาทิตย์ได้ไม่ดีเท่ากับน้ำ
แข็ง)

ดวงจันทร์บริวารหลัก
ของดาวพฤหัสบดี

           
ปัจจุบันพบว่าดาวพฤหัสมีดวงจันทร์อยู่อย่างน้อย 63 ดวง  แต่มีเพียง 4
ดวงที่เป็นดวงจันทร์ขนาดใหญ่และมีรูปร่างเป็นทรงกลม ได้แก่  ไอโอ ยุโรปา
แกนีมีดและคัลลิสโต  ดวงจันทร์ไอโอและยุโรปาเป็นดวงจันทร์ที่มีอายุน้อยและ
มีหลุม อุกกาบาตอยู่ไม่มากนัก 
โดยเฉพาะดวงจันทร์ไอโอที่ยังมีการครุกรุ่นของภูเขาไฟอยู่ที่พื้นผิว  ส่วน
ดวงจันทร์แกนีมีดและคัลลิสโตนั้นเป็นดวงจันทร์ที่มีขนาดใหญ่และมีอายุ
มากกว่ามีพื้นผิวที่เต็มไปด้วยหลุมอุกกาบาตอยู่มากมาย






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 28 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 28 พฤษภาคม 2553 15:25:07 น.
Counter : 1005 Pageviews.  

ดื่มน้ำเย็นๆ หลังอาหาร ไม่ดีแน่



           
หลายคนๆเคยชินกับการดื่มเครื่องดื่มเย็นๆหลังจากรับประทานอาหาร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของชาเพราะเชื่อกันว่า
สามารถขจัดไขมันและแก้เลี่ยนดื่มลงไปแล้วย่อมชุ่มฉ่ำใจแน่นอน
แต่คุณเคยคิดบ้างหรือไม่ว่า หลังจากนั้นในท้องของคุณจะเกิดอะไรขึ้น!?

ลอง นึกภาพตามดูนะ!
           
ซี่โครงเนื้อในท้องของคุณ(หรือไก่ทอด
หรืออะไรก็ตาม)ล้วนเป็นอาหารที่มันย่อง
กระเพาะและลำไส้จะทำการย่อยพวกมันก็ต้องเปลืองแรงหน่อยตอนนี้เทน้ำเย็นๆลงไป
อีกถ้วยหนึ่ง...

เคย
เห็นน้ำมันหมูในตู้เย็นมั้ย!

           
คุณจินตนาการว่ากลืนไขมันที่จับตัวเป็นก้อนสีขาวเหล่านั้นลงไปในกระเพาะออก
มั้ย! เมื่อกระเพาะและลำไส้ของคุณ
เต็มไปด้วยน้ำมันที่จับตัวเป็นก้อนราวน้ำตาเทียนไขยังจะแก้เลี่ยนได้อีก
มั้ย!

            ถ้าหากแค่เพียงทำให้รู้สึกอยากจะ
อาเจียนเท่านั้นก็แล้วไปเถอะ แต่ที่สำคัญก็คือ
มันสามารถทำให้คุณเป็นมะเร็งลำไส้ได้ด้วย!

           
ไขมันที่จับตัว เหล่านี้
เมื่อเจอกับกรดในกระเพาะอาหารจะอ่อนตัวกลายเป็นสภาพกึ่งของ
แข็งและของเหลวที่เหนียวข้นจากนั้นจะไหลเข้าสู่ลำไส้ก่อนอาหารที่มีสภาพ
เป็นของแข็งชนิดอื่นดังนั้นวัตถุที่มีสภาพเป็น
น้ำก็ไม่ใช่ไขมันก็ไม่เชิงและเหนียวๆข้นๆนี้ก็จะถูกลำไส้ดูดซึมไปเป็นอันดับ
แรก

แต่ว่า
           
ลำไส้ไม่อาจดูดซึม กำจัดวัตถุประหลาดนี้ได้ทั้งหมดแล้วต่อมา
ผนังลำไส้จะเต็มไปด้วยคราบไขมันเหล่านี้
           
ก็เหมือนกับการล้างหม้อใส่น้ำแกงเนื้อในหน้าหนาวคือไม่ว่าจะล้างยังไง
ก็ยังรู้สึกมันๆลื่นและเมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าวัตถุที่ชวนอาเจียน
นี้ก็จะฝังเข้าไปในผนังลำไส้เมื่อสะสมไว้นานๆ
ก็อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาที่นำมาซึ่งโรคมะเร็งลำไส้ในที่สุด!

           
ดังนั้นรีบเปลี่ยนพฤติกรรมความเคยชินที่อาจเป็นอันตรายถึง
ชีวิตนี้โดยเร็วเถอะ! รับประทานอาหารเสร็จแล้ว อย่ารีบกรอกน้ำเย็นลงไปทาง
ที่ดีคือควรดื่มน้ำแกงร้อนๆ หรือน้ำอุ่นๆก็โอเคแล้ว

           
ขอบอกเรื่องชวนอาเจียนอีกอย่างหนึ่งถ้าเป็นมะเร็งลำไส้แล้ว
จะต้องต่อท่อเข้าไปกระเพาะถึงจะอุจจาระได้นะคุณคงไม่อยากเจอเรื่องแบบ
นี้ใช่มั้ยรีบบอกต่อคนที่คุณรักและห่วงใยอย่าให้พวกเขาต้องต่อสายท่อเลย!



ขอ ขอบคุณข้อมูลดีๆ จากเลดี้ทริปดอทคอม






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 28 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 28 พฤษภาคม 2553 14:26:56 น.
Counter : 515 Pageviews.  

ดาวยูเรนัส (Uranus)





ภาพดาวยูเรนัส



             
ยูเรนัสเป็นดาวเคราะห์ดวงแรกซึ่งถูกค้นพบในยุคใหม่โดย วิลเลี่ยม เฮอส์เชล
เมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ.2324  ยานวอยเอเจอร์ 2
เป็นยานอวกาศลำแรกที่ไปสำรวจดาวยูเรนัสในปี พ.ศ.
2529  องค์ประกอบหลักของดาวยูเรนัสเป็นหินและ น้ำแข็ง หลากหลายชนิด
มีไฮโดรเจนเพียง 15% กับฮีเลียมอีกนิดหน่อย
(ไม่เหมือนกับดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ ซึ่งมีไฮโดรเจนเป็นส่วนใหญ่)
แกนของดาวยูเรนัสและเนปจูนมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับแกนของดาวพฤหัสบดีและดาว
เสาร์คือ ห่อหุ้มด้วย โลหะไฮโดรเจนเหลว
แต่แกนของดาวยูเรนัสไม่มีแกนหินดังเช่นดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์

             
บรรยากาศของดาวยูเรนัสประกอบด้วยไฮโดรเจน 83%, ฮีเลียม 15% และมีเทน 2%  
เนื่องจากก๊าซมีเทนในบรรยากาศชั้นบนดูดกลืนแสงสีแดงและสะท้อนแสงสีน้ำเงิน 
ดาวยูเรนัสจึงปรากฏเป็นสีน้ำเงิน  
บรรยากาศของดาวยูเรนัสอาจจะมีแถบสีดังเช่นดาวพฤหัสบดี 
เช่นเดียวกับดาวแก๊สดวงอื่น แถบเมฆของดาวยูเรนัสเคลื่อนที่เร็วมาก
แต่จางมากจะเห็นได้ด้วยเทคนิคพิเศษเท่านั้น ดังเช่น ภาพจากยานวอยเอเจอร์ 2
และจากการสังเกตการณ์ด้วยกล้องโทรทรรศน์ฮับเบิล

             
ดาวเคราะห์ส่วนใหญ่มีแกนหมุนรอบตัวเองค่อนข้างจะตั้งฉากกับระนาบสุริยะ
วิถี   แต่แกนหมุนรอบตัวเองของดาวยูเรนัส กลับเกือบขนานกับสุริยะวิถี
ในช่วงที่ยานวอยเอเจอร์เดินทางไปถึงยูเรนัสกำลังหันขั้วใต้ชี้ไปยังดวง
อาทิตย์
เป็นผลให้บริเวณขั้วใต้ได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์มากกว่าบริเวณเส้น
ศูนย์สูตร อุณหภูมิบนดาวยูเรนัสจะมีลักษณะตรงกันข้ามกับดาวเคราะห์ดวงอื่น
กล่าวคือ อุณหภูมิบริเวณขั้วดาวจะสูงกว่าบริเวณเส้นศูนย์สูตรเสมอ



วงแหวน
และดวงจันทร์บริวาร

             
ดาวยูเรนัสมีวงแหวนเช่นเดียวกับดาวเคราะห์ก๊าซดวงอื่นๆ 
วงแหวนของดาวยูเรนัสมีความสว่างไม่มากนัก เช่นเดียวกับวงแหวนของดาวพฤหัสบดี
เพราะประกอบด้วยอนุภาคซึ่งมีขนาดเล็กมาก ตั้งแต่ฝุ่นผงไปจนใหญ่ถึง 10
เมตร   ดาวยูเรนัสนับเป็นดาวเคราะห์ดวงแรกที่ถูกค้นพบว่ามีวงแหวนล้อมรอบ
เช่นเดียวกับดาวเสาร์ ซึ่งเป็นการค้นพบที่สำคัญที่ทำให้เราทราบว่า
ดาวเคราะห์ก๊าซทุกดวงจะมีวงแหวนล้อมรอบอยู่มิใช่เพียงเฉพาะดาวเสาร์เท่านั้น

             
ดาวยูเรนัสมีดวงจันทร์บริวารอย่างน้อย 21 ดวง 
ซึ่งประกอบไปด้วยดวงจันทร์ขนาดใหญ่อยู่หลายดวง ได้แก่ มิรันดา แอเรียล
อัมเบรียล ไททาเนียและโอเบรอน






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 28 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 28 พฤษภาคม 2553 14:25:26 น.
Counter : 506 Pageviews.  

ทำอย่างไรเมื่อต้องขับรถนานๆ



อาการ
ปวดเมื่อยและวิธีการ บรรเทาอาการเบื้องต้น

          
ทั่วๆไปแล้วอาการปวดบ่า กระบอกตา คอ หลัง หน้าขา(สะโพก) และน่อง
เป็นอาการที่พบได้บ่อย เรามาลองดูสาเหตุและการบรรเทาอาการเหล่านี้กัน

          
เมื่อขับรถต้องใช้สายตามากไม่สามารถพักสายตาได้
ต้องเพ่งและมองไปข้างหน้าตลอด
ถ้าหากแสงแดดจ้าก็จะทำให้ตาต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันการเพ่งสายตามีผลต่อท่าทางของคอ คือคอต้องตั้งตรงนานๆ
ย่อมมีผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อคอ
ทำให้กล้ามเนื้อคอทำงานหนักและเกิดอาการล้าได้

          
การเมื่อยล้าของคอส่งผลต่อการบีบรัดเส้นประสาทโดยเฉพาะที่ฐานกะโหลกด้านหลัง
ทำให้ปวดศีรษะและกระบอกตาได้

          
วิธีการแก้ไขปัญหาปวดกระบอกตาและล้าของตาคือ
ต้องใส่แว่นปรับสายตาหากมีปัญหาเรื่องสายตาสั้นหรือยาว
จะทำให้ลดการเพ่งในขณะขับรถและหากขับรถในเวลาที่แดดจัดควรใช้แว่นกันแดด
เพื่อลดปริมาณแสงที่อาจทำให้ม่านตาทำงานหนักได้

          
ขณะที่พักรถหรือช่วงติดไฟแดงอาจใช้เวลาเล็กน้อยที่จะมองไปยังต้นไม้ที่มีสี
เขียวหรือหลับตาพักสายตาสักครู่ และหากเป็นไปได้การนวดบริเวณต้นคอและบ่า 2
ข้าง
จะสามารถลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อบริเวณนั้นส่งผลให้ความรู้สึกล้าลดลง
ได้

          
ในขณะขับรถกล้ามเนื้อบ่าจะทำงานเพื่อยกบ่าและแขนในการควบคุมพวงมาลัย
หากการจับพวงมาลัยห่างจากตัวมากจะมีผลทำให้ต้องเอื้อมมือยืดแขนไปข้างหน้า
กล้ามเนื้อบ่าและไหล่จึงทำงานมากขึ้นอีกและทำให้เกิดอาการเมื่อยล้ากล้าม
เนื้อบ่าและเกิดกล้ามเนื้ออักเสบได้ในที่สุด
ซึ่งสามารถตรวจได้โดยการคลำกล้ามเนื้อนั้นๆ จะพบลำหรือปมแข็งในกล้ามเนื้อ
เมื่อกดก็จะมีอาการเจ็บและร้าวได้

          
ดังนั้นการปรับระยะและความสูงของพวงมาลัยเป็นสิ่งที่สำคัญ
แต่ต้องเข้าใจว่าในขณะขับต้องทิ้งน้ำหนักแขนส่วนหนึ่งไว้ที่พวงมาลัย
ไม่เกร็งแขนและไหล่ตลอด
การเกร็งและยกแขนนี้อาจทำให้การควบคุมพวงมาลัยทำได้ยากกว่าที่ควรจะเป็น

          
อย่างไรก็ตามคุณสามารถลดอาการตึงและปวดเมื่อยบ่านี้ได้โดยการหมุนไหล่แบบกาย
บริหารของ เด็กๆ ที่หมุนไหล่มาข้างหน้าและย้อนกลับหลัง
โดยทำเมื่อหยุดพักหรือหากเมื่อยในขณะขับรถท่านสามารถทำการแบะไหล่ไปด้านหลัง
และแอ่นตัวมาข้างหน้าหรือทำการหมุนไหล่ข้างเดียวได้
โดยพิจารณาถึงความปลอดภัยในขณะขับขี่เป็นหลัก

          
สำหรับอาการปวดเมื่อย
หลังเกิดขึ้นได้เนื่องจากท่านั่งเป็นท่าที่หมอนรองกระดูกสันหลังมีแรงกด
มากกว่าท่าอื่นๆ แม้ว่าจะมีเบาะพนักพิงก็ตาม แต่หลังที่อยู่ในลักษณะโค้งงอ
ย่อมส่งผลต่อแรงดันในหมอนรองกระดูกสันหลัง
โดยมีแรงกดด้านหน้าหมอนรองกระดูกมากกว่าด้านหลัง
หมอนรองกระดูกจึงมีแนวโน้มที่จะปลิ้นไปทางด้านหลังและอาจเกิดปัญหาของหมอน
รองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาทได้
เอ็นและกล้ามเนื้อที่อยู่ด้านหลังจะถูกยืดมากกว่าเมื่อหลังอยู่ในท่าตรง

          
ดังนั้น สิ่งที่ควรทำเมื่อพักรถคือ ค่อยๆ ลงจากรถ
ไม่ลุกแบบพรวดพราดและก่อนจะลุกขึ้นควรทำการยืดตัวและแอ่นหลังประมาณ 3-4
ครั้งก่อน แล้วค่อยลุกขึ้น
และเมื่อลุกขึ้นแล้วควรทำการยืดหลังและแอ่นหลังในขณะท่ายืนอีก 10 ครั้ง
แล้วถึงจะทำการก้มหลังหรือใช้งานหลังได้ตามปกติ
เหตุที่ให้ทำเช่นนี้เพราะว่าเอ็นที่อยู่ด้านหลังเมื่อนั่งนานๆ จะล้า
ขาดความยืดหยุ่นตัวและถ้าก้มบิดตัวหรือใช้งานหลังหนักๆ(เช่น การยกของหนัก)
การก้มขณะที่จะลุกจากรถ
อาจมีผลต่อการเคลื่อนหรือปลิ้นตัวของหมอนรองกระดูกสันหลังได้

          
หากเกิดอาการปวดเมื่อยล้าหลังขณะขับรถคุณสามารถนำหมอนเล็กๆ
สอดไว้ที่หลังส่วนล่างระหว่างเบาะกับหลังของคุณเพื่อให้หมอนเป็นตัวดันให้
หลังแอ่นตัวเล็กน้อย แต่ไม่ควรนั่งพิงหมอนนั้นตลอด
เพราะจะเกิดความล้าต่อหลังได้เช่นกัน

          
การขับรถเกียร์อัตโนมัติ
ความเมื่อยล้ากล้ามเนื้อหน้าขาและน่องเกิดได้จากการที่ต้องขยับขาเพื่อการ
เหยียบเบรกและคันเร่ง

          
ขณะที่ถ้าขับรถเกียร์ธรรมดาจะมีอาการเมื่อยล้าขาซ้ายเพิ่มขึ้นเนื่องจากการ
เหยียบคลัตช์

          
การแก้ไขหรือลดอาการปวดขณะขับรถสามารถทำได้โดยการหมุนข้อเท้าจิกปลายเท้า
กระดกปลายเท้าขึ้น เหยียดปลายเท้าลงให้สุด
โดยสามารถทำกับเท้าข้างซ้ายข้างเดียวในขณะขับรถและหากเมื่อหยุดพักแล้วคุณ
สามารถทำการหมุนหรือดัดต่อเท้าข้างขวา รวมทั้งทำการยืดกล้ามเนื้อหน้าขาได้
การยืดกล้ามเนื้อหน้าขาทำได้โดยยืนแล้วพับเข่าไปด้านหลังโดยเอามือช่วยจับ
เข่างอเข้ามายังก้น

          
อย่างไรก็ตามการขยับเขยื้อนออกกำลังกายแบบนี้เป็นการบรรเทาอาการเท่านั้น
และหากทำขณะขับรถให้คำนึงถึงความปลอดภัยในการขับขี่เป็นหลักด้วย





           สิ่งที่จะต้องทำที่สุดคือ
การหยุดพักบ่อยๆ เพื่อเปลี่ยนอิริยาบถ
ล้างหน้าล้างตาและทำการออกกำลังกายตามที่ได้กล่าวมา
หรือทำการบิดขี้เกียจก็ได้ในลักษณะเหมือนการบิดขี้เกียจตอนเช้าก่อนลุกขึ้น
มาอาบน้ำและเมื่อถึงที่หมายแล้ว ควรทำการนอนยกขาสูง
โดยการนอนราบกับพื้นแล้วทำการยกขาแบบงอเข่าเล็กน้อยพาดกับเก้าอี้หรือโซฟา
เพื่อให้เลือดไหลและน้ำเหลืองไหลกลับได้ง่ายขึ้น
และทำให้หลังได้พักตัวลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อหลังได้






ขณะที่นอนนั้นคุณอาจใช้ผ้าเย็นประคบที่บ่าหรือคอเพื่อช่วยลดอาการตึงบริเวณ
ฐานคอได้อีกด้วย







Free TextEditor







































































































 

Create Date : 28 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 28 พฤษภาคม 2553 14:22:18 น.
Counter : 831 Pageviews.  

ดาวอังคาร (Mars)




ภาพดาวอังคาร



           
ดาวอังคารเป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นอันดับที่ 4
ในบรรดาดาวเคราะห์ทั้งหมด   ดาวอังคารมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.5
เท่าของโลก  ดาวอังคารมีโครงสร้างภายในประกอบด้วยแกนกลางที่เป็นของแข็ง
มีรัศมีประมาณ 1,700 กิโลเมตร ห่อหุ้มด้วยชั้นแมนเทิลที่เป็นหินเหลวหนืด
หนาประมาณ 1,600 กิโลเมตร และมีเปลือกแข็งเช่นเดียวกับโลก

           
เราสังเกตเห็นดาวอังคารเป็นสีแดง
เพราะมีพื้นผิวที่ประกอบไปด้วยออกไซด์ของเหล็กหรือสนิมเหล็กนั่นเอง  
พื้นผิวดาวอังคารเต็มไปด้วยหุบเหวต่างๆ มากมาย  มีหุบเหวขนาดใหญ่ชื่อ
หุบเหวมาริเนอริส มีความยาวถึง 4,000 กิโลเมตร กว้าง 600 กิโลเมตร และลึก  8
กิโลเมตร   นอกจากนี้ดาวอังคารยังมีภูเขาไฟที่สูงที่สุดในระบบสุริยะชื่อ
ภูเขาไฟโอลิมปัส ที่มีความสูงถึง 25 กิโลเมตร และมีฐานที่แผ่ออกไปเป็นรัศมี
300 กิโลเมตร

           
ดาวอังคารมีบรรยากาศที่เบาบางมากประกอบไปด้วยคาร์บอนไดออกไซด์เป็นส่วนใหญ่ 
ก๊าซเหล่านี้เกิดจากการระเหิดของน้ำแข็งแห้ง(คาร์บอนไดออกไซด์แข็ง)
ที่ปกคลุมอยู่ทั่วไปบนพื้นผิวดาวอังคาร
โดยเฉพาะที่บริเวณขั้วเหนือและขั้วใต้ของดาวมีน้ำแข็งปกคลุมอยู่ตลอดเวลา

           
ดาวอังคารเป็นดาวเคราะห์ที่เป็นที่ชื่นชอบของผู้แต่งนิยายวิทยาศาสตร์
ตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมา
เมื่อเริ่มมีการสังเกตดาวอังคารผ่านกล้องโทรทรรศน์และพบรูปร่างพื้นผิวที่
คล้ายกับคลองส่งน้ำของมนุษย์ดาวอังคาร(ถ้ามีสิ่งมีชีวิตอยู่จริงบนดาว
อังคาร)  แต่หลังจากที่องค์การนาซาได้ส่งยานไปสำรวจดาวอังคารอย่างต่อเนื่อง
ทำให้เราทราบว่าลักษณะดังเกล่าวเป็นเพียงร่องรอยที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ

           
อย่างไรก็ตามจากการสำรวจพื้นผิวดาวอังคารโดยยานไวกิงออร์บิเตอร์ 1 
ในปีพ.ศ. 2519 และจากยานมาร์สโกลบอลเซอร์เวเยอร์
พบร่องน้ำเก่าหรือร่องรอยของท้องแม่น้ำที่เหือดแห้งไปหมดแล้ว 
นักวิทยาศาสตร์ตั้งสมมติฐานว่า ถ้าเคยมีสิ่งมีชิวิตอยู่บนดาวอังคารมาก่อน
ก็น่าจะพบซากหรือฟอสซิลของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นใต้ท้องน้ำหรือภายใต้น้ำแข็ง
ที่ขั้วทั้งสองของดาวอังคาร  
การพิสูจน์หาความจริงดังกล่าวเป็นภารกิจของโครงการสำรวจดาวอังคาร
มาร์สโรเวอร์และมาร์สเอ็กเพรส ที่ถูกส่งขึ้นไปเมื่อกลางปี พ.ศ. 2546 นี้

           
ดาวอังคารมีบริวารขนาดเล็ก 2 ดวง มีชื่อว่า โฟบัส และดีมอส  
ดวงจันทร์ทั้งสองดวงมีรูปร่างไม่สมมาตรและมีขนาดเล็กกว่า 25 กิโลเมตร
นักดาราศาสตร์จึงสันนิษฐานว่า
อาจเป็นวัตถุในแถบดาวเคราะห์น้อยที่ถูกแรงโน้มถ่วงของดาวอังคาร
ดึงดูดให้โคจรรอบ







Free TextEditor







































































































 

Create Date : 28 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 28 พฤษภาคม 2553 14:20:45 น.
Counter : 514 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.