เผยสาเหตุคนขับรถยนต์ไม่เก่ง มีหน่วยพันธุกรรมผิดปกติ
















































เผยข้อมูลใหม่อาจช่วยให้คนขับรถไม่เก่งพอมีกำลังใจ
และกล่าวโทษบรรพบุรุษได้ว่าเป็นตัวการของอาการขับรถไม่เก่ง
เพราะพันธุกรรมไม่ดี

สตีเฟน เครเมอร์
นักประสาทวิทยา ประจำมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเออร์วิน
ประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่า
ในร่างกายของคนที่ขับรถไม่เก่งและจดจำทักษะต่างๆ ในการขับรถไม่ค่อยได้
จะมียีนหรือพันธุกรรมชนิดหนึ่ง ซึ่งสกัด
กั้นไม่ให้โปรตีน "Brain-derived neurotrophic factor" หรือ "บีดีเอ็นเอฟ"
ทำงาน
โดยตามปกติโปรตีนตัวนี้จะช่วยให้เซลล์สมองของมนุษย์มีความจำและมีปฏิกิริยา
ตอบสนองกับสิ่งรอบๆ ตัวดีขึ้น


สมมติฐานของ
เครเมอร์ได้จากการทดลองแบ่งอาสาสมัครออกเป็น 2 กลุ่ม รวม 29 คน ในจำนวนนี้
22 คนไม่มียีนเจ้าปัญหาดังกล่าว ส่วนอีก 7
คนมี จากนั้นให้แต่ละคนฝึกขับรถในระบบฝึกหัดขับรถเสมือน
หรือระบบซิมูเลเตอร์ 15 รอบ

แต่ละรอบจะมีอุปสรรครอการแก้ปัญหาต่างๆ กันไป
เพื่อให้คนขับเรียนรู้วิธีขับขี่อย่างปลอดภัย
เมื่อการขับซิมูเลเตอร์เสร็จสิ้นจึงบันทึกข้อมูลเก็บไว้
และให้อาสาสมัครกลุ่มเดิมมาขับอีกครั้ง 4 วันต่อมา

ผลพบว่า อาสาสมัครกลุ่ม 7
คนที่มียีนขับรถไม่เก่ง ทำคะแนนการขับขี่แย่กว่าอีกกลุ่มถึง 20 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนั้น เมื่อทดลองซ้ำอีกครั้งยังได้ผลลัพธ์ออกมาเช่นเดิม
การวิจัยครั้งนี้แม้มีผู้ร่วมทดลองน้อย
แต่ก็ช่วยบ่งชี้ความผิดปกติบางอย่างที่ถ่ายทอดผ่านทางกรรมพันธุ์จากคนรุ่น
พ่อแม่ปู่ย่าตายายมาถึงคนรุ่นหลัง

อย่าง
ไรก็ตาม

ทีมวิจัยของเครเมอร์ชี้ว่าการมียีนดังกล่าวไม่ใช่สิ่งเลวร้ายเสมอไป
เพราะผลการศึกษาอีกหลายๆ ชิ้นพบว่า ผู้ป่วย
โรคพาร์กินสันและโรคปลอกหุ้มเส้นประสาทอักเสบ

ซึ่งล้วนแต่มีความผิดปกติของยีนประเภทเดียวกันนี้
จะมีอาการทางจิตที่ดีกว่าคนที่ปราศจากยีนตัวเดียวกัน


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์
ข่าวสด






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 29 พฤษภาคม 2553 22:02:27 น.
Counter : 533 Pageviews.  

เพลงสมัยเด็กๆ ที่ชอบร้อง



































- รำ ระบำชาวเกาะ ไพเราะเสนาะจับใจ เสียงน้ำหลั่งไหลๆๆ
กระเทาะหาดทรายดังครืนๆๆๆ



- ก๊าบ ก๊าบ ก๊าบ เป็ดอาบน้ำในคลอง
ตาก็จ้องแลมองเพราะในคลองมีหอยปูปลา



- โอ้ทะเลแสนงาม ฟ้าสีครามสดใส
มองเห็น
เรือใบ แล่นอยู่ในทะเล
หาดทรายงามเห็นปู ดูดูซิดูหมู่ปลา
กุ้งหอยนานา
ว่ายไปมาในทะเล



-
กำมือขึ้นแล้วหมุน ๆ ชูมือขึ้นโบกไปมา
กำมือขึ้นแล้วหมุน ๆ
ชูมือขึ้นโบกไปมา
กางแขนขึ้นและลง พับแขนมือแตะไหล่
กางแขนขึ้นและลง
ชูมือตรงหมุนไปรอบตัว



- ฝนเทลงมา เทลงมา เทลงมา
ให้นาตูฮง นาตูฮง นาตูฮง
ให้
ซ้งตูเปียก ซ่งตูเปียก ซ่งตูเปียก
ให้เสื้อตูเปียก เสื้อตูเปียก
เสื้อตูเปียก
แมงตับเต่าออกลูกข้างหลัง นั่นแมงอันหยัง
อ๋อ แมงกี่นุน
แมงกี่นุน แมงกี่นุน
ใต้ต้นบักเชียบ ต้นบักเขียบ ต้นบักเขียบ



- ไก่ย่างถูกเผา ไก่ย่างถูกเผา
มันจะถูกไม้เสียบ มันจะถูกไม้เสียบ เสียบตูดซ้าย เสียบตูดขวา ร้อนจริงๆ
ร้อนจริงๆ ร้อนจริงๆ



- กิ่ง ก้าน ใบ ชะ ชะ ใบ ก้าน กิ่ง
กิ่ง ก้าน ใบ ชะ ชะ
ใบ ก้าน กิ่ง
ฝนตกลงมาปริมๆ ฝนตกลงมาปริมๆ ชะ ชะ
กิ่ง ก้าน ใบ


-------------
(-_-' )


บอกวัยได้เลยนะเนี่ยยยย


ใครมีนอกเหนือจากนี้ โพสต์ให้เพื่อนๆ
ได้ร้องกันด้วยนะจ๊ะ













ขอบคุณข้อมูล :
บอร์ดเย็นตาโฟ






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 29 พฤษภาคม 2553 21:49:54 น.
Counter : 301 Pageviews.  

"ในหลวงกับการถ่ายภาพ และ ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ "















































































การ
ถ่ายภาพเป็นศิลปะอีกสาขาหนึ่งที่
ในหลวงทรงสนพระราชหฤทัยอย่างจริงจัง พระองค์ทรงศึกษา
และทรงฝึกด้วยพระองค์เองตั้งแต่ครั้งยังทรงพระเยาว์
กล้องถ่ายภาพที่ทรงใช้ในระยะเริ่มแรกเป็นกล้องที่ไม่มีเครื่องวัดแสงในตัว
จึงต้องใช้พระราชวิจารณญาณอย่างรอบคอบ
และละเอียดถี่ถ้วน


แม้
ในปัจจุบันกล้องถ่ายภาพจะมีวิวัฒนาการขึ้นกว่าสมัยก่อนมากแล้ว
แต่พระองค์ก็มิทรงใช้
พระองค์ยังทรงใช้กล้องคู่
พระหัตถ์แบบมาตรฐาน

อย่างที่นักเลงกล้องรุ่นเก่ามือโปรทั้งหลายใช้กันอยู่



ในหลวง
ทรงเชี่ยวชาญแม้กระทั่งการล้างฟิล์ม
การอัดขยาย
ภาพทั้งภาพขาวดำและภาพสี

พระองค์ทรงมีห้องล้างฟิล์ม(
Dark Room) ด้วย
มีพระราชประสงค์ที่จะทรง
_สร้างภาพ_ ให้เป็น
ศิลปะ ด้วยเทคนิคใหม่ๆ

และรวดเร็วด้วยพระองค์เอง































จะสังเกตได้ ว่า ไม่ว่าพระองค์จะเสด็จฯ
ไปทรงเยี่ยมราษฎร ณ จังหวัดใด
ก็จะทรงมีกล้องถ่ายภาพติดพระองค์
ไปด้วยเสมอ
โปรดถ่ายภาพสถานที่ทุกแห่งเพื่อ
ทรงเก็บไว้เป็นหลักฐานประกอบงานที่ได้ทรง
ปฏิบัติ


ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์เหล่านี้
จึงมักเป็นภาพถ่ายแบบฉับพลัน
ทันเหตุการณ์
ซึ่งถ่ายได้ครั้งเดียวด้วยไหวพริบ
ไม่มีเวลาจ้องหามุมถ่าย แต่ด้วยพระปรีชาสามารถ ปวงชนชาวไทยจึงได้เห็นภาพฝีพระ
หัตถ์อันคมชัดและมีศิลปะในการจัดองค์ประกอบ
ของภาพ






























สามัคคี 4 พระหัตถ์

ทูล กระหม่อม 4 พระองค์
ทรงวางพระหัตถ์ขวาเรียงเทียบขนาดกันไว้ ทรงฉายภาพ
“_พระหัตถ์
ใหญ่พระหัตถ์เล็ก
”_ ที่ทรงวางเรียงลำดับไว้
เสมือนเป็นการทรงสมานสามัคคีระหว่าง _พี่ๆ น้องๆ_ พระหัตถ์ไหน
เป็นของทูลกระหม่อมพระองค์ใด

ขอให้ตั้งใจพิจารณา ลองทายกันดู






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 29 พฤษภาคม 2553 20:40:39 น.
Counter : 659 Pageviews.  

ชายชรากับลังเหล็ก
























































   กาลครั้งหนึ่ง ยังมีคุณลุงอยู่ท่านหนึ่ง
ในช่วงวัยหนุ่มคุณลุงท่านนี้เป็น
หัวหน้าคนงานอยู่ในเหมืองทองคำมีรายได้
ดีมาก แต่คุณลุงท่านนี้ไม่
เคยเก็บเงินเลยมีเท่าไรก็ใช้หมด

      
เนื่องจากคุณลุงเป็นคนจิตใจดีใครมาหยิบยืมก็ให้ เลี้ยงเพื่อนฝูงตลอด
คุณ
ลุงมีเพื่อนเยอะมาก จนกระทั่งคุณลุงท่านนี้เกษียณอายุจากการทำงาน
ปรากฏ
ว่าไม่มีเงินเหลือเลยจากชีวิตการทำงานอันยาวนาน
คุณลุงมีลูกอยู่ 5 คน
เมื่อคุณลุงไม่มีเงินก็จำเป็นต้องไปอาศัยอยู่บ้านลูกๆ ทั้ง 5 คน 

 วันจันทร์
ก็ไปอยู่บ้านลูกสาว ก็ถูกลูกเขยพูดจากระทบกระเทียบ เช่น


"ทำไมคุณพ่อคุณไม่ไปบ้าน
ลูกคนอื่นบ้างนะ ผมจะทำอะไรก็อึดอัดจริงๆ "


วันอังคาร
ก็ไปอยู่บ้านลูกชาย ก็ถูกหลาน และลูกสะใภ้กระทบกระเทียบ เช่น
"รำคาญคุณปู่จังเลยกับข้าวที่หนูชอบดูสิคุณปู่ทานหมดเลย
ทำไมคุณปู่ไม่ไปบ้านอื่นบ้าง"

เป็นเช่นนี้
ตลอด คุณลุงก็เปลี่ยนไปอยู่บ้านลูกคนนั้นทีคนนี้ที
ก็ถูกลูกบ้าง
ลูกเขยบ้าง ลูกสะใภ้บ้าง หลานบ้างพูดจาถากถางอยู่ตลอด
แต่คุณลุงก็ต้อง
ทน เพราะคุณลุงไม่มีเงินเก็บแม้แต่บาทเดียว

     
อยู่มาวันหนึ่ง คุณลุงตัดสินใจเรียกลูกๆ ทุกคนมาแล้วบอกว่า
"พ่อจะไม่อยู่สัก 2 ปีนะลูก เพราะเพื่อนพ่อที่เป็น
เจ้าของเหมืองทองคำมัน


เขียน
จดหมายมาขอร้องให้พ่อไปช่วยงานที่เหมืองทองคำของมัน
พ่อจำเป็นต้องไป
ช่วยเขาจริงๆ" ลูกๆ ได้ฟังดังนั้นก็ดีใจสนับสนุนเพื่อให้
คุณลุง
ท่านนี้ไปให้พ้นๆ จะได้ไม่เป็นภาระอีกต่อไป

เมื่อครบ 2 ปี
คุณลุงท่านนี้ก็กลับมาพร้อมกับลังเหล็กใบใหญ่ 1 ใบ ไป
ไหนแกก็ลากไปด้วย
ลูกๆ ก็พากันแปลกใจและถามว่า "ลังอะไร"
คุณลุงตอบว่า
"เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่ได้มาจากเหมืองทองคำของเพื่อน
ถ้าใครดูแลพ่อ
จนถึงวาระสุดท้ายก็จะมอบสมบัติในลังเหล็กให้ทั้งหมด"
ปรากฏว่า ลูกๆ
พากันตื่นเต้น ต่างอาสามาดูแลคุณพ่อกันยกใหญ่

    วันจันทร์
คุณลุงก็อยู่กับลูกสาวคนโต ลูกเขยกับหลานก็พากันเอาใจ
บีบนวดให้
หาของกินดีๆ มาให้ แต่ยังไม่ทันไรลูกชายคนที่สองก็มา
ตามให้ไปอยู่ด้วย
และก็เช่นกันยังไม่ทันไร ลูกสาวคนที่สาม ก็มาตาม
ให้ไปอยู่ด้วยอีก

    
ปรากฏว่าลูกๆ ทั้ง 5 คน ของคุณลุงต่างแย่งกันเอาใจ
และปรนนิบัติคุณลุง
ท่านนี้อย่างดี แต่เวลาไปไหนคุณลุงก็จะลากลัง
เหล็กใบนี้ไปด้วยตลอด

    
เวลาผ่านไป 7 ปี คุณลุงท่านนี้เสียชีวิตลง หลังงานพิธีศพลูกๆ ทุกคน
พา
กันมานั่งล้อมลังเหล็กใบนี้เพื่อแบ่งสมบัติกัน ลูกสาวคนโตเป็นคน
เปิดฝา
ลังเหล็ก พบว่ายังมีผ้าสีขาวปิดอยู่อีกชั้นหนึ่ง และมีจดหมาย
ฉบับหนึ่ง
วางอยู่ ลูกสาวคนโตก็เปิดอ่านให้น้องๆ ฟัง เนื้อความใน
จดหมายเขียนไว้
ว่า


























  นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าประมาท
และอย่าคาดหวังว่าใครจะเลี้ยงดู
เรา ให้เร่งเก็บออมเสียตั้งแต่เนิ่นๆ
จะได้มีชีวิตบั้นปลายที่สุขสบาย

ได้ฟังนิทานเรื่องนี้ทีไรให้รู้สึกสะท้อนใจทุกครั้ง
และ
ไม่เคยคิดว่า เป็นเพียงนิทานเพราะเหตุการณ์แบบ
นี้อาจเกิดขึ้นได้กับทุก
คนที่ไม่เตรียมเก็บออมเงินเสีย
ตั้งแต่เนิ่นๆ
....พึ่งพาใครไหนเล่า....
จะดีเท่าพึ่งพาตัวเราเอง

























ขอบคุณeverykid.









Free TextEditor








































































 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 29 พฤษภาคม 2553 20:34:45 น.
Counter : 554 Pageviews.  

กำเนิดไอศกรีมโคน

















































   ไอศกรีมโคนทำให้พวกเราเอร็ดอร่อยทั้งเด็ก และผู้ใหญ่
แต่ก็
ยังไม่รู้แน่ชัดว่าใครเป็นคนคิดค้นไอศกรีมโคนขึ้นมาให้เรากิน



ต้น
กำเนิดการค้นพบโคน..ยังสับสนอยู่หลายตำนาน
บ้างก็ว่า ชาวอิตาเลียนอพยพ
ชื่อนาย อิตาโล มาร์ชิโอนี 
ผู้จดสิทธิบัตรถ้วยวาฟเฟิลที่กินได้ในปี
ค.ศ.1903 


เขาบอกว่าเขาทำโคนมาตั้งแต่ 22 กันยายน ค.ศ.1886 
เพื่อเสิร์ฟกับ
ไอสกรีม ที่ถนนวอลล์สตรีท ในกรุงนิวยอร์ก


แต่แมรี่ ลู เมนช์ส
บอกว่าคนที่คิดค้นเป็นปู่ของเธอเอง ชื่อ ชาร์ลส์ โรเบิร์ต
และน้องชาย 
ทั้งคู่คิดค้นไอศกรีมโคนขึ้นมาในปี ค.ศ. 1904
ตอนขายไอศกรีมอยู่ในงาน
เทศกาลที่เซนต์หลุยส์ มิสซูรี


"...มีเรื่องเล่ามากมายเลยค่ะ
บางคนบอกว่าจานสำหรับใส่ไอศกรีมหมด
และเนื่องจากร้านขายไอศกรีมอยู่ติด
กับร้านวาฟเฟิล (ขนมรังผึ้ง)
พวกเขาก็เลยตักไอศกรีมใส่วาฟเฟิลแทน 
และมันก็เข้าท่าดี"


ตำนานอีกเรื่องคล้ายๆ กันคือชาย ชื่อฮัมวี
เป็นคน
อบขนมปังอพยพ ชาวซีเรียที่อ้างว่าไปขายขนมในงานเดียวกัน
เขาได้ความคิด
ตอนที่ร้านขายไอศกรีมที่อยู่ข้างๆ จานหมด !!
เขาเลยม้วนเวเฟอร์ของเขาที่
เรียกว่า ซาลาเบีย ตอนที่ยังร้อนๆ
แล้วปล่อยให้เย็นเพื่อขายให้ร้าน
ไอศกรีมเอาไปใส่ไอศกรีม

แต่
ไม่ว่าใครจะเป็นคนคิดค้น ...
ไอศกรีมโคนก็ทำให้เราอร่อยกับไอศกรีมได้ใน
อีกรูปแบบหนึ่ง
























ขอบคุณeverykid








Free TextEditor







































































































 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 29 พฤษภาคม 2553 20:33:20 น.
Counter : 458 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.