ท่องเที่ยววันหยุด

ย่างเข้าฤดู
ฝน  พืชพรรณเขียวชอุ่ม  มองไปทางไหนก็สดชื่นงามตา 
เราเลยอยากพาคุณไปเที่ยวใกล้ๆ กรุง  สัมผัสชีวิตชาวสวนริมคลองมหาสวัสดิ์ค่ะ


    การไปเที่ยวครั้งนี้เพียงขับรถออกจากถนนบรมราชชนนี 
ผ่านหน้ามหาวิทยาลัยมหิดล  ศาลายาไปไม่ไกล 
ก็ถึงวัดสุวรรณารามสถานที่ขึ้นเรือล่องลำคลองแล้วค่ะ  
หลังจากจองเรือเรียบร้อยแล้วก็เข้าไปไหว้หลวงพ่อพุทธสุวรรณบวรรังษี 
ในอุโบสถ์วัดเพื่อเป็นสิริมงคล  ออกจากโบสถ์ไม่นานเรือหางยาวก็มารับ 
และเริ่มโปรแกรมด้วยการไปชมสวนกล้วยไม้  ระหว่างทางพี่สุวัฒน์  เซ็งมณี 
ผู้คุมหางเสือซึ่งควบตำแหน่งไกด์ประจำทริปเล่าประวัติความเป็นมาของคลองมหา
สวัสดิ์ให้ฟังว่า
    คลองนี้มีความสำคัญที่สุดต่ออำเภอพุทธมณฑล 
เพราะพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าให้เจ้าพระยาทิพากรวงศ์
มหาโกษาธิบดี (ขำ  บุญนาค)  เป็นนายกองขุดขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2498 
เพื่อใช้เป็นทางเสด็จพระราชดำเนินไปนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ 
มีจุดเริ่มต้นที่คลองบางกอกน้อย  ริมวัดชัยพฤกษ์มาลา 
ไปออกแม่น้ำท่าจีนบริเวณศาลเจ้าสุบิน  รวมระยะทางประมาณ 27 กิโลเมตร 
และนอกจากใช้เป็นเส้นทางคมนาคมแล้วคลองนี้ยังเป็นเส้นเลือดใหญ่ให้ชาวสวน 
ชาวคลองใช้ทำมาหากินอีกด้วย
    นั่งฟังเรื่องเล่าชาวคลอง 
เคล้าบรรยากาศสองฝากฝั่งเพลินๆ
พี่สุวัฒน์ก็เปลี่ยนแผนพาไปดูชาวนาเกี่ยวข้าวก่อน 
เราจึงยกพลขึ้นบกไปขอความรู้วิชาทำนากัน 
แม้เดี๋ยวนี้ชาวนายุคใหม่ไม่ต้องลงแขกเกี่ยวข้าวเองเพราะมีรถรับจ้างเกี่ยว
ข้าวให้บริการ  แต่เขาก็ต้องทำงานกลางอากาศร้อนทั้งวันตลอดปี 
เพื่อนเราคนหนึ่งถึงกับเอ่ยปากว่าจะไม่กินข้าวเหลือ  เพราะสงสารชาวนาเลยค่ะ
   
จากนาข้าวเราไปชมสวนกล้วยไม้ของลุงชุบและป้าจุกอย่างที่
ตั้งใจไว้  สวนนี้มีกล้วยไม้พันธุ์  “ทัศนีย์” ซึ่งเขาเป็นผู้เพาะขึ้นเอง 
ลักษณะเด่นอยู่ที่ช่อดอกสีม่วงเข้มขนาดใหญ่ 
เวลาต้องแสงแดดกลีบดอกจะดูคล้ายกำมะหยี่สวยงามเป็นพิเศษ 
และยังมีกล้วยไม้สกุลหวายอีกหลากสี 
หลายพันธุ์จำหน่ายราคาไม่แพงกระถางละประมาณร้อยกว่าบาท 
ที่น่ารักสะดุดตาคือกล้วยไม้ซึ่งช่อดอกมีกลีบสีขาวยาวออกมาคล้ายหูกระต่าย 
จนเจ้าของเรียกเล่นๆ ว่ากล้วยไม้หูกระต่ายนั่นเอง
สวนผลไม้ 
บ้านน้าบุญเลิศ  คือ 
จุดหมายปลายทางแห่งที่สองต้องนั่งเรือย้อนกลับมาหน้าวัดสุวรรณารามแล้วเดิน
อีกนิดหน่อยก็ถึง  พอไปถึงปุ๊บคุณป้าที่ดูแลก็จัดขนม 
ผลไม้สดหลายชนิดที่ปลูกเองทั้งส้มโอ  มะม่วง  ขนุน  และกล้วย 
พร้อมน้ำดื่มเย็นๆ มาให้กินแบบไม่หวง  เราเลยชิม (กิน) 
กันจนพุงกางก่อนเดินเที่ยว 
ที่นี่ทำสวนแบบผสมผสานมีต้นไม้หลายชนิดปลูกอยู่ด้วยกัน 
นอกจากผลไม้ที่เราชิมกันไปแล้วก็ยังมีต้นกระท้อน  มะปราง  มะกอก  มะพร้าว 
และต้นหมากด้วย
    ในสวนยังปลูกไม้ดอกอย่างพุดซ้อน  กล้วยไม้  หงอนไก่ 
มะลิ  และดอกบัวไว้ด้วย  เวลาลมพัดจึงได้กลิ่นหอมอ่อนๆ
ของดอกไม้ลอยมาให้ชื่นใจอีกต่างหาก 
ใครไม่อยากเดินที่นี่ก็มีรถอีแต๋นดัดแปลงใส่ที่นั่งไว้บริการนักท่องเที่ยว
ด้วยเช่นกัน
    จากสวนผลไม้นั่งเรือต่ออีกไม่นานก็ถึงที่ตั้งของกลุ่ม
แม่บ้านเกษตรกรมหาสวัสดิ์
  เป็นที่แปรรูปผลผลิตของกลุ่มแม่บ้าน 
ซึ่งตอนที่เราไปเป็นช่วงมีมะม่วงสุกเหลือจากการจำหน่ายมาก  คุณน้า 
คุณอาสมาชิกจึงทำมะม่วงกวนกันอย่างขะมักขะเม้น 
โดยมีห้องอบพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ไว้สำหรับตากแห้ง 
พี่แม่บ้านคนหนึ่งกำลังตากมะม่วงกวนอยู่ 
เอ่ยปากเสียงหวานเชื้อเชิญเราว่าถ้าอยากลดน้ำหนักให้มาทางนี้ 
เรียกรอยยิ้มได้เป็นอย่างดีในความช่างคิดของเขา 
เพราะในห้องอบนั้นร้อนเหลือใจไม่ต่างกับห้องซาวน่าเลยจริงๆ
   
ใครที่อยากได้ของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้าน  ที่นี่ยังมีไข่เค็มเสริมไอโอดีน 
ข้าวตังหน้าหมูหยองทำจากข้าวซ้อมมือซึ่งได้รางวัล OTOP  5  จำหน่ายด้วย 
จะลองชิมก่อนก็ได้นะคะ
   
ตกเย็นแดดเริ่มอ่อนแสงเราจึงไปนาบัวขนาดกว้างกว่า 20 ไร่ 
มีดอกบัวพันธุ์ฉัตรขาว  และบัวแดงชูช่อเต็มไปหมด 
สอบถามพี่สุวัฒน์ได้ความว่าเป็นดอกบัวที่รอเก็บขายในวันรุ่งขึ้น  ช่วงเย็นๆ
อากาศดีคุณจะนั่งเล่นชมวิวบนศาลาที่เขาสร้างไว้ให้นักท่องเที่ยว 
หรือจะพายเรือรอบๆ ก็ได้  หากจะซื้อดอกบัวก็เลือกเก็บเองได้เลย 
เขาคิดราคาแค่ดอกละ 1  บาทเท่านั้น 
เราจึงมีโอกาสซื้อดอกบัวกำใหญ่ไปถวายพระด้วยเป็นการปิดทริปท่องเที่ยวเชิง
เกษตรแบบอิ่มใจอิ่มบุญในคราวเดียวกัน
    แต่รู้ไหมคะ 
สิ่งที่ได้มากกว่าการเดินทางท่องเที่ยวไม่ใช่เพียงการเรียนรู้เรื่อง
เกษตรกรรมเท่านั้น  แต่ยังได้เห็นน้ำใจไมตรีอันบริสุทธิ์งดงามของชาวบ้าน 
จนทำให้รู้สึกว่าโลกที่กำลังร้อนรุ่มอย่างทุกวันนี้เย็นลงได้ด้วยความรัก 
น้ำใจที่เราจะมีให้แก่กันนั่นเองค่ะ


Travel  Guide 
การเดินทาง:

เดินทางได้ทั้ง  รถยนต์  จากถนนบรมราชชนนี  ปิ่นเกล้า – นครชัยศรี 
ไปศาลายา  ผ่านมหาวิทยาลัยมหิดล 
ไม่ไกลจะมีป้ายบอกทางไปวัดสุวรรณารามเป็นระยะ
    รถประจำทางสาย 515
,124 , 125  ลงรถที่โรงพยาบาลศาลายา 
แล้วนั่งรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างไปวัดสุวรรณาราม  ราคาประมาณ 15 บาท
   
รถไฟ จากสถานีธนบุรีถึงวัดสุวรรณาราม  มี 2 เที่ยว  รอบเวลา 7.25 น. และ
7.45 น.  ราคา 5 บาท


การท่องเที่ยว:
ติดต่อเรือได้ที่ศูนย์บริการท่องเที่ยวเกษตรบ้านผู้ใหญ่มนูณ  นราสดใส 
ค่าเรือลำละ  350  บาท  นั่งได้ 6 คน  และเสียค่าบริการชมสวนคนละ 70 บาท 
นำเที่ยว 4  แห่งได้แก่สวนกล้วยไม้  สวนผลไม้ 
การแปรรูปผลผลิตเกษตรของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรมหาสวัสดิ์  และนาบัว 
สอบถามเพิ่มเติมโทร. 0 – 3429 – 7152 , 08 – 1743 – 5850
   
การท่องเที่ยวใช้เวลาประมาณ 2 – 5
ชั่วโมงขึ้นอยู่กับความพอใจของนักท่องเที่ยว  แนะนำให้ไปช่วงบ่ายตั้งแต่
15.00 นาฬิกาเป็นต้นไป 
เพราะแดดไม่แรงมากและได้ชมพระอาทิตย์ตกดินที่นาบัวพอดี






Free TextEditor







































































































Create Date : 05 พฤษภาคม 2553
Last Update : 5 พฤษภาคม 2553 7:25:51 น. 0 comments
Counter : 472 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.