ปัสสาวะเล็ด ปัญหาสตรีที่แก้ได้













































วิจัยพบหญิงไทยวัยหมดประจำเดือนกว่าร้อยละ 80 ประสบปัญหาปัสสาวะเล็ด หลายคนอายไม่ยอมรักษา ถึงขั้นเก็บตัว
ไม่ออกจากบ้าน
เผยสาเหตุมาจากกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานหย่อนสมรรถภาพจากการคลอดบุตร แนะ "
ขมิบ"
อย่างถูกวิธีทุกวัน
เพื่อป้องกันก่อนสายเกินแก้ แถมยังช่วยให้เพศสัมพันธ์ดีขึ้นด้วย


รศ
.กรกฏ เห็นแสงวิไล หัวหน้าโครงการวิจัย เรื่อง "สร้างเสริมสุขภาพบริหารกล้ามเนื้อ
อุ้งเชิงกรานในสตรีด้วยตนเอง"
โดยการสนับสนุนของแผนเปิดรับทั่วไป
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (
สสส.) เปิดเผยว่า ปัญหา
กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานหย่อนสมรรถภาพ ถือเป็นเรื่องที่พบในสตรีทั่วโลก

โดยเฉพาะในวัยหมดประจำเดือน เช่น ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
พบว่าสตรีวัยหมดประจำเดือนร้อยละ 75.3
มีปัญหาการกลั้นปัสสาวะ

ขณะ
ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ พบว่า สตรีวัยหมดประจำเดือนร้อยละ 89.3
มีปัญหาเดียวกัน และร้อยละ 43.3 มีภาวะมดลูกหย่อนด้วย
นอกจากนี้จากการสำรวจสตรีไทยในภาคเหนือตอนบน ช่วงปี 2542 - 2543
ยังพบว่าผู้หญิงช่วงอายุ 20 - 24 ปี พบปัญหากลั้นปัสสาวะถึงร้อยละ 41
และวัย
หมดประจำเดือนอีกร้อยละ 48



ปัญหาที่ตามมาคืออาการปัสสาวะเล็ด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่
ปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ
มดลูกหย่อน
และเพศสัมพันธ์บกพร่อง

เนื่องจากกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานที่อ่อนแรงและหย่อนลงมาจะทำให้ช่องคลอดขาด
ประสิทธิภาพ ไม่สามารถหดตัวได้ขณะมีเพศสัมพันธ์
นอกจากนี้ยังผายลมบ่อยผิดปกติ






















"คนไทยส่วนใหญ่
ไม่มีความรู้ในเรื่องการกลั้นปัสสาวะ ส่วนมากคิดว่า
เป็นเรื่องของคนสูงอายุ หรือบางคนรู้สึกอาย กลัวสังคมรังเกียจ
จึงไม่มารับการรักษา และพยายามแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง
เช่น
ดื่มน้ำน้อยลง เข้าห้องน้ำบ่อย ๆ ใส่ผ้าอนามัย
หรือในรายที่มีอาการฉี่เล็ดมาก ๆ อาจถึงขั้นเก็บเนื้อเก็บตัว
ไม่ยอมออกจากบ้าน"
รศ.กรกฏกล่าว


สำหรับสาเหตุ
ของอุ้งเชิงกรานหย่อนสมรรถภาพนั้นมาจากหลายปัจจัย


อาทิ
การตั้งครรภ์และการคลอด
การตั้งครรภ์จะทำให้มีการยืดขยายของกล้ามเนื้อและพังผืดรอบอุ้งเชิงกราน
ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงได้
ส่วนการคลอดเป็นการกระทำโดยตรงต่อกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
คือมีการกรีดฝีเย็บ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง นอกจากนี้ใน
ผู้สูงอายุ สตรีวัยหมดประจำเดือน คนอ้วน คนใช้แรงงานยกของหนัก
ก็เกิดภาวะกล้ามเนื้อหย่อนยานได้ง่าย รวมไปถึงโรคเรื้อรัง
เช่น
ถุงลมโป่งพอง ไอเรื้อรัง กระเพาะปัสสาวะอักเสบ กล้ามเนื้องอก
ล้วนก่อเกิดอาการปัสสาวะเล็ดได้



รศ
.กรกฏ
กล่าวต่อว่า
ในการวิจัยได้เสนอวิธีการให้ความรู้และสร้างเสริมสุขภาพสตรีเข้าสู่วัยหมด
ประจำเดือน สตรีที่เริ่มมีอาการปัสสาวะเล็ด และสตรีมีครรภ์

โดย
แนะนำการบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอย่างถูกต้อง
ด้วยตนเอง
ด้วยการใช้สื่อวีดิทัศน์ที่ผลิตขึ้นอย่างมีคุณภาพ
แล้วใช้แบบ สอบถาม วัดผลสัมฤทธิ์ในสตรีวัย 40 - 60
ปี ประมาณ 60 คน ในจังหวัดเชียงใหม่และพิษณุโลก
เพื่อเปรียบเทียบการเรียนรู้ด้วยตนเองก่อนและหลังการใช้วีดิทัศน์
และศึกษาในสตรีที่เริ่มมีอาการปัสสาวะเล็ดจำนวน 30
คน
เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมและสตรีมีครรภ์จำนวน 30
คน























"ผลออกมาว่า
กลุ่มทดลองมีความรู้เกี่ยวกับอุ้งเชิงกรานเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน
และยังฝึกขมิบอุ้งเชิงกรานอย่างถูกวิธีต่อเนื่องถึง
12
สัปดาห์
ทำให้คนที่เคยมีปัญหาปัสสาวะเล็ดบ่อย ๆ ลดความรุนแรงของอาการลง

กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานแข็งแรงและกระชับตัว
ส่งผลต่อการมีเพศสัมพันธ์ที่ดีขึ้น
ผู้เข้าร่วมทดลองหลายคนเล่าว่าได้รับคำชมจากสามีในเรื่องนี้"
หัวหน้าโครงการวิจัยกล่าว


ส่วนการทดสอบสมรรถภาพกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานด้วยตนเองนั้น
รศ
.กรกฏ
แนะนำว่า

ทำได้โดยการดื่มน้ำ 2
แก้ว แล้วรอประมาณ 10 - 15 นาที จนรู้สึกปวดปัสสาวะ
ให้กระโดดพร้อมกันจนสองเท้าลอยพ้นพื้นติดต่อกัน 20
ครั้ง จากนั้นกระโดดกางขาหน้า - หลัง 4 ครั้ง และไอแรง ๆ อีก 2 - 3 ครั้ง สังเกตว่ามีปัสสาวะเล็ดหรือไม่
เพราะในคนปกติกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานควรควบคุมได้ ไม่มีอาการปัสสาวะเล็ด


อย่างไรก็ตาม
ไม่ว่าจะเกิดอาการปัสสาวะเล็ดหรือไม่
วิธีการป้องกันและบรรเทาอาการของโรคทำได้โดย

การ
ขมิบอุ้งเชิงกรานแรง ๆ ค้างไว้ 10
วินาที แล้วปล่อยประมาณ 5 วินาที ทำซ้ำอีกจนครบ 5 ครั้ง แล้วขมิบ - ปล่อยแบบแรงเต็มที่อีก 5 ครั้ง วัน
หนึ่ง ๆ ควรทำอย่างน้อย 4 - 5
ครั้ง ในช่วงเช้า สาย บ่าย
เย็น และก่อนนอน
โดยต้องฝึกขมิบในขณะที่ทำกิจวัตรประจำวัน เช่น
นั่ง ยืน เดิน จาม จนกลายเป็นนิสัย จะส่งผลดีต่อสตรีในระยะยาว












สุขภาพบริหารกล้ามเนื้ออุ้ง
เชิงกรานในสตรีด้วยตนเอง
เป็นงานวิจัยเชิงนวัตกรรมที่หยิบเอาผลการวิจัยหรือผลสำรวจของต่างประเทศมา
ปรับใช้ให้เหมาะสมกับประเทศไทย
และยังคิดค้นวิธีการสอนให้หญิงไทยรู้จักขมิบอุ้งเชิงกรานอย่างถูกวิธีได้
อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านสื่อวีดิทัศน์ และการฝึกอบรม
ช่วยแก้ไขปัญหาของสตรีจำนวนมากที่ประสบปัญหาเรื้อรังมานาน

"เป็นที่น่า
ยินดีที่ระยะหลังงานวิจัยของสสส
.
ไม่ได้ทำใน
ลักษณะขึ้นหิ้ง แต่มีการจัดการให้ใช้ผลงานวิจัยนั้น ๆ มีคนหยิบยกมาทำต่อ
สาธิตให้เห็นถึงทางออกของปัญหา เสน่ห์อย่างหนึ่งที่
เกิดขึ้นในระยะหลังคืองานวิจัยก่อให้เกิดความผูกพันระหว่างนักวิจัยกับชุมชน

โดยจะพบว่างานวิจัยหลายชิ้นเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน
ดึงชาวบ้านเข้ามาเป็นนักวิจัย ขณะที่นักวิชาการเป็นเพียงพี่เลี้ยง
หรือบางชิ้นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่เป็นคนในพื้นที่เข้าไปทำกับชุมชนของตนเอง

ทำให้งานวิจัยนั้นเกิดความยั่งยืนแม้จะสิ้นสุดโครงการไป
แล้ว นับเป็นการจุดตะเกียงช่วยส่องสว่างในที่มืด
แม้จะยังไม่ทั่วถึงทุกพื้นที่ทุกชุมชนก็ตาม"
..ชาตรีกล่าว




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์
ข่าวสด






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 15 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 15 พฤษภาคม 2553 18:16:38 น.
Counter : 531 Pageviews.  

วงจรการมีประจำเดือน

































วงจรการมีประจำเดือน

การ
มีประจำเดือนนั้นทำให้ผู้หญิงเรามีอาการ อย่างไรเกิดขึ้นกับผิวของเราบ้าง


แบ่งเป็น 5
ระยะดังนี้ ค่ะ


1.ระยะไข่ตก
ผิวจะมัน หมองคล้ำ
การอุดตันของไขมันจะเริ่มเกิดขึ้น


2.
ระยะก่อนประจำเดือนมา
สภาพผิวจะไม่คงที่
บางครั้งก็มันบางครั้งก็แห้งกร้านและอาจเกิดการ แพ้เป็นผื่นแดงได้ง่าย
ระยะนี้สาวๆไม่ควรออก  กำลังกายหักโหม


3.
ระยะวันนั้นของเดือน
ช่วงวันนั้นของเดือนผิว
จะหมองคล้ำไม่สดใสอารมณ์ไม่ปกติแปรปรวน และตัวบวมน้ำ


4.
ระยะประจำเดือนเพิ่งหมด
ผิวเริ่มกลับเข้าสู่สภาพปกติปัญหาผิว
ต่างๆที่เกิดขึ้นเริ่มคลี่คลาย


5.
ระยะหลังมีประจำเดือน
ผิวช่วงนี้จะดี เรียบเนียน แข็งแรง
เหมาะที่จะลองเครื่องสำอางใหม่ๆ



อย่างลืมดูแลสุขอนามัยช่วงวันนั้นของ
เดือนเป็นพิเศษด้วยนะจ๊ะ








Free TextEditor







































































































 

Create Date : 15 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 15 พฤษภาคม 2553 18:15:16 น.
Counter : 573 Pageviews.  

ฮอทด็อกสีแดงสด ภัยร้ายทำลายประสาท











































             

ฮอทด็อกเป็นอาหารที่ทำมาจากเนื้อสัตว์ทั้งส่วนที่ดีและวนที่เหลือจากร้านขาย
เนื้อทั่วไป จากนั้นนำมาใส่สารฆ่าเชื้อและสารสีแดงเข้าไป
เพื่อให้เนื้อไม่เน่าและคงความสดเอาไว้

ฮอทด็อกที่มีสีสันสดๆจะมีความเสี่ยงสูง
มีมาตรฐานทางด้านคุณภาพต่ำ มีการใช้สารเคมีช่วยในการกำจัดแบคทีเรีย
มีการเติมสารที่ช่วยทำให้เนื้อแดงยืดตัวได้ดี
และใช้สารช่วยเติมไส้กรอกให้เต็ม อาจเป็นพวกธัญญาหาร นมผงพร่องมันเนย
ถั่วเหลือง ทำให้เพิ่มจำนวนคาร์โบไฮเดรต
และยังใช้ไขมันที่เป็นสารประกอบที่ไม่เปิดเผยอยู่ประมาณ 40%
ซึ่งในกระบวนการผลิตถุงหลอดที่ใช้บรรจุฮอทด็อกนั้น
ทำมาจากคอลลาเจนสังเคราะห์ เมื่อนำไปปิ้งย่างจะให้สารพิษร้ายแรงที่เรียกว่า
อะคริลีไมด์ ซึ่งเป็นสารร้ายแรงที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งและทำลายประสาท

             
ฮอทด็อกมีการใส่สารปรุงรส MSG สารนี้จะส่งผลให้ผู้บริโภคเข้าไปปวดศรีษะ
และเกิดอาการแพ้ MSG ซึ่งในฮอทด็อกยังมีการใส่สารไนไตรด์
ซึ่งเป็นสารที่ส่งผลให้เกิดโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร มะเร็งในเม็ดเลือด
เนื้องอกในสมองและมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ

คราวหน้าถ้าเพื่อน  ๆ จะกินเลือกให้ดี ๆ หน่อยนะคะ 
จะได้ไม่เป็นอันตรายกับตัวเรา..








Free TextEditor







































































































 

Create Date : 15 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 15 พฤษภาคม 2553 18:09:06 น.
Counter : 593 Pageviews.  

ยุงช่วยโปลิศจับขโมย ลากคอโจรขโมยรถไม่ผิดตัว


































ภาพประกอบทางอินเตอร์เน็ต
ภาพประกอบทางอินเตอร์เน็ต











ตำรวจของฟินแลนด์
แทบนึกอยากจะมอบรางวัลนำจับให้กับยุงตัวหนึ่ง
ซึ่งชักนำให้จับตัวโจรขโมยรถได้ อย่างไม่ผิดตัว


เจ้าหน้าที่ซึ่งติดตามสอบสวนคดีรถยนต์หาย
ได้พบรถที่เมืองไซแดเจกิ ทางเหนือของกรุงเฮลซิงกิ
และระหว่างที่กำลังตรวจหาร่องรอยอยู่นั้น ด้วยความตาไวมองเห็นยุงตัวหนึ่งติดอยู่ในรถ
และที่สำคัญมันเพิ่งกัดดูดเลือดคนจนท้องเป่งมาใหม่ๆ จึงจับมันไว้

แล้วส่งไปให้แผนกพิสูจน์ หลักฐานตรวจวิเคราะห์ และผลการตรวจพบว่า
พบดีเอ็นเอ ของผู้ชายคนหนึ่งซึ่งมีชื่ออยู่ในระบบของตำรวจ

แต่ชายผู้ต้องหาได้ปฏิเสธข้อหา
อย่างแข็งขัน อ้างว่าเขาขอโดยสารรถคันนั้นมากับผู้ชายที่เป็นคนขับ
รถคันนั้นถูกแจ้งหายไว้ที่เมืองลาปือ

อยู่ไกลจากทาง
เหนือของเมืองหลวงฟินแลนด์ 380 กม. และเพิ่งได้รับรายงาน
ว่ามีผู้พบอยู่ที่เมืองไซแดเจกิ หลายสัปดาห์ต่อจากนั้น
สารวัตรซาการิ ปาโลแมกิ กล่าวยอมรับว่า
นับว่าเป็นคดีแรกที่ตำรวจได้ใช้ยุงช่วยนำจับผู้ต้องหาได้ มันไม่ใช่ เรื่องปกติธรรมดานักที่เราใช้ยุง
เพราะไม่เคยได้รับการฝึกอบรมเรื่องนี้มาก่อนเลย
ขั้นต่อไปของคดีนี้
ขึ้นอยู่ที่อัยการจะพิจารณาว่าตัวอย่างดีเอ็นเอ
จะใช้เป็นหลักฐานพอเพียงที่จะยื่นฟ้องศาลหรือไม่เท่านั้น.




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทย
รัฐ





Free TextEditor







































































































 

Create Date : 15 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 15 พฤษภาคม 2553 17:59:42 น.
Counter : 429 Pageviews.  

นอนน้อยทำร้ายหลอดเลือด เสี่ยงเป็นโรคหัวใจร้ายแรง



















































หมอเตือนภัยของการประหยัดการนอนว่า เป็นการทำร้ายหลอดเลือด ทำให้แข็งกระด้าง อันอาจทำให้เกิดเป็นโรคหัวใจขึ้นได้
วารสารวิชาการแพทยสมาคม
อเมริกันรายงาน
ผลการศึกษาร่างกายคนอเมริกันที่เป็นผู้ใหญ่ 495 คน พบว่า ผู้ที่นอนน้อยต่ำกว่าวันละ 5
ชม. ถูก
พบว่าเป็นผู้ที่มีหลอดเลือดแข็งกระด้างมากถึง 1
ใน 3 แพทย์
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวบอกว่า
การนอนให้พอเป็นของสำคัญของการมีหัวใจแข็งแรงดี

คณะแพทย์ได้พบหลอดเลือดลักษณะดังกล่าว
ในการศึกษาด้วยการตรวจด้วยเอกซเรย์
คอมพิวเตอร์
ประเมิน
การจับเกาะแคลเซียมตามหลอดเลือด
ตรวจช่วงระยะเวลาทุก 5 ปี พร้อมกับขอให้กรอกแบบ สอบถามเกี่ยวกับนิสัยการนอนและให้ทำบันทึกการนอน
ประจำวันไว้ด้วย


ในการตรวจหน
แรกเมื่อเริ่มการศึกษายังไม่
พบว่าหลอดเลือดคนใดแข็งเลย แต่เมื่อตรวจหน ที่ 2 เมื่อ
5
ปีต่อมา
ได้พบผู้มีแคลเซียมจับเกาะอยู่ถึง
61
ราย
และดูเหมือนว่ามันเกี่ยวพัน
กับการนอนน้อยอยู่ด้วย
เพราะได้พบว่า รายที่นอนคืนละไม่ต่ำกว่า 7 ชม.หลอด
เลือดจะมีแคลเซียมเกาะน้อยกว่าเพื่อน
























ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทย
รัฐ






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 15 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 15 พฤษภาคม 2553 17:46:07 น.
Counter : 371 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.