ปวดท้อง
อาการปวดท้องอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ และบางสาเหตุอาจ ทราบได้ไม่ยากจากตำแหน่งที่ปวด ความรุนแรงของการปวด ระยะเวลาที่ปวด รวมถึงลักษณะของการปวด ดังนั้นการสังเกตรูปแบบของการปวดจึงเป็นสิ่งจำเป็น หากคุณสามารถอธิบายอาการปวดของคุณได้ละเอียดเพียงใด ก็จะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้เร็วมากขึ้นเท่านั้น โดยทั่วไปอาการปวด อาจแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ - อาการ
ปวดแบบทั่วทั้งท้อง หมายถึง ตำแหน่งปวดกินพื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งของหน้าท้องหรือมากกว่า ส่วนใหญ่อาจเกิดจากอาหารไม่ย่อย หรือมีเชื้อโรคบางชนิดปนเปื้อนมากับอาหาร อาการอาจไม่หนักหนามากแต่ถ้าไม่ดีขึ้นหรืออาการรุนแรงกว่าเดิมคุณควรไป ปรึกษาแพทย์ - อาการปวดท้องเฉพาะที่ หมายถึง
ปวดบริเวณส่วนใดส่วนหนึ่งของช่องท้อง มีอาการเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและทวีความรุนแรงขึ้นในเวลาไม่นาน อาจเกิดจากอวัยวะภายในอักเสบเฉียบพลัน เช่น ไส้ติ่งอักเสบ ถุงน้ำดีอักเสบ หรือกระเพาะอาหารอักเสบ - อาการปวดเกร็งแบบ
เป็นตะคริว หมายถึง ปวดบ้างคลายบ้าง เป็นๆ หายๆ คล้ายกับลูกคลื่น อาการอาจทุเลาเมื่อผายลมหรือถ่ายออกมา แต่ไม่นานก็มีอาการปวดอีก
เนื่องจากโรคต่าง ๆ ภายในช่องท้องมักทำให้เกิดอาการปวดท้องร่วมด้วย อาการข้างต้นอาจเกิดจากอวัยวะต่าง ๆ เช่น กระเพาะอาหาร ลำไส้ ตับ ตับอ่อน ถุงน้ำดี เป็นต้น คุณควรรักษา สุขภาพด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีกากใย เช่น ผักและผลไม้ ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น ลดละอาหารเผ็ดมัน รวมถึงอาหารหรือเครื่องดื่มที่ก่อให้เกิดแก๊ส และไม่ปล่อยให้ท้องว่างนานเกินไป
คุณควรไปพบแพทย์เมื่อใด?
- เมื่อคุณรู้สึกไม่สบายท้อง
ปวดท้องติดต่อกันมาหลายวัน - ปวดท้องมาก
ติดต่อกัน หรือปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ ภายใน 1-2 วัน - มีไข้ ปวดเมื่อยตามร่างกายร่วมด้วย
- ปวดท้องระหว่างตั้งครรภ์
- ปวดท้อง
เวลาปัสสาวะ หรือปัสสาวะบ่อยผิดปกติ - มี
อาการปวดท้องระหว่างกำลังรักษาโรคอื่นอยู่
ควรอดทนต่ออาการ ปวดท้องหรือไม่ คุณ ไม่ควรทนอยู่หลายวัน บางท่านอาจคิดว่ามีแต่เด็กๆ เท่านั้นที่ต้องไปพบแพทย์เพราะอาการปวดท้อง แต่ในความเป็นจริงผู้ใหญ่ก็ไม่มีข้อยกเว้น หากคุณรู้สึกปวดท้องไม่มาก การใช้ยาสามัญประจำบ้านอาจจะเพียงพอในระยะสั้น แต่ถ้าหากปวดท้องต่อเนื่องทั้งวัน คุณก็ไม่ควรทนกับอาการปวดนานเกินไป เพราะอาจมีสาเหตุมาจากโรคที่รุนแรงก็เป็นได้
|