Group Blog
 
All Blogs
 
ผู้เฒ่าเล่าอดีต (๒) โอกาสในการทำบุญ

ผู้เฒ่าเล่าอดีต (๒)

โอกาสในการทำบุญ

เมื่อเช้าวันที่ ๑๖ ก.พ.๕๕ ออกจากบ้านจะไปเทเวศร์ เพื่อถอนเงินจากบัญชีหนึ่งไปใช้หนี้อีกบัญชีหนึ่ง ซึ่งได้ถอนเอาไปใช้รักษาตัว เมื่อต้นเดือน ม.ค.ที่ป่วยกล้ามเนื้อขาอ่อนแรง กินยาอยู่ ๗ วันก็หายเป็นปกติดี แต่เดินไม่ได้ไกลก็เมื่อยมาก ลูกเขาบอกว่าให้เลิกขึ้นรถเมล์เสียที ไปไหนก็ขึ้นแท็กซี่ เพื่อจะได้ไม่ต้องเสี่ยงว่าจะเกิดอุบัติเหตุขณะก้าวขึ้น หรือลงรถเมล์ ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้ ก็รับปากกับเขาว่าจะเชื่อฟัง แต่ทำใจได้ลำบากมาก สำหรับเราที่เคยขึ้นรถเมล์ใช้บัตรผู้เฒ่า แล้วกลับมาให้เสียค่าแท็กซี่ ซึ่งต่างกันราวฟ้ากับดิน

และวันนี้เดินมาจนเกือบจะถึงหน้าวชิรพยาบาลแล้ว จึงนึกขึ้นมาๆได้ว่าแท็กซี่หาเรียกแถว ๆ หน้ามหาวิทยาลัยสวนดุสิตก็ได้ ไม่ต้องเดินมาหน้าวชิรพยาบาล คิดแล้วก็เลี้ยวออกไปทางถนนราชวิถี ไม่ช้าก็ได้แท็กซี่เขียวเหลืองค่อนข้างเก่าเป็นพาหนะ

เมื่อถึงที่หมายคือธนาคารออมสินสาขาเทเวศร์ ก็เข้าไปเบิกเงินจากสมุดบัญชีสองเล่มตามจำนวนที่จะใช้หนี้ แล้วก็ได้เงินปีกหนึ่งยัดใส่กระเป่ากางเกง ออกมาจากธนาคาร มองไปทางฝั่งถนนตรงข้ามเห็นที่ทำการไปรษณีย์เทเวศร์ ก็นึกขึ้นมาได้ว่า ลืมหยิบซองหนังสือ ที่จะส่งพัสดุไปให้เป็นของขวัญวันเกิด แก่เพื่อนในอินเตอร์เนต

แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรนอกจากเอาไว้วันหลังค่อยจัดการ จึงเดินย้อนกลับมาที่สะพานเทเวศร์นฤมิตร ตรงหัวมุมด้านเหนือเป็นที่ตั้งของธนาคารทหารไทย ที่เปิดใหม่เอี่ยม เข้าไปหยิบแบบฟอร์มมาจะเขียนฝากเงินทั้งหมด ใช้หนี้บัญชีที่ลูกเขาให้เงินไว้สำหรับเวลาไปหาหมอด้วยโรคฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่ก็เข้ามาถามว่า จะฝากหรือถอนจะได้หยิบบัตรคิวให้ เราบอกว่าจะฝากแล้วก็ก้มหน้าจะเขียนใบฝาก เขาก็บอกว่าไม่ต้องเขียนแล้ว ไปบอกเจ้าหน้าที่ ประจำเคาน์เตอร์เลย จริงซีเขามีบริการแบบนี้ ตั้งนานแล้วลืมไปเสียได้

เสร็จธุระแล้วก็ออกมายืนริมถนน ซึ่งฝั่งตรงข้ามเป็นตลาดเทวราชกุญชร คราวนี้นึกได้ว่าต้องข้ามไปซื้อแครอทสัก ๕-๖ หัว เอาไปต้มแล้วเข้าเครื่องปั่นกินกับขนมปังนมเย็นตามที่หมอสั่ง เพื่อรักษากล้ามเนื้อให้แข็งแรง ค่อยยังชั่วหน่อย เช้านี้ลืมมาสามอย่างแล้ว

เมื่อได้ของที่ต้องการแล้วก็ข้ามถนน กลับมาเรียกแท็กซี่ที่เดิม ไปมูลนิธิ ปอเต็กตึ๊ง ที่มูลนิธิแห่งนี้ได้มาบริจาคเงินทำบุญ เกี่ยวกับโลงศพและเครื่องประกอบ การเก็บศพเป็นประจำ หมุนเวียนกันไปกับวัดสามสี่วัดทุกสัปดาห์ แต่คราวนี้เสียค่าแท็กซี่แทนค่ารถเมล์ จึงตั้งใจจะรวบรวมเงินที่จะบริจาค เป็นเดือนละแห่งเดียว หมุนเวียนกันไปทุกเดือนตลอดปี เพื่อประหยัดค่าเดินทาง

เมื่อได้ใบรับเงินเรียบร้อยแล้ว ก็ออกมารอรถหน้าศาลเจ้าไต้ฮงกง เหลียวหาขอทานที่เคยให้เป็นประจำทุกคราว เจอเพียงคนเดียว คงมีอีกหลายคน แต่ขี้เกียจเดินไปหาทางที่พวกเขานั่งกันเป็นกลุ่มให้เมื่อยขา

เรื่องการทำทานนี้ บางทีก็เจอเยอะบางทีก็ไม่เจอเลย และบางทีเจอแล้วไม่ได้ทำก็มี ก็คงเหมือนกับการทำกิจกรรมเรื่องอื่น ๆ ซึ่งก็แล้วแต่โอกาสจะอำนวย อย่างที่เคยผ่าน ๆ มาแล้ว พอจะนึกขึ้นได้

ครั้งหนึ่งในซอยหมู่บ้านของเราเอง เด็กหญิงคนหนึ่ง คะเนอายุคงไม่เกินประถมต้น ๆ แต่งตัวสวยงาม บ้านคงจะอยู่แถวนั้น เธอเดินแทะขนมปังกรอบที่มีช็อคโกแลตหุ้มอยู่ อย่างเอร็ดอร่อย เมื่อเราเดินเข้าไปใกล้เธอก็หยุดยืนรอ แล้วพูดด้วยเสียงน่ารักว่า

“ ตาขา…ขอตังหนูห้าบาท “

เราล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกง ด้วยความเคยชิน แต่ด้วยความที่อยาก จะคุยกับเธอ จึงถามว่า

“ หนูจะเอาไปทำอะไรหรือ “

เราไม่ได้คิดว่าเธอจะเอาไปซื้อขนม เพราะมีอยู่ในมือแล้ว จึงอยากจะให้มากกว่าที่ขอนั้น แต่เธอกลับมองหน้าเราที่ช่างซักถามจู้จี้ เธอแกว่งตัวจนกระโปรงส่ายไปมา แล้วสะบัดหน้าเดินต่อไป แต่ไม่ก่อนที่จะพูดว่า

“ ฮึ…หนูไม่เอาก็ได้ “

อีกคราวหนึ่งที่โรงพยาบาลแถวพญาไท หญิงค่อนข้างสาวระดับกลางคนหนึ่ง มายืนอยู่ตรงหน้าในมือของเธอหอบหิ้วถุงพะรุงพะรัง

“ น้าขอเงินสักห้าสิบบาทซี่ “

เรานิ่งอึ้งอยู่ชั่วอึดใจว่าจะให้ หรือปฏิเสธ เพราะคิดว่ามากเกินไป แต่เธอรีบชี้แจงเมื่อเห็นเครื่องหมายคำถามในดวงตาของเรา

“ หนูมาตรวจโรค หมอสั่งให้เจาะเลือด เขาคิดเงินสองร้อย หนูมีไม่พอเพราะซื้อยาไปแล้ว จะกลับบ้านก็ไกล กว่าจะมาอีกเขาก็ปิดแล้ว “

เธอพูดพร้อมกับชูแผ่นกระดาษใบสั่ง และบัตรประจำตัวคนไข้ในมือขวา พร้อมกับแบมือซ้ายที่ถือถุงยาให้เห็นธนบัตรใบย่อยให้ดู เราจึงพร้อมที่จะให้ จึงหยิบกระเป๋าเงินออกมาเปิดดึงธนบัตรร้อยบาทออกมาส่งให้

“ หนูช่วยทอนให้ลุงห้าสิบบาทนะ “

เธอนิ่งคิดเหมือนกัน แล้วก็บอกว่า

“ น้าให้หนูทั้งหมดก็แล้วกัน จะได้เหลือเป็นค่ารถกลับบ้านด้วย “

เอ…การทำทานทีละร้อยบาทนี่ มันมิยิ่งมากเกินฐานะของเราไปใหญ่หรือ เราคิดแว่บเดียวแล้วก็ตัดสินใจบอกว่า

“ ไม่ได้หรอกมากเกินไป ลุงไม่ได้มีเงินมากมายอะไร “

เธอจึงลดมือลงแล้วบอกว่า

“ งั้นหนูไม่เอาก็ได้ ขอบคุณค่ะ น้าเก็บไว้ใช้เถอะ “

เราก็เลยไม่มีโอกาสได้ทำบุญ

อีกคราวหนึ่งที่ศาลเจ้าไต้ฮงกงนี่เอง เมื่อครั้งที่มูลนิธิปเต็กตึ๊งยังตั้งรวมอยู่ด้วยกัน หลังจากบริจาคเงินทำบุญแล้ว ก็จะเดินออกจากบริเวณ แต่ก่อนจะถึงประตูออกก็เห็นหญิงชราทั้งหน้าตาและการแต่งกาย นุ่งผ้าถุงสวมเสื้อแบบไทยแท้คนหนึ่ง นั่งยอง ๆ พนมมือหลับตาอยู่

เรารีบล้วงกระเป๋าเสื้อหยิบเหรียญบาทที่เหลือสองสามเหรียญ เดินรี่เข้าไปหา แต่หญิงชราผู้นั้นไม่ได้แบมือรับอย่างปกติ ก็พอดีมีหญิงกลางคนซึ่งขายนกปล่อย นั่งเก้าอี้อยู่ใกล้ ๆ ตะโกนมาด้วยเสียงกราดเกรี้ยวว่า

"เขาไหว้พระไม่ได้ขอเงิน"

ทั้งเราและหญิงชราผู้พนมมือ ตกใจเกือบพร้อม ๆ กัน เรารีบก้มตัวลงพนมมือไหว้และบอกขอประทานโทษครับ แล้วก็รีบจ้ำออกประตูไปทันที

ความนึกคิดต้องสะดุดหยุดลง เพราะมีรถแท็กซี่วิ่งปราดเข้ามาจอดเทียบตรงหน้า จึงก้าวขึ้นไปนั่ง และบอกทีหมายคือสี่แยกการเรือน ซึ่งย่อมไม่มีใครรู้จัก นอกจากจะบอกว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต

วันนี้จึงได้ทำกิจกรรม สำเร็จไปสามสี่อย่าง โดยใช้เงินค่ารถไปเกือบสองร้อยบาท ซึ่งถ้าขึ้นรถเมล์จะเสียเพียง ยี่สิบกว่าบาทเท่านั้น

อนิจจา อนิจจังสังขาราหนอ.

#############





Create Date : 06 มีนาคม 2555
Last Update : 6 มีนาคม 2555 16:24:57 น. 3 comments
Counter : 16 Pageviews. Add to





อัพเดทข่าวสารฟรีได้ที่นี่ //wap.chickyclub.net/icw/?i=news เพื่อนๆ เข้าทางมือถือนะจ๊ะ
โหลดบริการต่างๆ ทางมือถือ ถูกโคตรอ่ะ 5 บาท //wap.chickyclub.net/icw/?i=b3b เพื่อนๆ ลองเข้าไปดูนะ ของเค้าใช้ได้เรย

โดย: wee IP: 58.11.238.236 วันที่: 6 มีนาคม 2555 เวลา:17:13:04 น.





ความจริงท่านก็มีฐานะพอจะใช้บริการแท็กซี่ได้ ก็ขอให้ใช้บริการแท็กซี่จะดีกว่า เพราะการใช้บริการรถเมล์นั้นผู้มีอายุหรือคนชราจะอันตรายมากๆเวลาขึ้นหรือลงรถ ซ้ำยังไปเบียดเบียนผู้ท่ีมีฐานะยากจนและจำเป็นจะต้องรถเมล์ด้วย ใช้บริการแท็กซี่นั้นท่านยังจะได้ช่วยเหลือพขร.ท่ีเขาหาเช้ากินค่ำอีกด้วย

โดย: nanter58 IP: 115.87.149.162 วันที่: 6 มีนาคม 2555 เวลา:23:14:59 น.




ขอบคุณ คุณwee ที่แจ้งข่าวครับ.


ขอบคุณ คุณ: nanter58 ด้วยครับ
ผมก็เชื่อลูกที่ให้ขึ้นแท็กซี่แทนรถเมล์
วันนี้ก็ไปทำบุญ มาฆบูชา ที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์ ปากเกร็ด ทำบุญสามคน ๘๐๐ บาท เสียค่าแท็กซี่ไปกลับ
เกือบ ๓๐๐ บาทครับ.



โดย: เจียวต้าย วันที่: 7 มีนาคม 2555 เวลา:14:01:41 น.





Create Date : 14 มีนาคม 2555
Last Update : 14 มีนาคม 2555 6:34:15 น. 3 comments
Counter : 1626 Pageviews.

 
คุณลุงคะ อยากจะแนะนำเรื่องการไปธนาคาร เดี๋ยวนี้มีห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง ที่มีธนาคารต่าง ๆ ตั้งอยู่ รวมทั้งธนาคารออมสินด้วย เปิดทุกวันรวมทั้งวันหยุดราชการ ปิดก็เย็นประมาณสองทุ่ม ดังนั้นถ้าจะต้องไปถอนเงินออมสิน แล้วก็ข้ามไปอีกธนาคารอันตรายมาก ควรนั่งแท็กซี่ไปห้าง เข้าไปในห้างถอนเงินธนาคารหนึ่ง ก็เดินไปฝากอีกธนาคารหนึ่งซึ่งอยู่ภายในห้างได้โดยปลอดภัย ไม่ร้อน ไม่ต้องข้ามถนน นอกจากนี้ยังสามารถทำบุญโดยการโอนเงินทำบุญร่วมกับมูลนิธิที่น่าเชื่อถือ เช่น สภากาชาด มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ เป็นต้น หากต้องซื้อแครอท ก็แวะซื้อในซุปเปอร์มาเก็ต แล้วก็นั่งแท็กซี่กลับบ้าน แบบนี้น่าจะปลอดภัยกับชีวิตและทรัพย์สินมากกว่านะคะ ไม่ต้องไปเจอกับพวกมิจฉาชีพขอทานข้างทางด้วย ระวังตัวด้วยค่ะ


โดย: ด้วยคน IP: 202.60.207.154 วันที่: 14 มีนาคม 2555 เวลา:9:37:31 น.  

 
ขอบคุณอย่างยิ่งที่แนะนำครับ ผมไม่ค่อยได้เดินห้างก็เลยไม่ทราบเรื่องนี้ครับ

แต่ห้างใกล้บ้านเล็กไปนิดไม่มีธนาคารมาตั้งสาขาเลยครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 14 มีนาคม 2555 เวลา:11:57:16 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณปู่เจียวต้าย

หนูเป็นคนไม่ชอบทำบุญให้กับขอทานหรือปอเต็กตึ้งเลยค่ะ แหะๆๆ แต่ถ้ามีคนมาขอแบบคุณปู่เจอ หนูก็คงให้เพราะเขาเดือดร้อนจริงๆ

ส่วนตัวหนูคิดว่า การทำบุญที่ทำให้จิตใจมีความสุขคือการทำบุญที่แท้จริง ถ้ามีใครเข้ามาเหมือนจะบังคับอย่างเช่นปอเต็กตึ้งหลายคนชอบทำ แบบเรี่ยรายเงิน หนูรู้สึกทำแล้วไม่มีความสุขจึงไม่ทำเลยค่ะ ยกเว้นเจอพี่ๆที่เขาพูดดีมากๆจริงๆ

แต่การเดินทางเนี่ย หนูว่าควรเดินทางโดยใช้แท็กซี่หรือมีลูกหลานไปส่งดีกว่านะคะ

ดูแลสุขภาพด้วยค่ะ


โดย: สมาชิกหมายเลข 2659363 วันที่: 18 ตุลาคม 2558 เวลา:8:47:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.