ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บบอร์ด Thailand Aquatic Pets เว็บบล็อคสำหรับ คนรักสัตว์น้ำ ( และ สัตว์ที่อยู่ในน้ำ ) ประเทศไทยจ้า

7 เรื่องในห้องครัวที่อาจจะทำให้คุณอ้วนไม่รู้ตัว

"ห้องครัว" เป็นหัวใจหลักของบ้าน และบางทีก็เป็นสถานที่ที่ทำให้คุณอ้วนได้โดยไม่รู้ตัว รู้ไหมว่า หลาย ๆ อย่างในห้องครัว มีความเกี่ยวพันกับน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นมาได้ด้วย ลองไปดูกันว่า อะไรบ้างที่เป็นปฏิปักษ์ต่อน้ำหนักตัวของคุณ

1.จานอาหารขนาดใหญ่

ขนาดจานที่ใหญ่จะทำให้คุณทานมากขึ้น แน่นอนว่า น้ำหนักของคุณมีสิทธิ์จะพุ่งอย่างไม่น่าแปลกใจ โดยผลการศึกษาชิ้นหนึ่งในต่างประเทศ ระบุไว้ว่า หากจานของคุณเล็กลงกว่าเดิม 2 นิ้ว แคลอรีที่เข้าสู่ร่างกายของคุณจะน้อยลงถึงมื้อละ 22% ซึ่งนั่นหมายความว่า ใน 1 เดือน คุณจะสามารถลดน้ำหนักลงได้ถึง 2 ปอนด์เลยล่ะ

ทางแก้ไข

หันมาใช้จานเล็ก ๆ ถ้าจะทานอาหารที่มีแคลอรีสูง ส่วนจานใหญ่ ๆ ก็ให้ใส่พวกผักแทน นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำว่า ขนาดจานที่เหมาะสมที่สุดในการรับประทานอาหารก็คือ ประมาณ 10 นิ้ว เพราะถ้าขนาดจานเล็กเกินไป ก็อาจจะทำให้คุณไม่อิ่ม คิดจะขอจานที่สองตามมา ซึ่งนั่นไม่ได้ช่วยเรื่องการลดน้ำหนักแน่นอน


ห้องครัว


2.แสงไฟในห้องครัว

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ยิ่งแสงไฟนั้นมีกำลังวัตต์สูงเท่าไหร่ ความเครียดของคุณก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น แถมมันยังไปกระตุ้นความอยากอาหาร และเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณทานเร็ว และมากเกินขนาดปกติเสียด้วยสิ และแม้ว่าจะหรี่ไฟลงแล้ว ก็ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นหรอกนะ

ทางแก้ไข

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ขณะที่คุณกำลังทำอาหาร ให้เปิดแสงไฟได้เท่าที่คุณต้องการ แต่ในเวลาที่คุณทานอาหารควรปรับแสงไฟทั้งหมดภายในห้องไม่ให้มากเกิน 240 วัตต์ เช่น คุณอาจจะใช้หลอดไฟ 60 วัตต์ 4 ดวง หรือใช้หลอดไฟ 40 วัตต์ 6 ดวงก็ย่อมได้ แต่ถ้าเป็นหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ ปรับแสงไฟให้ได้รวมกันประมาณ 75-100 วัตต์ก็เพียงพอแล้ว

3.ห้องครัวรกเกินไป

ห้องครัวในหลาย ๆ บ้านก็มักเป็นเหมือนที่ทิ้งขยะ แล้วรู้ไหมว่า ห้องครัวที่ดูสกปรก เลอะเทอะ วางขนมนมเนยระเกะระกะไปทั่ว จะยิ่งทำให้คุณคว้าอาหารมาทานได้ง่ายขึ้นนั่นเอง นอกจากนั้นแล้ว สภาพที่ดูระเกะระกะไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย ยังทำให้ระดับของคอร์ติซอลในเลือดเพิ่มขึ้นได้ด้วย และทำให้เกิดอาการเครียดตามมา ทีนี้พอเครียดแล้วล่ะก็ ความหิวก็จะเริ่มถามหาแล้วล่ะ

ทางแก้ไข

ถึงเวลาต้องเก็บข้าวของให้เป็นระเบียบเรียบร้อยเสียที โดยการจัดพวกอุปกรณ์ครัวต่าง ๆ ไว้บนชั้นให้เป็นระเบียบเรียบร้อย จัดให้ส่วนที่ใช้เตรียมอาหารดูโล่งให้มากที่สุด นอกจากนี้ หากคุณจัดแบ่งระหว่างที่รับประทานอาหาร กับที่ประกอบอาหารให้เป็นสัดส่วนแยกออกจากกันให้ชัดเจน คุณจะให้ความสนใจกับการรับประทานอาหารที่อยู่ตรงหน้ามากกว่าเรื่องอื่น และจะสามารถจับสัญญาณได้เมื่อท้องอิ่มแล้ว แต่หากมีสิ่งใดเข้ามารบกวนการรับประทานอาหารของคุณ ผลการศึกษาก็ชี้ว่า มันจะทำให้คุณทานมากขึ้นกว่าเดิมอีก 15% เลยล่ะ


เคล็ดลับสุขภาพ



4.แก้วใบกว้าง...เปลี่ยนซะ

ยิ่งแก้วน้ำของคุณมีขนาดกว้างเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้คุณดื่มน้ำหวาน น้ำผลไม้ น้ำอัดลมมากกว่าการใช้แก้วใบสูงผอมแน่นอน นั่นเพราะว่า เรามักจะเทน้ำให้พอดีกับแก้ว อย่างเช่นผลการศึกษาในอเมริกาที่พบว่า ชาวอเมริกันที่ดื่มน้ำส้มด้วยแก้วน้ำใบใหญ่ทุก ๆ เช้า จะมีปริมาณแคลอรีเพิ่มขึ้นถึง 350 แคลอรีต่อวัน และนั่นอาจหมายถึงน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นปีละ 3 ปอนด์เลยทีเดียว

ทางแก้ไข

เปลี่ยนซะ!!! หันมาใช้แก้วใบผอม ๆ สูง ๆ แทน ส่วนแก้วใบใหญ่ ๆ ก็รินน้ำเปล่าธรรมดา หรือเครื่องดื่มที่ไม่มีแคลอรีลงไปแทน มันจะช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้ นอกจากนี้ ยังมีผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า คุณสามารถจะลดน้ำหนักลง 1 ปอนด์ได้ง่าย ๆ ภายใน 6 เดือน เพียงแค่ลดน้ำตาลที่เติมลงในเครื่องดื่มวันละ 1 ช้อนแค่นั้นเอง

5.ตู้กับข้าวใหญ่เกินไป

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ความจุของตู้กับข้าวมีผลต่อน้ำหนักของคุณด้วย เพราะนักวิจัยพบว่า หากตู้กับข้าวที่บ้านคุณใหญ่เกินไป คุณก็มีแนวโน้มจะซื้อกับข้าว หรือขนมนมเนยแพคใหญ่ ๆ แทนที่จะซื้อแพคเล็ก ๆ มาเก็บไว้ในตู้ได้มากขึ้น และเมื่อคุณมีวัตถุดิบพร้อมสรรพแล้วเสียขนาดนั้น นักวิจัยก็บอกว่า คุณมีแนวโน้มถึง 23% ที่จะทำอาหารหลากชนิดขึ้น ซึ่งยิ่งมีอาหารหลากหลายเมนูมากเท่าไหร่ แน่นอนว่าคุณจะทานอาหารได้เยอะขึ้นนั่นเอง ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น หากคุณเห็นคุกกี้ 4 แบบบนโต๊ะ คุณก็มีแนวโน้มจะหยิบมาลองชิมทั้ง 4 แบบ 4 ชิ้นใช่ไหมล่ะ นั่นล่ะจ๊ะเหตุผลเดียวกัน

ทางแก้ไข

พึงระวังการซื้อของที่แพคเป็นหลาย ๆ ชิ้นให้ดี นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณน้ำหนักเกิน เพราะฉะนั้น เวลาซื้อของ ให้เปลี่ยนไปซื้อแพคที่ชิ้นเล็กลง หรือซื้อเพียงชิ้นเดียวก็พอ และจำไว้ว่า หากสินค้าชนิดไหนมีหลากหลายรูปแบบ หลากรส หลากสี หลากกลิ่นให้เลือกสรร อย่าไปตกหลุมพรางเชียวล่ะ เลือกเพียงอย่างเดียวก็พอนะ


เกร็ดสุขภาพ

6.ห้องครัวกลายเป็นศูนย์รวมของบ้าน

นอกจากตู้กับข้าวที่ใหญ่เกินไปแล้ว ห้องครัวที่ใหญ่เกินไปก็อาจทำให้คุณอ้วนเอาได้ดื้อ ๆ เพราะยิ่งห้องครัวใหญ่เท่าไหร่ มันจะแปรสภาพจากห้องครัวเป็นสถานที่ทำกิจกรรมหลาย ๆ อย่างได้พร้อมกัน เช่น นั่งดูทีวีขณะนั่งรับประทาน หรือนั่งทำงาน คุยโทรศัพท์ไปพร้อม ๆ กับการทานอาหารเช้า แต่ผลการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า คนที่นั่งทานอาหารไปแล้วนั่งดูทีวีไปพร้อม ๆ กัน มีแนวโน้มจะทานอาหารบ่อยขึ้น และมากขึ้นกลายเป็นมื้อใหญ่พิเศษของวันได้เลย

ทางแก้ไข

ย้ายทีวี และโน้ตบุ๊กออกจากห้องครัวไปซะ หรือหากจะคุยโทรศัพท์ก็ไปนั่งคุยในห้องนั่งเล่นซึ่งไม่มีอาหารตั้งตรงหน้ามายั่วให้เราอยากทานไปพลางคุยไปพลางจะดีกว่า ที่สำคัญ อย่าลืมปิดไฟห้องครัวซะ ในช่วงที่ไม่ใช่เวลารับประทานอาหาร เพื่อส่งสัญญาณให้รู้ว่า ห้องครัวปิดแล้วนะจ๊ะ อย่าเข้าไปหาอะไรทานเสียล่ะ

7.ซื้อมาเก็บเยอะไป

การศึกษาจากมหาวิทยาลัยแอริโซน่า บอกว่า ทุก ๆ วัน เราจะต้องทิ้งอาหารลงขยะไปถึง 1 ใน 4 ของที่ซื้อมาเตรียมไว้ เหตุผลง่าย ๆ เลยก็คือ "ลืมทาน" และปล่อยมันทิ้งไว้ในตู้ หรือเก็บไว้ในที่ที่เราไม่ค่อยได้เห็น หรือนึกถึงมากนัก อย่างเช่นช่องแช่ผักในตู้เย็น ที่ทุกคนเข้าใจตรงกันว่า ช่องนี้จะช่วยถนอมอาหารให้สด เก็บไว้ได้นาน แต่หากคุณลืมเปิดช่องแช่ผักเสียล่ะ ยังไงซะอาหารพวกนั้นก็คงเน่าเสียก่อนเราได้หยิบออกมาปรุงทานแน่ ๆ

ทางแก้ไข

แค่คุณเปลี่ยนมาซื้ออาหารสัปดาห์ละครั้ง อย่าซื้อเก็บไว้ทีละมาก ๆ และพยายามเก็บอาหารไว้ในตู้เย็นที่ระดับสายตา หรือใส่ไว้ในถ้วยสวย ๆ หากเป็นอาหารที่ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้ในที่เย็นก็นำออกมาวางไว้บนโต๊ะในครัวก็ได้ สำหรับผักผลไม้โดยทั่วไปแล้วรสชาติจะเยี่ยมที่สุด หากเราวางไว้ในอุณหภูมิห้อง ไม่ว่าจะเป็นส้ม เกรปฟรุต มะม่วง หรือมะเขือเทศ

รู้ถึงหลุมพรางของห้องครัวแล้ว ก็อย่าลืมแก้ไขกันด้วยล่ะ จะได้ไม่ต้องมานั่งกลุ้มใจในยามที่เข็มบอกน้ำหนักเคลื่อนไปทางขวานะ


เครดิต : //www.kapook.com



*************************************************



ขอเชิญพี่ๆน้องๆเข้าชมเว็บบล็อค MyAqualove บล็อคสำหรับผู้ที่สนใจเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงมากมาย หลากหลายชนิด ถ้าพี่ๆน้องๆสนใจสามารถติดตามชมเว็บบล็อคนี้ได้ที่นี่ครับ

//myaqualove.blogspot.com/




 

Create Date : 29 กันยายน 2554   
Last Update : 5 ตุลาคม 2554 7:51:26 น.   
Counter : 1276 Pageviews.  

Fail จัดเต็มแบบขำๆ อิอิอิ : )

เหมือนจะน่ากลัวนะเนี่ย แอ๊บ ฟันกระต่ายด้วย



อย่าเลยโยม....มันบาป



ไม่ต้องติดก็ได้นะ....



แบบนี้หมาสีน้ำตาล ก็ไม่กัดซิเนาะ....






เครดิต : Fail.in.th




 

Create Date : 28 กันยายน 2554   
Last Update : 28 กันยายน 2554 15:44:48 น.   
Counter : 2292 Pageviews.  

งานศิลป์แกะสลักหินอ่อน เป็นเมืองแมนฮัตตันทั้งเมือง สวยจัง !!!

ดูเนื้อหางานแล้วละเอียดมากๆ คนทำนี่เขาคงต้องใช้ความอดทนมากมีเลยนะเนี่ย เก่งจริงๆเลยหนอ






เครดิต : postjung.com




 

Create Date : 28 กันยายน 2554   
Last Update : 28 กันยายน 2554 15:38:18 น.   
Counter : 1422 Pageviews.  

น่าทึ่ง !!! นักวิทย์มะกันวิจัยแมวเรืองแสง เพื่อเป็นแนวทางคิดยาต้านเอดส์สำเร็จ

อ่านแล้วเห็นว่าน่าสนใจดี เลยนำมาฝากกันครับ ซึ่งถ้ารักษาโรคนี้ได้จริงๆ
ก็น่าจะช่วยให้ผู้ที่ติดโรคด้วยความบังเอิญ หรือ สถานการณ์บังคับ เช่นการถูกข่มขืน หายจากฝันร้ายตลอดชีวิตได้ ขอให้สำเร็จเร็วๆด้วยเถิดหนอ : )

************************************************

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก presstv.ir, themarysue.com

รายงานจากเว็บไซต์เดลิเมลของอังกฤษ ระบุว่า นายอิริค พาชลา นักไวรัสวิทยา จากมาโยคลินิก รัฐมิเนโซตา สหรัฐฯ ประสบความสำเร็จในการตัดแต่งพันธุกรรมแมวให้มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือโรคเอดส์แมว (FIV - Feline Immunodeficiency Virus) โดยการตัดแต่งนำยีนต่อต้าน FIV จากลิงพร้อมกับยีนเรืองแสงจากแมงกะพรุนเรืองแสงมาไว้ในแมว ซึ่งความสำเร็จจากการทดลองครั้งนี้อาจนำไปสู่การพัฒนาเพื่อหาวิธีการต่อต้านเขื้อ HIV ในคนต่อไป

ทั้งนี้ มีเชื้อไวรัสโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ที่คล้ายคลึงกันอยู่ คือ FIV ซึ่งเป็นพบได้ในสัตว์ตระกูลแมว และเชื้อ HIV อันพบได้ในคนและลิง ซึ่งเชื้อทั้งสองตัวนี้จะไม่แสดงอาการใดหากไปตกอยู่กับโฮสต์ที่ไม่ตรงกับสายพันธุ์ของตัวเอง เพราะฉะนั้นคนหรือลิงจึงไม่มีทางติด FIV ในขณะที่แมวก็ไม่มีโอกาสติดเชื้อ HIV เช่นกัน

อย่างไรก็ตามทั้ง HIV และ FIV มีชีวเคมีที่คล้ายคลึงกันมากและก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยรูปแบบเดียว นักวิทยาศาสตร์จึงได้ทดลองนำ TRIMCyp ซึ่งเป็นโปรตีนที่ทำหน้าที่เป็นภูมิคุ้มกันที่ทำให้คนและลิงมีความต้านทานที่จะไม่ติดหรือได้รับผลกระทบใด ๆ จาก FIV มาตัดแต่งลงในแมว เพื่อให้แมวมีภูมิต้านทานโรคเอดส์ของสายพันธุ์ตัวเอง และได้เพิ่มยีนที่ทำให้เกิดการเรืองแสงซึ่งได้มาจากแมงกะพรุนเรืองแสงด้วย เพื่อช่วยให้สามารถสังเกตติดตามผลการทดลองได้ง่ายขึ้นด้วย โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ปลูกถ่ายยีนพิเศษเหล่านี้ลงไปในเซลล์ไข่ของแมวแม่พันธุ์ ซึ่งเมื่อได้รับการผสมแล้ว หากลูกแมวได้รับการถ่ายทอดยีนพิเศษนี้ไปก็จะมีภูมิคุ้มกันพิเศษซึ่งสามารถสังเกตทราบได้โดยลูกแมวเหล่านี้จะเรืองแสงได้เมื่อถูกแสงซึ่งมีรังสียูวีนั่นเอง

ตามข้อมูลที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Methods จากการทดลองนี้ทำให้ได้ลูกแมวที่มีภูมิคุ้มกัน FIV อยู่ในเนื้อเยื่อของร่างกายมา 3 ตัว จากทั้งหมด 5 ตัว (ตัวหนึ่งเสียชีวิตระหว่างคลอด อีกตัวหนึ่งเสียชีวิตหลังคลอดเนื่องจากร่างกายอ่อนแอ) โดยขณะนี้ทุกตัวอายุ 1 ขวบ และเรืองแสงสีเขียวอกมาเมื่อต้องกับรังสียูวี ซึ่งนับเป็นข่าวดีของนักวิทยาศาสตร์และวงการแพทย์ เพราะผลการทดลองนี้อาจนำไปสู่การหาวิธีรักษาและป้องกันโรคเอดส์ในคนต่อไป ซึ่งในปัจจุบันนี้มีผู้คนทั่วโลกราว 30 ล้านคนที่ติดเชื้อ HIV แต่ถึงกระนั้น การทดลองนี้นำมาซึ่งเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการละเมิดสิทธิสวัสดิภาพของสัตว์อย่างร้ายแรงเช่นกัน




 

Create Date : 28 กันยายน 2554   
Last Update : 28 กันยายน 2554 15:35:06 น.   
Counter : 1560 Pageviews.  

หนุ่มใส่ชุดเกราะติดหัวแพนด้า เสียสละให้คนต่อย เพื่อแก้ความเครียดให้ นับถือจริงๆ



อ่านแล้วทึ่ง ในความเสียสละ เพื่อสังคม ของชายหนุ่มคนนี้จริงๆหนอ ถึงแม้อาจจะดูแปลกๆ ไปบ้าง แต่ก็ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้อีกทางเหมือนกันนะครับ แต่ของไทยเราก็มีนะครับ มีลุงที่แต่งตัวประดับไฟเล็กๆ ให้น้องหมา แล้วพาเดินไปที่ต่างๆ เพื่อช่วยคลายเครียดให้ผู้คนไงครับ ผมก็เคยเห็นนะครับ คนที่เสียสละเพื่อสังคมแบบนี้ ดีจริงๆเลยหนอ

*************************************************

รียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก alltop.com, odditycentral.com


หนุ่มนิวยอร์ค ปิ๊งไอเดียใส่ชุดหมีแพนด้า ตระเวนให้คนต่อยระบายความโกรธ

เนต ฮิลล์ ศิลปินหนุ่มวัย 33 ปี แปลงร่างของเขาเป็นหมีแพนด้า โดยเสริมนวมบริเวณหน้าอกอย่างดี และห้อยนวมไว้ที่คอ ก่อนจะออกตระเวนไปตามถนนย่านยูเนียน สแควร์ ในมหานครนิวยอร์ก พร้อมกับตะโกนท้าทายให้ผู้คนริมถนนหันมาต่อยหมีแพนด้าไม่มีทางสู้ตัวนี้

แน่นอนเขาต้องการให้ผู้คนต่อย โดยไม่คิดโต้ตอบ เพียงเพื่อต้องการให้ผู้คนได้ระบายอารมณ์โกรธ หรือระบายเครียดจากเรื่องต่าง ๆ แม้จะไม่มีใครกล้าปล่อยหมัดใส่เขาในช่วงแรก ๆ แต่เมื่อมีหญิงสาวรายหนึ่งเริ่มต่อยเขาเบา ๆ จากนั้นอีกหลายสิบหมัดจากผู้คนหลายหน้าก็ตามมาต่อเนื่อง

ภารกิจช่วยชาวโลกให้อารมณ์ดีขึ้นของเขา ต่างทำให้ผู้คนประหลาดใจ แต่ก็ถือว่าสัมฤทธิ์ผลตามจุดประสงค์ เพราะชายหญิงที่ผ่านการรัวหมัดใส่หมีแพนด้าตัวนี้ ต่างเดินจากไปพร้อมรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ


อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของ เนต ฮิลล์ ก่อนหน้านี้เขาเคยสวมชุดหมีสีดำ ออกเดินไปตามถนนรับฟังเรื่องราวผิดหวังกับความรักของชาวเมือง เพื่อหวังบรรเทาความเจ็บปวดของพวกเขาเหล่านั้น

สำหรับการระบายความโกรธผ่านหมีแพนด้าในครั้งนี้ นอกจากจะบริการตามรายทางแล้ว เนต ฮิลล์ ยังมีบริการเดลิเวอร์ลี่ หากใครก็ตามต้องการระบายความขุ่นข้องหมองใจด้วยต่อยหมีแพนด้าหน้าบ้าน ก็สามารถส่งคำร้องขอไปถึงเขาผ่านทางทวิตเตอร์ได้ด้วยล่ะ

เครดิต : Kapook.com




 

Create Date : 27 กันยายน 2554   
Last Update : 27 กันยายน 2554 15:20:24 น.   
Counter : 2028 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  

เหมียวกุ่ย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




ยินดีต้อนรับพี่ๆน้องๆทุกท่านเข้าเยี่ยมชม เว็บบล็อคแห่งนี้ หวังว่าทุกท่านจะมีความสุขในการชมบล็อคของกระผมนะครับ










View My Stats
New Comments
[Add เหมียวกุ่ย's blog to your web]