ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บบอร์ด Thailand Aquatic Pets เว็บบล็อคสำหรับ คนรักสัตว์น้ำ ( และ สัตว์ที่อยู่ในน้ำ ) ประเทศไทยจ้า

ความเชื่อผิดๆเวลาเกิดน้ำท่วม เป็นห่วงครับ

ดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณบทความดี ๆ จากเฟซบุ๊ก Marketing Hub เขียนโดยคุณ @worawisut

ตายๆๆๆ น้ำจะท่วมแล้ว...เตรียมตัวพร้อมกันหรือยัง วางกระสอบทรายกั้นน้ำไว้ที่หน้าบ้านแน่นหนาพอไหม ซื้ออาหารการกินไว้บ้างหรือเปล่า ยกของขึ้นที่สูงหรือยัง อย่าลืมกรอกน้ำสะอาดใส่ขวดไว้ด้วย ถ้าน้ำมาก็ขึ้นไปอยู่ที่ชั้นสอง โอ๊ย! หลากหลายคำแนะนำที่ใคร ๆ ก็ต่างพากันชี้แนะ ในยามที่สถานการณ์น้ำดูทีท่าจะวิกฤติหนักใช่เล่น

แต่เราจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่าสิ่งเหล่านี้ คือ สิ่งที่ดีที่สุดหรือถูกต้องที่สุดแล้ว เพราะจากประสบการณ์ที่ใครหลายคนแนะนำ แต่เมื่อพบเจอจริง ๆ มันกลับใช้ไม่ได้ผล (ซะงั้น) เพราะฉะนั้น กระปุกดอทคอมไปเจอบทความดี ๆ จากเฟซบุ๊ก Marketing Hub ที่เขียนโดยคุณ @worawisut ที่บอกเล่าถึงความเชื่อผิด ๆ ในภาวะน้ำท่วม ที่เกิดขึ้นโดยตรงจากผู้ประสบภัย ซึ่งส่วนใหญ่มักจะ"เข้าใจผิด" หรือ "มีความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง" อาจเพราะขาดข้อมูลที่สำคัญ หรือพลาดข่าวสารต่าง ๆ และนำพามาซึ่งความชะล่าใจ ความประมาณ จนเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ... รวมถึงวิธีชี้แนะดี ๆ มาบอกกันด้วยค่ะ

น้ำท่วม

ความเชื่อผิด ๆ ในภาวะน้ำท่วม

ผมลองรวบรวมบทสนทนาจากผู้ประสบภัยที่เผยแพร่ตามสื่อต่าง ๆ ในรอบหลายวันที่ผ่านมาครับ ถ้านึกอะไรออกจะมาแก้ไขเพิ่มเติมเรื่อย ๆ ทั้งหมดนี้ จะเป็นประเด็นใหญ่ ๆ ที่หลายคน มักจะ "้เข้าใจผิด" หรือมีความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง ที่อาจจะมาจากการขาดข้อมูลที่สำคัญ ๆ การพลาดการติดตามข่าวสารต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้อาจจะนำพามาซึ่งความชะล่าใจ ความประมาท ซึ่งมันทำให้หลายคน "ชิบหาย" มาแล้ว เพราะคิดแบบนี้

1) ซื้อเสบียงมาแล้ว อยู่ได้เป็นเดือน โดนน้ำปิดทางเข้าออก ก็ไม่กลัว

หลายวันที่ผ่านมา ห้างค้าปลีกในกทม. มีแต่คนไปแย่งซื้อของ แย่งกันตุน ไม่ว่าจะเป็น เนื้อหมู ไข่ไก่ ผัก ผลไม้ มาม่า ปลากระป๋อง ข้าวสาร แน่นอนว่า การตุน ทำให้ทุกคนอุ่นใจ มีมาม่า 3 โหล มี ปลากระป๋องพอกินได้เป็นเดือนๆ

สิ่งเหล่านี้แทบจะหมดค่าไป ถ้าที่อยู่อาศัยของคุณถูกการไฟฟ้าตัดไฟ แล้วยังจะทำอะไรได้อีกครับ เจอแบบนี้? ถ้าอยู่บ้าน ก็โชคดีหน่อย เนื้อหมู ไข่ไก่ ข้าว สามารถหุงหรือทำให้มันร้อน สุก ได้โดยใช้เตาแก้ส แต่ถ้าอยู่คอนโด ชีวิตลำบากแล้วครับ เพราะนิติบุคคลคงไม่อนุญาตให้เราใช้เตาแก้สแน่นอน เพราะเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย แทบจะหมดโอกาสต้มมาม่า หุงข้าว เลยนะครับ

อย่างมากก็เอาขนมขบเคี้ยวมากิน (แล้วมันจะอิ่มมั้ย กินมากๆอันตรายต่อร่างกายด้วยนะครับ มีแต่แป้งกับไขมัน จากน้ำมันที่ทอด ยิ่งพวกมันฝรั่งทอดนี่ตัวดี) และอาจจะมีปลากระป๋องที่เปิดกินได้เลย ไม่ต้องผ่านกรรมวิธีการปรุงอะไร

อ้อ!! อย่าลืมนะครับ ไม่มีไฟฟ้า ตู้เย็นก็ไม่ทำงาน เสบียงที่ตุนมา ไม่ช้าก็เน่าเสีย คาตู้เย็นน่ะแหล่ะ และถ้าไฟดับ WiFi หรืออินเตอร์เน็ต ที่บ้านคุณก็ใช้ไม่ได้ทันที ทีวี วิทยุก็ใช้ไม่ได้ สิ่งที่คุณทำได้ คือ การใช้มือถือ หรือสมาร์ทโฟน ต่อเน็ต เพื่อเช็คข่าวสารต่าง ๆ

ซักสองสามทุ่ม แบตมือถือก็หมดแล้วครับ จะชาร์จ ก็ชาร์จไม่ได้ เพราะไม่มีไฟฟ้าให้ชาร์จ พอโทรศัพท์แบตหมด คุณก็จะถูกตัดขาดจากโลกภายนอกทันที คุณไม่สามารถโทรหาใครได้ และไม่มีใครโทรติดต่อหาคุณได้เช่นกัน ทีวี วิทยุ ก็ใช้ไม่ได้ คุณไม่มีโอกาสที่จะรู้ข่าวสาร ความเคลื่อนไหวทุกอย่างในโลกใบนี้ นึกถึงความรู้สึกตอนแบตมือถือคุณหมดสิครับ หงุดหงิด รำคาญใจมากขนาดไหน เล่น Facebook Twitter แก้เซ็งก็ไม่ได้ เพราะแบตมือถือหมดแล้ว แทบจะลงแดง แน่นอนว่า ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น คุณจะอาการหนักกว่านั้นอีกหลายเท่า

การใช้ชีวิตกับความมืด อากาศก็ร้อน แม้แต่พัดลมยังใช้งานไม่ได้ ให้ลองนึกภาพเวลาไฟดับ แค่ 2 ชั่วโมง เราก็แทบจะขาดใจ อากาศจะหายใจยังไม่ค่อยมี ยังร้อนอีก ใช้ชีวิตยากกว่าเดิม ลำบากกว่าเดิม หลายเท่า

และถ้าเลวร้าย ไฟดับเป็นอาทิตย์แบบแฟลตแถวดอนเมือง ที่ออกข่าวช่อง 3 ไป คิดว่าจะอยู่กันได้มั้ยครับ? 1 อาทิตย์ ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำใช้ ท่ามกลางน้ำสูงระดับ เอว ไปไหนกันไม้ได้ทั้งแฟลตเลย ท่ามกลางน้ำเน่าที่ท่วมรอบแฟลต ยิ่งถ้าถูกตัดน้ำ จะทำยังไงครับ? น้ำต้องใช้กิน ใช้ประกอบอาหาร คุณอาจจะตุนน้ำดื่มไว้ สามโหล พอกินไปเป็นเดือนๆ แต่น้ำที่ใช้อาบ ชำระร่างกาย หรือ เวลาขับถ่าย จะมีน้ำพอใช้รึเปล่า เราอาจจะไม่อาบน้ำได้เป็นอาทิตย์ๆ แต่เราก็ยังต้องขับถ่ายปกติ

รู้มั้ยครับว่า การกดชักโครกที น้ำหายไป 6 ลิตร เป็นอย่างน้อย (นอกจากใช้รุ่นประหยัดสุดๆ 4 ลิตร) ถ้าถูกตัดน้ำ ก็ทำธุระส่วนตัวแค่ทีเดียว กดน้ำทีกดเกลี้ยงแล้ว ครั้งต่อไป คุณจะทำยังไง เอาน้ำดื่มที่คุณตุนมาราด ต้องเสียไปครั้งละ 6 ขวดลิตรเลยนะครับ?

ทางแก้ คือ ถ่ายใส่ถุงดำที่เตรียมไว้ แต่ถ้าหลายวัน จะทนได้เหรอครับ ไม่มีรถขยะมาเก็บขยะให้เราแล้วนะ อย่าลืมว่า เพื่อนบ้านคุณ อาจจะไม่ได้ถ่ายใส่ถุงดำอย่างคุณ เค้าอาจจะใส่ถุงแล้วโยนทิ้งลงน้ำมาก็ได้ (ใครจะอยากเก็บไว้กับตัวเองล่ะ) สิ่งเหล่านี้มันก็จะลอยตามน้ำมา และอาจจะหยุดอยู่ที่บ้านคุณ (แค่คิดก็สยองแล้ว)

จะสยองกว่านี้อีกครับ เพราะระบบการระบายของบ้านและคอนโด จะทำงานไม่ได้ เพราะมันเต็มไปด้วยน้ำมากมาย เกิดอาการทะลักของสิ่งปฏิกูลในบ้านและคอนโด เพิ่มเข้ามาอีก

2) น้ำมา ก็ขึ้นไปอยู่ชั้น 2 ได้ บ้านมีหลายชั้น

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า น้ำที่ท่วม ไม่ใช่น้ำใส ๆ ครับ มันเป็นน้ำที่พัดมาจากไหนก็ไม่รู้ ทั้งดำทั้งเหม็น สิ่งปฏิกูลต่างๆก็อยู่ในนั้นแหล่ะ ไหนจะยุง งู ตะขาบ จระเข้ ซากหนูตาย หมาแมวที่จมน้ำตาย สารพัดจะลอยมากับน้ำ

นึกภาพเราหนีไปอยู่ชั้น 2 หนีออกไปไหนไม่ได้ ชั้น 1 ที่ท่วม เป็นน้ำกึ่งๆเน่า เหม็นก็เหม็น จะอยู่กับมันได้มั้ยครับ? และถ้ามันล้นขึ้นมาชั้นที่ 2 คุณจะยังมีชั้นที่ 3 ให้ขึ้นไปอยู่มั้ย ถ้าไม่มี แย่แล้วนะครับ เพราะถ้าล้นขึ้นมาอีก ตายสถานเดียว

ดูน้ำท่วมที่ บางบัวทองครับมิดหัวก็มี




3) ภัยจากน้ำ หลายคนคงจินตนาการว่า น้ำท่วม ก็คือ มีแต่น้ำ จะอันตรายก็แค่จมน้ำ

คิดผิดถนัดเลยครับ ในน้ำที่มาท่วมเนี่ย มีสัตว์เลื้อยคลานลอยตามมาด้วย สิ่งปฏิกูลสารพัด ก็ติดมาด้วย นึกภาพคุณกำลังว่ายน้ำอยู่ในสระใสๆ แล้วอยู่ๆมีก้อนเหม็นๆลอยมา ผะอืดผะอม อ้วกแตกกันหมด แต่น้ำที่มาท่วม หนักกว่านั้นเยอะครับ ไม่ต้องดม แค่เห็นหลายคนก็อาจจะแหวะ แล้วก็ได้

มีโรคเบสิค ๆ อย่างน้ำกัดเท้า หรือโรคร้ายแรงอย่างโรคฉี่หนู (Leptospirosis) ที่น่ากลัวมาก รุนแรงขนาดทำให้อวัยวะภายในล้มเหลว ถึงตายได้เลยทีเดียว ยังมีข่าวที่เราเห็นอยู่ทุกวัน คือ ข่าวคนโดนไฟดูดตาย ไฟฟ้ากับน้ำ นี่ไม่ถูกกันอย่างแรง และไฟฟ้า เป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็นด้วยสายตาอย่างพวกจระเข้ งู นะครับ น้ำที่ดูไม่มีอะไร แต่ถ้ามีไฟฟ้าเมื่อไหร่ ตายสถานเดียว ไม่มีใครช่วยคุณได้ (และก็เสี่ยงมากสำหรับคนที่จะเข้าไปช่วย)

4) ไม่ได้อยู่ในเขตเสี่ยง อีกนาน อยู่กรุงเทพมาเป็นสิบๆปี คงไม่ท่วมหรอก

รู้มั้ยครับ แผ่นดินไหว 8.9 ริคเตอร์ ที่ญี่ปุ่น จนเกิดสึนามึขนาดยักษ์เข้าถล่มประเทศ พังทุกอย่างจนราบ นั่นคือ แผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุด ครั้งแรก ในรอบ 300 ปี ของญี่ปุ่น

นิคมอุตสาหกรรมทั้ง 7 แห่งที่จมอยู่ตอนนี้ ตั้งแต่สร้างมา ไม่เคยโดนน้ำท่วมเลยนะครับ ปีก่อน จังหวัดอย่างนครราชสีมาหรือโคราชซึ่งเป็นที่ราบสูงกว่า กทม.มาก ปีที่แล้วน้ำท่วมหนัก ครั้งแรกในรอบ 100 ปี ก็เกิดขึ้นมาแล้วในช่วงชีวิตของเรา อาจจะไม่ได้เห็นภัยพิบัติ แต่ใช่ว่ามันจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลก และถึงจะไม่เคยเห็นมาก่อน ใช่ว่ามันจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้น ดังนั้น อย่าประมาทเด็ดขาด อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น

ดูคลิปของน้ำท่วมในหลาย ๆ พื้นที่ได้ครับ



เจอคนชิวๆ ไม่เตรียมอะไร นึกถึงพวกตัวละครที่ตายก่อนเพื่อนในหนังภัยพิบัติทุกเรื่องอ่ะ จะต้องมีไอ้ตัวนี้เป็นเหยื่อ (via @art3t)

5) รอน้ำมาก่อน ค่อยหนีก็ได้

เข้ากับสุภาษิตไทย "ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา" ความคิดแบบนี้เป็นความคิดที่แสดงถึงความประมาทอย่างมากครับ น้ำท่วม มาที ไม่ใช่แค่ไหลๆซึมๆ จะให้เราขับรถหนีไปแบบชิลล์ๆได้ น้ำมันมาทีมันมาแบบทะลัก ไหลมาด้วยปริมาณมหาศาลครับ บางที 10 นาที ท่วมไปครึ่งล้อรถ คือ ครึ่งชั่วโมง ท่วมมิดหัว แบบที่อยุธยาก็เกิดขึ้นมาแล้ว

ในเวลาแห่งความโกลาหล วินาทีวัดว่าจะตายหรือจะรอดเนี่ย คิดว่าจะมีเวลาเตรียมตัวอะไรมากมั้ยครับ น้ำมันไม่รอเราอยู่แล้ว ถึงเราจะเร็วแค่ไหน เชื่อมั้ยครับ คนแถวบ้านคุณมีอีกเป็นร้อย เป็นพันครอบครัว แย่งกันขับรถออกมา คิดว่าจะไปไหนได้ไกลมั้ยครับ

ถ้าน้ำท่วมขนาดนั้น ขับรถเร็วไม่ได้ หรืออาจจะขับไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แถมเสี่ยงเครื่องยนต์ดับอีกต่างหาก (ซึ่งถ้ามันดับ คุณจะอยู่รอตายไปกับรถ เพราะเสียดายรถ หรือ จะทิ้งรถแล้วหนีเพราะเสียดายชีวิต) ความโกลาหล จะเป็นอุปสรรคสำคัญในการเอาชีวิตรอดครับ ยิ่งถ้าคุณไม่ใช่ตัวคนเดียว มีลูก มีครอบครัว มีพ่อแม่ มีคนสูงอายุ มีหมาแมว ลองคิดดูครับ ว่าคุณจะหนียังไง

ปกติ คุณอาจจะมีรถเก๋งคันเดียว ไม่เคยมีคนนั่งไปครบสมาชิก ที่ต้องการความจุระดับรถตู้ ใครจะเป็นคนหนี แล้วคนที่เหลือทำยังไง คิดกันรึยังครับ?ถ้าหวังความช่วยเหลือจากทางการ ที่อาจจะมาหรือไม่มาทันเวลาก็ได้ ปัญหาที่ผมได้ยินมา คือ รถ 6 ล้อของทหาร สูงมาก คนแก่ปีนขึ้นไม่ไหว ต้องใช้คนแบกขึ้นไป ไหนจะลูกเล็กๆ ตัวเปี๊ยกๆ อีกล่ะ?ตัวคนเดียว หนีไม่ยากหรอกครับ แต่ต้องเป็นห่วงความปลอดภัยของชีวิตคนที่คุณรักด้วย

และบางทีอาจจะเป็นการสร้างความลำบากให้กับทีมผู้ช่วยเหลือ แทนที่เค้าจะไปช่วยเหลือคนอื่น ที่โอกาสเป็นตายเท่าๆกัน อาสาสมัครหลายคนต้องมาเสียเวลาช่วยแต่ครอบครัวคุณ ปัญหาเหล่านี้ เกิดจากการตัดสินใจที่ช้าเกินไป ในการตัดสินใจของเรารึเปล่า ลองคิดดูให้ดีนะครับ

ลองดูคลิปนี้นะครับ ดูว่าระดับน้ำเวลามันมา จะเป็นยังไง



6) ก่อกำแพง กระสอบทรายหน้าบ้านแล้วรอด

การแก้ปัญหาน้ำ ย่อมแตกต่างกันไปในแต่ละที่ ใช้วิธีแก้ไขที่ไม่เหมือนกัน แล้วแต่ลักษณะทางภูมิศาสตร์ล้อมรอบ ซึ่งต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ ในการแก้ปัญหา เราไม่ใช่ผู้รู้ขนาดนั้น รู้แค่ว่าจะกั้นไม่ให้มันเข้ามาบ้านยังไง แค่นั้นเอง ซึ่งไม่พอครับ

ทางที่น้ำจะมา ไม่ใช่มีแค่หน้าบ้านเท่านั้นนะครับ รอบบ้านคุณป้องกันดีแค่ไหน ที่สำคัญ น้ำมันจะทะลักมาทางท่อครับ ท่อระบายน้ำในบ้านของคุณ ไม่ใช่แค่ซึมๆนะครับ แต่ในระดับ "ทะลัก" ซึ่งถ้าคุณไม่ได้ป้องกันไว้ บ้านคุณไม่เหลือแน่ ไม่มีทางป้องกันทัน เพราะมันจะเร็วจนตั้งตัวไม่ติด และความดันน้ำที่มา มีพลังสูงมากครับ ที่เค้าเรียกกันว่า "มวลน้ำ" ที่เห็นในข่าว นิคมต่างๆที่มีการป้องกันที่หนาแน่น คันป้องกันน้ำ มันพังได้ยังไง

มันพังได้ก็เพราะพลังจากแรงดันของน้ำ ที่จะคอยกัดเซาะ สิ่งที่กีดขวางมันอยู่ แค่ลำพังกระสอบทราย คงป้องกันได้ระดับนึงเท่านั้น พวกนิคมต่างๆที่พัง เพราะ คันกั้นน้ำ อ่อนแอ (เพิ่งสร้าง คล้ายๆกับกำแพงที่เพิ่งก่อ ปูนย่อมไม่แห้งดี ประมาณนั้น)

และการที่หยุดมวลน้ำเหล่านี้ไว้ด้วยวิธีกั้น มันจะสะสมพลังงานไว้ พอได้ระดับนึง ก็จะเซาะสิ่งที่ปิดกั้นมันพังได้ (ซึ่งการปล่อยระบายบางส่วน คือ การลดพลังงานที่สะสมไว้) ขนาดนิคม ยังกั้นไม่ได้ อย่าได้คิดว่า แค่กระสอบทรายหน้าบ้านที่คุณกรอกเอง หรือซื้อเค้ามา จะช่วยอะไรได้นะครับ

ลองดูคลิบนี้ได้ครับ "น้ำท่วมนวนคร" ทั้งการทะลักของน้ำ และความโกลาหลที่เกิดขึ้น



ชีวิตทั้งชีวิตของเราและครอบครัว อย่าผูกมันไว้กับเงิน งาน ทรัพย์สินต่าง ๆ ไม่ต้องไปเสียดาย ไม่ต้องไปอาลัย ของแบบนี้ แม้ว่าจะดูพูดง่าย ตัดใจยาก แต่อย่าไปยึดติดนะครับ

สตีฟ จ๊อบส์ ผู้ก่อตั้งบริษัท Apple ผู้ล่วงลับ เคยกล่าวเอาไว้ว่า "เราจะรู้ว่าอะไรสำคัญที่สุดในชีวิต ก็ต่อเมื่อเรากำลังจะตาย"

ณ ช่วงวินาทีสำคัญของชีวิต สิ่งสำคัญที่สุดของคุณคือ "ความสำคัญของการมีชีวิตอยู"ไม่ใช่ รถ บ้าน ทรัพย์สินเงินทอง เหล่านี้

-----------------------------------------------------

ผมรวบรวม ทวีต จาก เพื่อนผม (คุณ @art3t) ที่รอดชีวิตหวุดหวิด จากเหตุน้ำท่วม ที่ราชพฤกษ์ครับ ตื่นมาอ่านสภาพทั่วไปในกทม.วันนี้ พบว่า มันเริ่มความแย่ขั้นน่ากลัวมาก ใครพร้อมแล้ว ออกมาเลยครับ ออกมาจากกทม.กันเถอะ "ขอรณรงค์"

เจอคนชิว ๆ ไม่เตรียมอะไร นึกถึงพวกตัวละครที่ตายก่อนเพื่อนในหนังภัยพิบัติทุกเรื่องอ่ะ จะต้องมีไอ้ตัวนี้เป็นเหยื่อ ถ้าคิดว่าน้ำท่วมมันไม่เป็นไร อย่าลืมนึกถึงคนที่เรารักด้วย พ่อแม่พี่น้อง,แฟน,ลูก,หมาแมว เกิดปัญหา มีปัญญาดูแลมั๊ย? ย้ายพวกเค้าก่อน

ตอนนี้อย่างพื้นที่บางบัวทอง มีอีกเยอะมากที่การช่วยเหลือไปไม่ถึง เพราะตอนมีปัญหา ย้ายออกไม่ทันและไม่คิดก็ออกก็เยอะ เพราะคิดว่าท่วมนิดเดียว หลายจุดที่บางบัวทองไม่เคยท่วมมาก่อน ชุมชนในนั้นเป็นชุมชนที่อยู่กันมาเก่าแก่ ก็ยิ่งไม่คิดว่าจะท่วมอะไรมากมาย คนแก่ก็เยอะ ที่เป็นห่วงบ้าน บางบัวทองมีอาการท่วมก่อนหน้าที่จะหนักๆหลายระลอก แต่ก็ยังอยู่กันได้ ชาวบ้านก็ยิ่งคิดว่าจะอยู่กันต่อไป ช่วยกันกั้นน้ำก็คงไหว

สุดท้ายคือ รอบหลังนี่ น้ำมาจากฝั่งปทุมฯ มาถึงถนน 345 เป็นถนนใหม่ที่ใครๆก็คิดว่า "จะท่วมได้ยังไง?" แต่มันก็ท่วมสูงเป็นเมตรภายในเวลาวันเดียว

ผมรวบรวม ทวีต จาก เพื่อนผม (คุณ @art3t) ที่รอดชีวิตหวุดหวิด จากเหตุน้ำท่วม ที่ราชพฤกษ์ครับ ตื่นมาอ่านสภาพทั่วไปในกทม.วันนี้ พบว่า มันเริ่มความแย่ขั้นน่ากลัวมาก ใครพร้อมแล้ว ออกมาเลยครับ ออกมาจากกทม.กันเถอะ "ขอรณรงค์"

เจอคนชิว ๆ ไม่เตรียมอะไร นึกถึงพวกตัวละครที่ตายก่อนเพื่อนในหนังภัยพิบัติทุกเรื่องอ่ะ จะต้องมีไอ้ตัวนี้เป็นเหยื่อ ถ้าคิดว่าน้ำท่วมมันไม่เป็นไร อย่าลืมนึกถึงคนที่เรารักด้วย พ่อแม่พี่น้อง,แฟน,ลูก,หมาแมว เกิดปัญหา มีปัญญาดูแลมั๊ย? ย้ายพวกเค้าก่อน

ตอนนี้อย่างพื้นที่บางบัวทอง มีอีกเยอะมากที่การช่วยเหลือไปไม่ถึง เพราะตอนมีปัญหา ย้ายออกไม่ทันและไม่คิดก็ออกก็เยอะ เพราะคิดว่าท่วมนิดเดียว หลายจุดที่บางบัวทองไม่เคยท่วมมาก่อน ชุมชนในนั้นเป็นชุมชนที่อยู่กันมาเก่าแก่ ก็ยิ่งไม่คิดว่าจะท่วมอะไรมากมาย คนแก่ก็เยอะ ที่เป็นห่วงบ้าน บางบัวทองมีอาการท่วมก่อนหน้าที่จะหนักๆหลายระลอก แต่ก็ยังอยู่กันได้ ชาวบ้านก็ยิ่งคิดว่าจะอยู่กันต่อไป ช่วยกันกั้นน้ำก็คงไหว

สุดท้ายคือ รอบหลังนี่ น้ำมาจากฝั่งปทุมฯ มาถึงถนน 345 เป็นถนนใหม่ที่ใคร ๆ ก็คิดว่า "จะท่วมได้ยังไง?" แต่มันก็ท่วมสูงเป็นเมตรภายในเวลาวันเดียว

และสุดท้าย บางบัวทองก็จมทุกพื้นที่ แม้แต่หมู่บ้านราคา 20 ล้าน ที่ใคร ๆ ก็คิดว่า "จะท่วมได้ยังไง?" บางหมู่บ้าน ท่วมไป 3 รอบในเดือนเดียวด้วยซ้ำ ที่สำคัญกว่าน้ำท่วมก็คือ หมาแมว,คนแก่,เด็ก ที่ดูแลตัวเองยังลำบาก พอติดอยู่ท่ามกลางน้ำที่เน่า,เสี่ยงไฟดูด จะอยู่กันยังไง? ซึ่งมีมากในพื้นที่

ปัญหาตอนนี้คือ เจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปช่วยเหลือคนเหล่านี้เป็นหลัก คนแก่,เด็ก,หมา ที่ยังมีอีกมากที่เข้าไปไม่ถึง ไม่ได้ข้าว ไม่ได้น้ำ ลองคิดดูว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในพื้นที่กว้าง ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง มีถนนสิบกว่าเลน แต่กลายเป็นอัมพาตหมด แล้วถ้ามันเกิดขึ้นในกทม.ล่ะ? ...อย่าเป็นภาระกับการช่วยเหลือเลย ใครที่มีโอกาสออกมาได้ ก็ออกมาเถอะ การช่วยเหลือคนอื่นจะได้ง่าย อย่าไปเสี่ยงเลย คิดถึงคนที่เรารัก อย่าไปห่วงสมบัตินัก ไม่ตายก็หาใหม่ กลับมาซ่อมได้ แต่คนที่เรารัก ป่วย,โดนไฟดูด มันคุ้มกันมั๊ย? ออกมากันเถอะ...สงสารหมาแมว ยิ่งแมวมันตื่นน้ำกว่าหมาเยอะ จับก็ไม่ได้ ทั้งกัดทั้งข่วน ลองคิดถึงจังหวะชุลมุน ต้องไล่จับแมวสิ..สัตว์ถึงโดนทิ้งไม่รู้เท่าไหร่

มีหลายคนที่ไม่ยอมออกเพราะคนรอบข้างพูดว่า "บ้านไม่ได้อยู่ในพื้นที่เสี่ยง"..ทำความเข้าใจใหม่ครับ.. กทม.คือพื้นที่เสี่ยง น้ำท่วมครั้งนี้ ทำให้เห็นว่า คนกรุงผูกชีวิตตัวเองไว้กับงาน กับเงิน กับของนอกกายในเมืองซะจนแยกเอาความสำคัญของการมีชีวิตไม่ออก

--------------------------------------------------------

หมายเหตุ

ผมตั้งใจเขียนบทความนี้ เผื่อ "กระตุกความคิด" ของคนที่ได้อ่าน ให้เกิดความตื่นตัว

หลายคนก็ประสบปัญหา อยากจะหนี แต่ก็หนีไม่ได้ ด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง ซึ่งตัวเองแม้จะรู้เหตุผล แต่ก็จำนนต่อความไม่ร่วมมือของคนในครอบครัว หลายคน อาจจะบอกว่า พูดง่าย แต่ทำยาก แต่ถ้าสถานการณ์จำเป็น สิ่งที่ต้องทำ คือ "ตัดสินใจ" และ ตัวท่านเอง ต้องไม่ยอมแพ้ที่จะชี้แจง เกลี้ยกล่อม ขอร้อง พยายามให้เต็มที่ ดีกว่ามานั่งเสียเใจภายหลัง ถ้าคุณไม่ได้ทำมัน....และคุณจะไม่สามารถเรียกร้องอะไรที่สูญเสียกลับมาแล้วได้อีกเลยชั่วชีวิต

from ... @worawisut

--------------------------------------------------------

ปัญหาและความจำเป็นของหลาย ๆ คน

1. ติดงาน ที่ไม่สามารถละทิ้งได้ หรือ เป็นงานที่ต้องมีความรับผิดชอบสูงมาก

2. พ่อ แม่ และสมาชิกในครอบครัว ไม่ยอมไป

3. บ้านคือทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต

4. ไม่มีที่ไป

ลองชั่งใจดูครับ ว่าสิ่งไหน ที่คิดว่าเราพอจะจัดการกับมันได้ ก็รีบหาวิธีจัดการ ถ้าเหตุผลเหล่านี้ ทำให้ท่านจำเป็นต้องต่อสู้กับน้ำ ก็ขอให้วางแผนจัดการชีวิตตัวเอง และสมาชิกในครอบครัวด้วย อย่าคิดว่าตัวเองรับมือได้แต่ฝ่ายเดียว เพราะคนอื่นก็จะเดือดร้อนลำบากด้วยเช่นกัน

ทางหนีทีไล่ แผน 1 แผน 2 เตรียมการไว้เลยครับ เกิดเหตุปั๊บ ถ้ารู้ตัวว่ารับมือไม่ไหว ท่านก็คงต้องเลือกแล้วว่า เพื่อรักษาชีวิตของตัวท่านเอง ท่านควรจะต้องทำอะไรต่อไป

ลองชั่งใจดูครับ ว่าสิ่งไหน ที่คิดว่าเราพอจะจัดการกับมันได้ ก็รีบหาวิธีจัดการ....ถ้าเหตุผลเหล่านี้ ทำให้ท่านจำเป็นต้องต่อสู้กับน้ำ ก็ขอให้วางแผนจัดการชีวิตตัวเอง และสมาชิกในครอบครัวด้วย อย่าคิดว่าตัวเองรับมือได้แต่ฝ่ายเดียว เพราะคนอื่นก็จะเดือดร้อนลำบากด้วยเช่นกัน

ทางหนีทีไล่ แผน 1 แผน 2 เตรียมการไว้เลยครับ เกิดเหตุปั๊บ ถ้ารู้ตัวว่ารับมือไม่ไหว ท่านก็คงต้องเลือกแล้วว่า เพื่อรักษาชีวิตของตัวท่านเอง ท่านควรจะต้องทำอะไรต่อไป

เครดิต : //aqua.c1ub.net/forum/index.php?topic=156222.0


Create Date : 31 ตุลาคม 2554
Last Update : 31 ตุลาคม 2554 8:30:55 น. 3 comments
Counter : 1451 Pageviews.  

 
เฮ้อ......


โดย: usakhae_177 วันที่: 31 ตุลาคม 2554 เวลา:10:34:32 น.  

 
จะไปอยู่ที่จังหวัดไหนดีล่ะ
มีหมาอีก 3 ตัว (ใหญ่ 2 เล็ก 1) คงทิ้งเขาไม่ลง
ลาดพร้าวคงไม่สาหัสเท่าที่อื่น
ก็ยังคิดบวกอยู่ แต่ก็คิดเช่นกันว่าถ้าร้ายแรงที่สุด จะทำยังไง
จัดกระเป๋าไว้ พร้อมเอกสารสำคัญด้วยแล้ว รอดูสถานการณ์น้ำทุกวัน
ไม่เครียดนัก แต่ฟังข่าวไปด้วย ก็วิเคราะห์ไปด้วย
ซอยที่อยู่สูงกว่าถนน 1เมตร ก็ว่าน่าจะรอดจากน้ำเข้าบ้าน
แต่ก็กั้นประตูบ้านไว้ด้วยถุงทราย และดูท่อน้ำทิ้งด้วยว่าจะอุดมันอย่างไร
และรูน้ำที่อาจพุดขึ้นมาได้
พยายามคิดช่วยตัวเอง มากกว่าว่าจะเป็นภาระของคนอื่น



โดย: ธารน้อย วันที่: 31 ตุลาคม 2554 เวลา:20:38:13 น.  

 
เพิ่มเติมว่า เห็นด้วยอย่างยิ่งกับบทความของคุณ @Worawusut
ขอบคุณที่ให้ข้อคิดจากประสบการณ์จริง


โดย: ธารน้อย วันที่: 31 ตุลาคม 2554 เวลา:20:45:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เหมียวกุ่ย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




ยินดีต้อนรับพี่ๆน้องๆทุกท่านเข้าเยี่ยมชม เว็บบล็อคแห่งนี้ หวังว่าทุกท่านจะมีความสุขในการชมบล็อคของกระผมนะครับ










View My Stats
New Comments
[Add เหมียวกุ่ย's blog to your web]