วิธีแก้ปัญหาหากลูกเป็นเด็กชอบโชว์ 1.สอนลูกให้รักดี ความรักดีเกิดจากการปลูกฝังของพ่อแม่และบุคคลใกล้ชิด เช่น คุณครู การสอนให้ลูกรักดี คือ สอนให้เขารักในการคิดในสิ่งที่ดี ทำในสิ่งที่ดี ที่เป็นประโยชน์ที่จะสร้างให้เกิดความเจริญก้าวหน้าทั้งแก่ตนเอง ครอบครัวและสังคม สิ่งใดที่จะทำให้ตกต่ำ เสื่อมถอย ไร้สาระหรือมีแต่จะสร้างความเสียหาย ให้รู้จักหลีกเลี่ยงสิ่งนั้น นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่ต้องสอนให้ลูกรู้จักรักและเห็นคุณค่าในตัวเองด้วย อย่าลืมว่าเมื่อมีคนชอบก็ต้องมีคนไม่ชอบ เมื่อมีคนชื่นชมก็ต้องมีคนดูถูก เมื่อไม่อยากให้ใครคิดไม่ดีกับเรา เราก็ต้องทำตัวเองไม่ให้เขาว่าเราได้? แม้เด็กสมัยนี้จะสอนยากเพราะเขามีความคิดความอ่านเป็นของตัวเอง แต่ไม่มีอะไรเกินกำลังของคนเป็นพ่อแม่หรือคุณครูไปได้ * ทางที่ดีที่สุดที่จะสอนให้ลูกรักดีคือหาตัวอย่างให้ลูกดู เพราะเด็กวัยรุ่นถ้าไม่ได้เห็นกับตามักจะไม่เชื่อ เช่นหาข่าวเกี่ยวกับเด็กชอบโชว์อวัยวะซึ่งมีบทวิจารณ์หรือการแสดงความคิดเห็นของคนในสังคมให้ลูกได้อ่าน เมื่อเขาอ่านเขาจะได้รับรู้ว่าหากเขาทำเช่นนั้นก็จะมีแต่เสียหาย เพราะคนส่วนมากก็เห็นว่าการกระทำนั้นไม่ดี 2.สอนลูกโดยเป็นตัวอย่างที่ดี พ่อแม่คือคนที่ใกล้ชิดกับลูกที่สุด ดังนั้น พ่อแม่จึงต้องกระทำสิ่งที่ดีและเหมาะสมให้ลูกเห็นเป็นแบบอย่าง หากไม่อยากให้ลูกเป็นคนชอบโชว์ คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย รู้กาลเทศะ มีกิริยาท่าทางเป็นที่น่าชื่นชมของผู้อื่นและประพฤติตนโดยไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีงามของสังคมไทย * เมื่อลูกเห็นตัวอย่างที่พ่อแม่ทำและพ่อแม่คอยเอาใจใส่ลูก ลูกก็จะประพฤติดีตาม 3.สอนลูกให้คิดถึงอนาคต เด็กสมัยนี้อยู่กับปัจจุบันมากกว่าอนาคต มักไม่ค่อยคิดถึงอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ลูกรู้ว่าชีวิตของลูกต้องเติบโตต่อไป ต้องทำงาน ต้องมีครอบครัวและอาจมีลูกต้องเลี้ยงดูในภายภาคหน้า ความเสียหายที่เราสร้างในวันนี้จะมีผลต่ออนาคตไม่มากก็น้อย ยิ่งสมัยนี้หากใครทำอะไรไม่ดีที่ไหน ก็มักจะมีคนรู้คนเห็นมากมายเป็นหมื่นเป็นแสนคนและมีหลักฐานเก็บบันทึกไว้มัดตัวเราไปตลอด เป็นทั้งไฟล์ เป็นทั้งคลิป เป็นทั้งซีดี ดูกันได้หลายรอบ บางทีเดินไปไหนก็มีคนจำได้ว่าเป็นคนนั้นคนนี้ที่เคยโชว์อวัยวะที่นั่นที่นี่ ภาพเหล่านี้จึงอาจติดตัวเด็กไปตลอด จนอาจจะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตต่อไปได้ 4.เมื่อทำผิดต้องทำโทษ พ่อแม่บางคนกลัวการทำโทษลูกเพราะเดี๋ยวลูกไม่พอใจจะเตลิดกันไปใหญ่ แต่การทำโทษคือการสั่งสอนให้ลูกได้รู้ถึงความผิดของตนเองและได้รู้ว่าเมื่อทำสิ่งใดที่ไม่ดีไม่เหมาะสมก็จะต้องชดเชยความผิดนั้น * การทำโทษไม่ควรใช้วิธีรุนแรงและพิจารณาตามลักษณะนิสัยของลูกเป็นสำคัญ บางคนอาจให้ลูกอยู่ในบริเวณจำกัด เช่น อยู่แต่ภายในบริเวณบ้านไม่ให้ออกไปข้างนอก ให้ทบทวนความผิดของตนเองและมาสารภาพความผิดนั้น บางคนอาจให้ทำงานบ้านเพิ่มมากขึ้นก็เป็นวิธีการทำโทษได้อย่างหนึ่ง 5.หากิจกรรมที่มีประโยชน์ให้ลูกทำ หากพอมีเวลา แทนที่จะปล่อยให้ลูกทำสิ่งไร้สาระก็พาเขาออกไปทำกิจกรรมเพื่อสังคมบ้าง เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้ชีวิตของผู้อื่น เช่น ไปเป็นอาสาสมัครตามสถานสงเคราะห์ต่างๆ เช่น บ้านเด็กอ่อน บ้านเด็กพิการซ้ำซ้อน บ้านพักคนชรา กิจกรรมเหล่านี้จะบ่มเพาะให้ลูกมีจิตใจที่ดีงาม คิดแต่ในสิ่งที่ดี ทำแต่ในสิ่งที่มีประโยชน์ และจะช่วยสอนให้ลูกรู้ว่าชีวิตไม่ได้มีแค่การสนุกไร้สาระไปวันๆ เท่านั้น ผู้เขียนอยากให้คุณพ่อคุณแม่ทุกคนเข้าใจว่า แม้บางครั้งลูกเราอาจทำสิ่งใดที่ผิดพลาดไปหรือก่อความเสียหายอะไรมาก็แล้วแต่ เมื่อเรารู้ถึงความเสียหายนั้นให้เราแก้ไข ให้นึกถึงอนาคตที่สวยงามของลูก อย่าปล่อยปละละเลยเพราะเห็นไม่สำคัญหรืออย่าคิดว่าไม่เห็นเป็นอะไร และที่สำคัญที่สุดมากกว่าการแก้ไขคือการป้องกันด้วยความรักและความเอาใจใส่ เชื่อว่าลูกของเราจะเป็นเด็กที่น่ารักและมีความประพฤติที่ดีงามอย่างแน่นอน |