ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บบอร์ด Thailand Aquatic Pets เว็บบล็อคสำหรับ คนรักสัตว์น้ำ ( และ สัตว์ที่อยู่ในน้ำ ) ประเทศไทยจ้า

50 อาหารเช้ายอดเยี่ยมของโลก แฮ่ น่ากินจัง

worlds_50_best_breakfasts

เว็บท่องเที่ยว HostelBookers คัดสรรอาหารเช้าแสนอร่อยจากทั่วทุกมุมโลก กาแฟกับปาท่องโก๋น้ำมันเยิ้มจากไทยแลนด์จะติดอันดับกับเค้ามั้ยน้อ …

english_breakfast

England

photo by Lunamoth16

american_breakfast

America

photo by JenCooks

french_breakfast

France

photo by Pierre Oliver

german_breakfast

Germany

photo by withassociates

Danish breakfast

Denmark

photo by adactico

irish_breakfast

Ireland

photo by joelogon

italian_breakfast

Italy

photo by Libero

canadian_breakfast

Canada

photo by Calgary Reviews

swedish_breakfast

Sweden

photo by terren in Virginia

australian_breakfast

Australia

photo by s2art

brazilian_breakfast

Brazil

photo by Ewan-M

mexican_breakfast

Mexico

photo by Jeff K

russian_breakfast

Russia

photo by Tasterussian

scottish_breakfast

Scotland

photo by david.nikonvscanon

spanish_breakfast

Spain

photo by jlatras

vietnamese_breakfast

Vietnam

photo by avlxyz

alaskan_breakfast

Alaska

photo by adactio

welsh_breakfast

Wales

photo by Remy Sharp

argentinian_breakfast

Argentina

venezuelan_breakfast

Venezuela

photo by stu_spivack

ugandan_breakfast

Uganda

photo by Wong Li Lhen

turkish_breakfast

Turkey

photo by pocketcultures

portuguese_breakfast

Portugal

photo by retinafunk

bahamas_breakfast

Bahamas

photo by Lola Red Blog

polish_breakfast

Poland

photo by Kitchen Chick

belize_breakfast

Belize

photo by Travellious

philippine_breakfast

Philippine

photo by Supafly

chinese_breakfast

China

photo by Prince Roy

bolivian_breakfast

Bolivia

photo by What’s Cooking in Your World?

korean_breakfast

Korea

photo by avlxyz

icelandic_breakfast

Iceland

photo by Serious Eats

egyptian_breakfast

Egypt

photo by goblinbox (queen of ad hoc bento)

hungarian_breakfast

Hungary

photo by robot-girl

indian_breakfast

India

photo by arvindgrover

colombian_breakfast

Colombia

photo by manuela y daniel

peruvian_breakfast

Peru

photo by Adrimcim

japanese_breakfast

Japan

photo by avlxyz

pakistani_breakfast

Pakistan

photo by rosemilkinabottle

moroccan_breakfast

Morocco

photo by Michael Osmenda

jordanian_breakfast

Jordan

photo by FivePrime

malaysian_breakfast

Malaysia

photo by ~MVI~ (shooting with a busted kit lens)

mongolian_breakfast

Mongolia

photo by clgregor

costa_rican_breakfast

Costa Rica

photo by arvindgrover

iranian_breakfast

Iran

photo by Kamshots

cuban_breakfast

Cuba

photo by DareDevel7

hawaiian_breakfast

Hawaii

photo by Kimubert

dominican_breakfast

Dominican

photo by Yuca Diaries

ghanaian_breakfast

Ghana

photo by Robboppy

estonian_breakfast

Estonia

photo by Nami-Nami

thai_breakfast

Thailand

ไทยดูเหมือนจะมั่วอะ แล้วไทยน่าจะเป็นอะไรน๊าาาา

photo by Kojach

*

Written by Victoria Philpott

*

[HostelBookers via My Modern Metropolis]

ที่มา: //www.poppaganda.net/




 

Create Date : 22 พฤษภาคม 2556   
Last Update : 22 พฤษภาคม 2556 10:17:25 น.   
Counter : 2057 Pageviews.  

“ข้าวนาปู” ข้าวออร์แกนิกส์ที่บูมที่สุดในหนิงเซี่ย อ่ะ น่าสนใจๆ

*** อยากให้บ้านเราลองดูบ้างครับ เพราะบ้านเรา บางทีใช้ยาเบื่อปู หรือ สารเคมี ทำให้เกิดสารเคมี

ตกค้างในปู และ ธรรมชาติ เสียสมดุลไปครับ ***

 

“ข้าวนาปู” ข้าวออร์แกนิกส์ที่บูมที่สุดในหนิงเซี่ย

ยุคนี้กระแสการบริโภคอาหารชีวภาพกำลังมาแรงทั้งในตลาดตะวันตก ยุโรปและอเมริกา ไม่เว้นแม้แต่จีน เนื่องจากจีนมีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและมีเศรษฐีใหม่เพิ่มขึ้นจำนวนมากทุกปี ผู้บริโภคจีนหันมานิยมสินค้าเพื่อสุขภาพมากขึ้น นอกจากจะได้สินค้าที่ดีต่อตนเองแล้วยังรักษาสิ่งแวดล้อม อีกทั้งช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับเกษตรกร

 

หลายคนคงเคยได้ยินคำว่าข้าวออร์แกนิกส์หรือข้าวอินทรีย์กันมาบ้าง ข้าวออร์แกนิกส์หรือข้าวอินทรีย์ก็คือ การปลูกข้าวที่ปลอดจากสารเคมีทุกขั้นตอน ไม่ใส่ปุ๋ยเคมียกเว้นปุ๋ยชีวภาพ จนถึงการควบคุมโรคแมลงด้วยวิธีพิเศษ แล้วคุณเคยได้ยินคำว่า “ข้าวนาปู” หรือไม่ ?? ข้าวนาปูมีชื่อภาษาจีนว่า ข้าวเซี่ยเถียน (蟹田米) ก็คือการปลูกข้าวควบคู่ไปพร้อม ๆ กับการเลี้ยงปูน้ำจืดนั่นเอง แต่หลายคนคงงง เพราะส่วนใหญ่เราเคยได้ยินแต่การกำจัดปูในนาข้าว เนื่องจากทำความเสียหายให้กับต้นข้าว บ้างก็เอามาทำปูนาดองไว้ใส่ส้มตำรสแซ่บหรือทำน้ำปูก็อร่อยดี (น้ำปูหรือทางภาคเหนือเรียกว่าน้ำปู๋ ทำจากปูนาที่นำมาตำและกรองเอาแต่น้ำ เคี้ยวจนเหนียวเป็นสีดำ ใช้ปรุงอาหารได้หลายชนิด เป็นสิ่งจำเป็นในครัวพอ ๆ กับปลาร้าในไหของภาคอีสาน) ข้าวนาปูคืออะไรและเป็นอย่างไร เราตามไปดูชาวหนิงเซี่ยเขาปลูกข้าวกันดีกว่า

 

หนิงเซี่ยได้นำเทคนิคการปลูกข้าวควบคู่กับการเลี้ยงปูน้ำจืด หรือที่เรียกว่า ระบบ symbiosis (ซิมไบโอซิส คือ การอยู่รวมกันของสิ่งมีชีวิตสองชนิดที่เอี้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน) เข้ามาใช้ในแปลงนาข้าวตั้งแต่ปี 2552 นับเป็นการผสมผสานการเพาะปลูกควบคู่กับการเพาะเลี้ยงได้อย่างลงตัว เริ่มต้นได้มีการทดลองเพาะปลูกข้าวในนาปูจำนวน 1,000 หมู่ (ประมาณ 2.4 หมู่ เท่ากับ 1 ไร่) ใช้พันธุ์ข้าว Jing27 (หรือเรียกว่า Ji-T39 ,宁粳 27 号) และพันธุ์ 843 โดยแปลงนา 1 หมู่สามารถเพาะปลูกข้าวได้ 550 กิโลกรัม และเพาะเลี้ยงปูได้ 25 กิโลกรัม ทำรายได้ให้เกษตรกรเพิ่มขึ้นประมาณหมู่ละ 1,500 – 1,800 หยวน อีกทั้งได้ข้าวที่ปลอดสารเคมี แถมยังเป็นการเพาะปลูกเชิงนิเวศวิทยาที่รักษาสิ่งแวดล้อมและไม่ทำร้ายสังคมอีกด้วย สำหรับปี 2553 ได้มีการขยายผลปลูกในแปลงนาข้าวจำนวน 50,000 หมู่ ในอำเภอเห้อหลาน (นครอิ๋นชวน) เมืองชิงถงเสียและเมืองจงเว่ย นอกจากนี้ ยังคาดการณ์กันว่าจะขยายผลการปลูกข้าวนาปูถึง 500,000 หมู่ภายในปี 2555 และเพาะเลี้ยงปูน้ำจืดได้อีก 4,000 ตัน

 

จากผลการทดลองการปลูกข้าวควบคู่กับการเลี้ยงปูนั้นพบว่า ปูเจริญเติบโตได้ดี ปูช่วยกำจัดวัชพืชและแมลง ทำให้ดินร่วนซุย มูลของปูยังเป็นปุ๋ยแก่ต้นข้าว ตลอดการปลูกข้าวจึงไม่จำเป็นต้องใช้สารกำจัดศัตรูพืช ปุ๋ยเคมี ฮอร์โมน สารเคมีและเทคนิคการดัดแปลงพันธุกรรมใด ๆ เป็นการเพาะปลูกเชิงนิเวศวิทยาที่ส่งผลให้ต้นข้าวมีแร่ธาตุและสารอาหารสมบูรณ์

 

หลังข้าวนาปูออกสู่ตลาดก็ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคที่รักสุขภาพเป็นอย่างดี แถมข้าวก็มีรสชาติอร่อย หอมและเหนียวนุ่ม โดยเฉพาะเืมื่อช่วงเทศกาลตรุษจีนเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ข้าวนาปูถูกเลือกให้เป็นของขวัญที่มีค่าสำหรับผู้ซื้อและผู้รับ ทำให้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ข้าวนาปูของหนิงเซี่ยได้จำหน่ายไปยังต่างมณฑลและต่างประเทศ อาทิเ่ช่น เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว เซินเจิ้น ปักกิ่ง ส่านซี กานซู ชิงไห่ ประเทศมองโกเลียและกลุ่มประเทศอาหรับ โดยข้าวนาปูได้ถูกส่งออกจำหน่ายไปพร้อมกับข้าวออร์แกนิกส์ชนิดต่าง ๆ ของหนิงเซี่ยในปัจจุบัน เช่น ข้าวกล้องและข้าว Selenium-rich rice (ข้าวที่มีสารซีลีเนียมมากกว่าข้าวสารทั่วไป) ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้า High-end เป็นอย่างมาก ราคาโดยเฉลี่ยของข้าวออร์กานิกส์ทั่วไปอยู่ที่กิโลกรัมละ 35 – 40 หยวน สำหรับข้าวนาปูราคาขายปลีกอยู่ที่กิโลกรัมละ 25 หยวน นับว่าแพงกว่าข้าวสารโดยทั่วไป 4 - 5 เท่า แถมแพงกว่าข้าวหอมมะลิของไทยเสียอีก

 

วิธีการปลูกข้าวนาปู

เทคนิคสำคัญของการปลูกข้าวนาปูคือ การเตรียมแปลงนาข้าวและการปลูกข้าวก่อนฤดูหรือเร็วกว่าปกติ โดยราวกลางเดือนเม.ย. เมื่อเกษตรกรถอนหญ้าในนาปูหรือบ่อปูเรียบร้อยแล้ว จะเริ่มนำต้นกล้าข้าวลงปลูกในนาปู หลังจากรอระยะเวลาให้ข้าวตั้งตัว ประมาณกลางเดือนพ.ค.ให้นำลูกปูปล่อยในแปลงนาข้าว ลูกปูและต้นข้าวจะเติบโตไปพร้อม ๆ กัน (เทคนิคสำคัญคือ ต้นข้าวจะต้องสูงกว่า 10 ซม.ขึ้นไปจึงจะปล่อยลูกปูเข้าแปลงนาได้ นอกจากนี้ ก่อนปล่อยลูกปูลงนาอุณหภูมิของน้ำในบ่อเลี้ยงปูกับแปลงนาไม่ควรต่างกันเกินกว่า 3 องศาเซลเซียส) เมื่อนาข้าวถูกแมลงรุกราน ปูจะไต่ไปตามต้นข้าวและกัดกินแมลง ดังนั้นข้าวจึงไม่จำเป็นต้องพึ่งยาฆ่าแมลงเลย ประมาณเดือนก.ค.ให้ใช้แรงงานคนถอนต้นหญ้า จากนั้นราวเดือนต.ค.จึงทำการเก็บเกี่ยวข้าว

 

เคล็ดลับของการทำข้าวนาปู

 

เคล็ดลับสำคัญของการทำข้าวนาปูอยู่ที่การเตรียมแปลงนา วิธีการคือ ต้องปรับบ่อเลี้ยงปูซึ่งมีความลึกให้ตื้นขึ้นและเรียบ ปรับคันนา 4 ทิศทางให้สูงขึ้นและล้อมด้วยพลาสติก ใช้ไม้ขนาดความสูง 60 – 65 ซม.ปักรอบคันนาและให้มีระยะห่างกันประมาณ 1 เมตร โดยไม้จะต้องห่อหุ้มด้วยพลาสติกเช่นกัน การปักไม้ตามคันนาตัวไม้โผล่พ้นจากพื้นดิน 50 ซม. และปักลงไปในดินราว 10 – 15 ซม. จากนั้นนำดินมาอุดรอบไม้ให้แน่น เพื่อไม่ให้น้ำเข้าไปในไม้ ต่อมาให้ทำการขุดร่องน้ำรอบคันนาภายในแปลงข้าวขนาดความกว้าง 2 – 2.5 เมตร ความลึก 0.8 เมตร และความลาดเอียง 1 : 3 โดยร่องน้ำมีระยะห่างจากคันนาราว 1 เมตร ดังนั้นจึงสามารถปลูกข้าวได้ทั้งบริเวณภายในและภายนอกร่องน้ำ ระบบน้ำเข้า-ออกใช้ปั๊มสูบน้ำ และการสูบน้ำเข้าและออกให้อยู่ทิศตรงข้ามกัน ท่อสูบน้ำเข้าให้ใช้ตาข่ายไนลอนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง (รูตาข่าย) 0.33 มม. ปิดท่อไว้เวลาสูบน้ำเข้า เพื่อป้องกันสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก เช่น ลูกปลาและไข่ปลา เข้าไปทำร้ายลูกปูหรือแย่งออกซิเจนและอาหารของลูกปู ซึ่งจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของลูกปูได้

                    

 

ไทยเราเองก็มีการพัฒนาข้าวเพื่อสุขภาพหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นข้าวกล้องงอก ข้าวฮาง (ข้าวหอมมะลินึ่ง) และข้าวเคลือบสมุนไพร เพื่อยกระดับข้าวธรรมดา ๆ ของชาวนาให้มี “คุณค่า” และ “มูลค่า” มากยิ่งขึ้น หากจะว่าไปแล้ว “ข้าวนาปู” ก็มีแนวความคิดที่คล้ายคลึงกับ “การเลี้ยงกุ้งก้ามร่วมกับการปลูกข้าว” ของโครงการหลวงในไทย ที่หยิบยกเอาเอกลักษณ์ ภูมิปัญญา และข้อดีที่มีอยู่แล้วมาปรับประยุกต์ให้เป็น “จุดเด่น” ที่ไม่เหมือนใคร ทั้งนี้ “ข้าวนาปู” ไม่เพียงแต่เป็นเทคโนโลยีผลิตข้าวออแกนิกส์ที่เป็นมิตรต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมโดยวิธีเรียบง่าย หากแต่ยังเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรอย่างมั่นคง ยั่งยืน และคง Concept “รักษ์โลก” ไว้ได้อย่างสมบูรณ์

 

หมายเหตุ

กุ้งก้าม เป็นชื่อที่หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ทรงเป็นผู้ตั้งชื่อเป็นภาษาไทย เป็นกุ้งน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Red Craw Crayfish ชื่อวิทยาศาสตร์ Cherax quadricarinatus กุ้งก้ามถูกนำมาเลี้ยงครั้งแรกเมื่อต้นปี 2549 ที่งานวิจัยประมงที่สูงอินทนนท์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด จังหวัดเชียงใหม่ โดยเพาะเลี้ยงในบ่อดิน เป็นสายพันธุ์มาจากประเทศออสเตรเลีย (จาก www.numsai.com)

แหล่งข้อมูล
www.nx.xinhuanet.com วันที่ 16 มิถุนายน 2553 , 12 กรกฎาคม 2553 และ 15 กรกฎาคม 2553
www.baidu.com
www.chinadami.com





เขียนโดย : ธิดารัตน์ วนพฤกษาศิลป์ ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในจีน ณ นครซีอาน วันที่ 5 สิงหาคม 2553




 

Create Date : 21 พฤษภาคม 2556   
Last Update : 21 พฤษภาคม 2556 20:09:48 น.   
Counter : 2475 Pageviews.  

นัตโตะ ถั่วเน่าแต่มีประโยชน์

นัตโตะ(納豆) หรือถั่วหมัก เป็นอาหารญี่ปุ่นประเภทหนึ่งซึ่งคนญี่ปุ่นนิยมรับประทานร่วมกับข้าวสวยเป็นอาหารมื้อเช้า นัตโตะสามารถทำได้จากการนำเอาถั่วเหลืองมาหมักกับแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า Bactillus Subtilis Natto หรือภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า นัตโตะ-คิน(納豆菌) 




ปัจจุบันนี้ตามร้านอาหารญี่ปุ่นและห้างสรรพสินค้าทั่วไปในประเทศไทยก็มีนัตโตะขายค่ะ หลายคนอาจเคยได้ลิ้มลองเจ้านัตโตะนี้มาแล้ว บางคนรับประทานครั้งเดียวแล้วติดใจ บางคนอาจจะต้องรับประทานหลายครั้งหน่อยจึงจะเริ่มรู้สึกอร่อย บางคนอาจจะรับประทานแค่ครั้งเดียวถึงกับเกลียดกันไปจนวันตาย หรือบางคนแค่ได้กลิ่นหรือได้เห็นหน้าตาของนัตโตะก็ยอมแพ้ไม่กล้ากินไปเสียก่อนแล้ว เนื่องจากนัตโตะมีลักษณะเหนียวและยืดได้คล้ายใยแมงมุม มีกลิ่นที่ค่อนข้างแรง และรสชาติที่อาจจะแปลกสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับนัตโตะค่ะ


ประโยชน์และคุณค่าทางสารอาหาร 
ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกจะไม่ชวนรับประทานเท่าใดนัก แต่จากผลการวิจัยพบว่านัตโตะเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น โปรตีน โปรไบโอติกส์ วิตามินเค เป็นต้น นัตโตะมีคุณสมบัติช่วยลดโคเลสเตอรอล ป้องกันโรคหัวใจ และลดโอกาสการเกิดเส้นเลือดในสมองแตกได้ นอกจากนี้จากผลการวิจัยในปี 2009 พบว่านัตโตะสามารถช่วยป้องกันหรือรักษาโรคอัลไซเมอร์ได้อีกด้วยค่ะ




วิธีการรับประทานนัตโตะ 
การรับประทานนัตโตะนั้นมีหลากหลายรูปแบบแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล โดยหลักๆ แล้ว จะนิยมรับประทานกันโดยผสมกับซอสโชยุ (ซีอิ๊วญี่ปุ่น) และมัสตาร์ดที่มักจะมีให้มาพร้อมกับห่อบรรจุนัตโตะสำเร็จรูปที่วางขายกันทั่วไป ส่วนผสมอื่นๆ ที่คนญี่ปุ่นนิยมผสมร่วมกับนัตโตะ ได้แก่ ต้นหอมซอย หัวไชเท้าฝอย ไข่ดิบ เป็นต้น วิธีการรับประทานเริ่มจากนำส่วนผสมที่จะปรุงเพิ่มใส่ลงไปในนัตโตะ แล้วคนแรงๆ เพื่อให้ส่วนผสมเข้ากันและเกิดเป็นฟองขึ้น (มีความเชื่อที่กล่าวกันว่าถ้าคนนัตโตครบ 100 ครั้งแล้วจะได้คุณค่าทางอาหารสูงสุดด้วยค่ะ) จากนั้นเทราดลงไปบนข้าวสวย แล้วก็รับประทานได้เลยค่ะ นอกจากนี้ยังสามารถนำนัตโตะไปประยุกต์ด้วยกรรมวิธีการปรุงอื่นๆ ได้ เช่น ข้าวผัดนัตโตะ ราเม็งนัตโตะ ซูชินัตโตะ ก็ได้เช่นกันค่ะ




สำหรับใครที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น และยังไม่เคยรับประทานนัตโตะก็ลองลิ้มรสอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมนี้กันดูได้นะคะ


ขอบคุณข้อมูลจาก : //ja.wikipedia.org/wiki/%E7%B4%8D%E8%B1%86
ที่มา : Shirayuri Sorami 




 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2556   
Last Update : 19 พฤษภาคม 2556 23:34:28 น.   
Counter : 4263 Pageviews.  

อุโมงค์ไฟประดับ นะงะจิมะ ออนเซน ญี่ปุ่น

อุโมงค์ไฟประดับ ญี่ปุ่น

อุโมงค์ไฟประดับ ญี่ปุ่น

อุโมงค์ไฟประดับ นะบะนะ โนะ ซะโตะ ( Light Tunnel in Nabana no Sato) เป็น อุโมงค์ประดับด้วยไฟ ที่สร้างขึ้นจากหลอดไฟ LED ทั้งหมดถึง 7 ล้านหลอด (เดินผ่านเข้าไปข้างใน คงให้อากาศที่อุ่นเลยทีเดียว) ซึ่งทำการเปิดแสดงไฟประดับทุกวันพิเศษ เฉพาะในช่วงฤดูหนาว โดยเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ถึงปลายเดือนมีนาคมของทุกๆ ปี โดยธีมของการจัดไฟประดับจะเปลี่ยนแปลงในทุกปี

อุโมงค์ไฟประดับ ญี่ปุ่น
โดยต้นปีที่ผ่านมา ไฟประดับถูกสร้างขึ้นในธีม “The Great Nature” ซึ่ง นักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะได้ชื่นชมในความงดงามของอุโมงค์ที่มีสีสันสวยงาม หลากหลายสีสันได้แก่ การจัดไฟสีรุ้ง แสงออโรรา (แสงเหนือ) แสงพระอาทิตย์ขึ้น รวมไปถึงการจัดไฟประดับเป็นรูปภูเขาไฟฟูจิ

อุโมงค์ไฟประดับ ญี่ปุ่น

โดยนักท่องเที่ยวสามารถชมแสงสีของ อุโมค์ไฟประดับ ด้วยการเดินไปตามทางเดินที่มุ่งไปสู่ส่วนเมนหลักของไฟประดับ ซึ่งจะเป็นทางเดินแบบวันเวย์ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะชมไฟประดับไม่ทั่วถึง

อุโมงค์ไฟประดับ ญี่ปุ่น

แม้ว่าเทศกาล อุโมงค์ไฟประดับ ที่ นะงะจิมะ ออนเซน ในปีนี้จะผ่านพ้นไปแล้วก็ตาม แต่ไม่เป็นไร สมาชิกมิตรรัก ชมภาพตัวอย่างงามๆ แก้ขัดไปก่อน เตรียมเงินให้พร้อม ไว้สิ้นปีนี้ อุโมงค์ไฟประดับ จังหวัดมิเอะ ประเทศญี่ปุ่น จะกลับมาให้นักท่องเที่ยวได้เดินยลโฉมกันอีกครั้งอย่างแน่นอน

อุโมงค์ไฟประดับ ญี่ปุ่น

อุโมงค์ไฟประดับ ญี่ปุ่นอุโมงค์ไฟประดับ ญี่ปุ่นอุโมงค์ไฟประดับ ญี่ปุ่น

ที่มา : MThai




 

Create Date : 16 พฤษภาคม 2556   
Last Update : 16 พฤษภาคม 2556 23:23:13 น.   
Counter : 2064 Pageviews.  

โอ้ว มายก็อด ดูหนังโป๊ เสี่ยงความจำเสื่อม !!!

ดูหนังโป๊เยอะ เสี่ยงความจำเสื่อม

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นักวิทยาศาสตร์ของประเทศเยอรมนีได้ศึกษาพบว่า บุคคลที่ชอบดูหนังโป๊ทางออนไลน์หรือทางอินเทอร์เน็ต จะเสี่ยงอันตรายที่จะมีความสั้นจำ และอาจส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อชีวิต

โดยกลุ่มนักวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัย"ดุยส์บวกส์"ของเยอรมัน ได้ทำการศึกษาส่วนของสมอง ที่รับผิดชอบต่อบทบาทการเก็บข้อมูลในจิตใจและต้องใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อบรรลุภารกิจต่างๆ ที่สำคัญต่อความเข้าใจ การใช้ชีวิต การแก้ปัญหา และการตัดสิน นักวิจัยได้ทำการศึกษาผู้ชาย 28 ราย โดยให้ดูภาพต่างๆที่คละกันระหว่างภาพโป๊และภาพไม่โป๊ในช่วงเวลาต่างๆ พบว่า พวกเขาจะเกิดความสับสนว่า เคยดูภาพโป๊ดังกล่าวเมื่อไหร่ ผิดจากภาพปกติธรรมดา ที่พวกเขาจะสามารถจำได้ โดยคนที่ดูภาพปกติ จะตอบคำถามได้ถูกถึงร้อยละ 80% เทียบกับผู้ที่ดูภาพโป๊จะตอบถูกได้เพียงร้อยละ 67%

ด้านผู้ทำการวิจัยเผยว่า การศึกษาจะทำให้นักจิตวิทยาเข้าใจว่าเหตุใดบางคนที่ติดภาพโป๊ ถึงลืมนอน พลาดการนัดหมาย ความรับผิดชอบต่องานต่ำและมีความสัมพันธ์อย่างไม่รับผิดชอบ ขณะที่การศึกษาก่อนหน้านี้พบว่า การตื่นตัวทางเพศจะขัดขวางระบบการทำงานของความจำ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการทำงานต่างๆที่สำคัญ แต่เนื่องจากการศึกษานี้กระทำต่อเฉพาะผู้ชาย จึงไม่สามารถตอบได้ว่า มันมีผลกระทบรวมถึงผู้หญิงด้วยหรือไม่

ที่มา: //www.toptenthailand.com/23-2462.html




 

Create Date : 14 พฤษภาคม 2556   
Last Update : 14 พฤษภาคม 2556 21:07:30 น.   
Counter : 3894 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  

เหมียวกุ่ย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




ยินดีต้อนรับพี่ๆน้องๆทุกท่านเข้าเยี่ยมชม เว็บบล็อคแห่งนี้ หวังว่าทุกท่านจะมีความสุขในการชมบล็อคของกระผมนะครับ










View My Stats
New Comments
[Add เหมียวกุ่ย's blog to your web]